เคยรีวิว สารพัดอย่างในพันทิปมา
ส่วนใหญ่เป็นเรื่องกิน ๆ เที่ยว ๆ
คราวนี้ มาขอรีวิวเรื่องบทสุดท้ายของชีวิตกันบ้างค่ะ
บริจาคร่างกาย : การทำบุญใหญ่ในวาระสุดท้ายของชีวิต
เท้าความสักนิด
ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา คุณพ่อรุ่นน้องที่สนิทกันป่วยค่ะ
ดิฉันได้มีโอกาสไปเยี่ยมท่าน ยังจำได้ว่า ตอนนั้น ไม่รู้จะเอาอะไรไปเยี่ยม เพราะท่านกินดื่มอะไรไม่ค่อยได้แล้ว
และครอบครัวของน้องก็ดูแลท่านอย่างดีเลิศ
สิ่งที่เอาไปเยี่ยมก็คือสเปรย์น้ำกุหลาบ และน้ำมนต์
นี่คือของสะสมที่ใคร ๆ คงมองว่าดิฉันประหลาด เพราะมีน้ำมนต์จากหลายแหล่ง ทั้งวัดที่ญี่ปุ่น ฝอกวงซานในไทย น้ำสรงพระบรมสารีริกธาตุ วัดกันภัย วัดท่าซุง น้ำมนต์จากวัดโพธิ์ที่อ่างน้ำมนต์นี้ถือว่าขลังมาก เพราะเป็นอ่างน้ำมนต์ดั้งเดิมที่อยู่ในอุโบสถ เป็นที่ซึ่งพระท่านสวดมนต์กันมานานเป็นร้อย ๆ ปี (วัดโพธิ์สร้างก่อนกรุงรัตนโกสินทร์นะคะ)
ซึ่งเอาไว้ให้น้องได้ใช้เช็ดหน้าเช็ดตัวให้คุณพ่อเป็นขวัญเป็นกำลังใจ และรู้สึกสดชื่น
จากนั้น ไม่นาน คุณพ่อน้องก็จากไปอย่างสงบ
ตอนไปร่วมงานพ่อของน้องที่ศาลากลางน้ำ น้องแจ้งว่า คุณพ่อบริจาคร่างกายสำหรับเป็นอาจารย์ใหญ่ให้ที่โรงพยาบาลรามาฯ
และอีกไม่กี่อาทิตย์ น้องก็ชวนให้ไปร่วมทำบุญให้คุณพ่อ โดยน้องบอกว่า อยู่ "ตึกกายวิภาค" โรงพยาบาลรามาธิบดีที่บางพลี
ดิฉันก็ได้มีโอกาสไปร่วมงานด้วย รู้สึกประทับใจในการจัดการของที่นี่มาก เลยอยากมาแชร์ให้ฟังค่ะ
เจ้าหน้าที่คือ คุณสุรศักดิ์ เล่าให้ฟังถึงกระบวนการ และขั้นตอนการรับร่างอาจารย์ใหญ่มา
ของที่นี่ จะอยู่ในตึกกายวิภาคที่อุณหภูมิเย็นเฉียบ
ห้องที่ทำบุญคือ ห้องที่อยู่หน้าทางเข้าไปสู่อาคารด้านในที่คนภายนอกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า
มีการนิมนต์พระสงฆ์มาสวด และรับสังฆทาน
และมีการทำหนังสืออนุสรณ์รวบรวมประวัติย่อของอาจารย์ใหญ่ทุกท่าน และให้นักศึกษาที่เรียนจาก "ร่าง" ของอาจารย์ใหญ่เขียนเนื้อความแสดงความขอบคุณและเคารพต่ออาจารย์ใหญ่ที่สละร่างมาให้เป็นวิทยาทานและเครื่องมือในการเรียน
ดิฉันขออนุญาตลงรูปและตัวอย่างเนื้อหาในหนังสืออนุสรณ์นะคะ
พญ.ณัฏฐา ชุณหสวัสดิกุล หรือคุณหมอลลิตา ธีระสิริ
ท่านจบจากที่รามาฯ และได้อุทิศร่างของท่านให้เป็นอาจารย์ใหญ่ในสถาบันที่ท่านได้เรียนจบมา
ดิฉันเข้าใจว่าเจตจำนงนี้ชัดเจนจากที่เห็นข่าวคราวในเฟสบุ๊คที่เขียนถึงท่าน
ดังนั้น จึงขออนุมานเอาว่า ท่านน่าจะอนุญาตให้ลงรูปนี้ในกระทู้รีวิวเรื่องการบริจาคร่างนะคะ
ดิฉันตามอ่านงานของท่านตั้งแต่ที่ท่านเขียนเรื่อง บันทึก (ลับ) นักศึกษาแพทย์ เล่าเรื่องสมัยที่ท่านเรียนแพทย์ที่รามาฯ เป็นแพทย์ฝึกหัด ก่อนขึ้นมาเป็นแพทย์เต็มตัว มีเกร็ดสนุก ๆ สมัยช่วงต้น ๆ ของโรงพยาบาลตั้งแต่สมัยโปรเฟสเซอร์ซอว์เยอร์เป็นเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่รามาสมัยก่อนโน้นนนน
พิธีทำบุญเป็นไปอย่างเรียบง่าย แต่ดูขลังและศักดิ์สิทธิ์
การจัดการเรียบร้อยมาก
ช่วยลดทอนความกังวลสำหรับหลายคนที่เข้าใจว่า บริจาคร่างกายไปแล้ว ลูกหลานว่านเครือยังมาทำบุญให้ได้รึเปล่า ? หรือต้องไปรอทำรวมกับอาจารย์ท่านอื่น ๆ ในงานใหญ่ประจำปีเท่านั้น
อ้อ ... แต่งานใหญ่ประจำปียังคงมีอยู่เช่นกันนะคะ
เห็นแบบนี้แล้ว ครอบครัวของน้องที่ดิฉันรู้จักที่ไปร่วมทำบุญ เลยตัดสินใจทำหนังสือขอบริจาคร่างกายทั้งหมดรวม 7 คน พร้อมกันไปเลย
เจ้าหน้าที่เล่าว่า
ต้องการร่างประมาณ 60 แต่มีผู้บริจาคขณะนี้ได้ที่ 45 ร่าง
ใครประสงค์จะบริจาคร่างกาย ติดต่อตามรายละเอียดในรูปนี้ได้เลยค่ะ
รีวิว : บริจาคร่างกาย และไปร่วมทำบุญอาจารย์ใหญ่ที่รามา ฯ จักรีนฤบดินทร์
ส่วนใหญ่เป็นเรื่องกิน ๆ เที่ยว ๆ
คราวนี้ มาขอรีวิวเรื่องบทสุดท้ายของชีวิตกันบ้างค่ะ
บริจาคร่างกาย : การทำบุญใหญ่ในวาระสุดท้ายของชีวิต
เท้าความสักนิด
ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา คุณพ่อรุ่นน้องที่สนิทกันป่วยค่ะ
ดิฉันได้มีโอกาสไปเยี่ยมท่าน ยังจำได้ว่า ตอนนั้น ไม่รู้จะเอาอะไรไปเยี่ยม เพราะท่านกินดื่มอะไรไม่ค่อยได้แล้ว
และครอบครัวของน้องก็ดูแลท่านอย่างดีเลิศ
สิ่งที่เอาไปเยี่ยมก็คือสเปรย์น้ำกุหลาบ และน้ำมนต์
นี่คือของสะสมที่ใคร ๆ คงมองว่าดิฉันประหลาด เพราะมีน้ำมนต์จากหลายแหล่ง ทั้งวัดที่ญี่ปุ่น ฝอกวงซานในไทย น้ำสรงพระบรมสารีริกธาตุ วัดกันภัย วัดท่าซุง น้ำมนต์จากวัดโพธิ์ที่อ่างน้ำมนต์นี้ถือว่าขลังมาก เพราะเป็นอ่างน้ำมนต์ดั้งเดิมที่อยู่ในอุโบสถ เป็นที่ซึ่งพระท่านสวดมนต์กันมานานเป็นร้อย ๆ ปี (วัดโพธิ์สร้างก่อนกรุงรัตนโกสินทร์นะคะ)
ซึ่งเอาไว้ให้น้องได้ใช้เช็ดหน้าเช็ดตัวให้คุณพ่อเป็นขวัญเป็นกำลังใจ และรู้สึกสดชื่น
จากนั้น ไม่นาน คุณพ่อน้องก็จากไปอย่างสงบ
ตอนไปร่วมงานพ่อของน้องที่ศาลากลางน้ำ น้องแจ้งว่า คุณพ่อบริจาคร่างกายสำหรับเป็นอาจารย์ใหญ่ให้ที่โรงพยาบาลรามาฯ
และอีกไม่กี่อาทิตย์ น้องก็ชวนให้ไปร่วมทำบุญให้คุณพ่อ โดยน้องบอกว่า อยู่ "ตึกกายวิภาค" โรงพยาบาลรามาธิบดีที่บางพลี
ดิฉันก็ได้มีโอกาสไปร่วมงานด้วย รู้สึกประทับใจในการจัดการของที่นี่มาก เลยอยากมาแชร์ให้ฟังค่ะ
เจ้าหน้าที่คือ คุณสุรศักดิ์ เล่าให้ฟังถึงกระบวนการ และขั้นตอนการรับร่างอาจารย์ใหญ่มา
ของที่นี่ จะอยู่ในตึกกายวิภาคที่อุณหภูมิเย็นเฉียบ
ห้องที่ทำบุญคือ ห้องที่อยู่หน้าทางเข้าไปสู่อาคารด้านในที่คนภายนอกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า
มีการนิมนต์พระสงฆ์มาสวด และรับสังฆทาน
และมีการทำหนังสืออนุสรณ์รวบรวมประวัติย่อของอาจารย์ใหญ่ทุกท่าน และให้นักศึกษาที่เรียนจาก "ร่าง" ของอาจารย์ใหญ่เขียนเนื้อความแสดงความขอบคุณและเคารพต่ออาจารย์ใหญ่ที่สละร่างมาให้เป็นวิทยาทานและเครื่องมือในการเรียน
ดิฉันขออนุญาตลงรูปและตัวอย่างเนื้อหาในหนังสืออนุสรณ์นะคะ
พญ.ณัฏฐา ชุณหสวัสดิกุล หรือคุณหมอลลิตา ธีระสิริ
ท่านจบจากที่รามาฯ และได้อุทิศร่างของท่านให้เป็นอาจารย์ใหญ่ในสถาบันที่ท่านได้เรียนจบมา
ดิฉันเข้าใจว่าเจตจำนงนี้ชัดเจนจากที่เห็นข่าวคราวในเฟสบุ๊คที่เขียนถึงท่าน
ดังนั้น จึงขออนุมานเอาว่า ท่านน่าจะอนุญาตให้ลงรูปนี้ในกระทู้รีวิวเรื่องการบริจาคร่างนะคะ
ดิฉันตามอ่านงานของท่านตั้งแต่ที่ท่านเขียนเรื่อง บันทึก (ลับ) นักศึกษาแพทย์ เล่าเรื่องสมัยที่ท่านเรียนแพทย์ที่รามาฯ เป็นแพทย์ฝึกหัด ก่อนขึ้นมาเป็นแพทย์เต็มตัว มีเกร็ดสนุก ๆ สมัยช่วงต้น ๆ ของโรงพยาบาลตั้งแต่สมัยโปรเฟสเซอร์ซอว์เยอร์เป็นเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่รามาสมัยก่อนโน้นนนน
พิธีทำบุญเป็นไปอย่างเรียบง่าย แต่ดูขลังและศักดิ์สิทธิ์
การจัดการเรียบร้อยมาก
ช่วยลดทอนความกังวลสำหรับหลายคนที่เข้าใจว่า บริจาคร่างกายไปแล้ว ลูกหลานว่านเครือยังมาทำบุญให้ได้รึเปล่า ? หรือต้องไปรอทำรวมกับอาจารย์ท่านอื่น ๆ ในงานใหญ่ประจำปีเท่านั้น
อ้อ ... แต่งานใหญ่ประจำปียังคงมีอยู่เช่นกันนะคะ
เห็นแบบนี้แล้ว ครอบครัวของน้องที่ดิฉันรู้จักที่ไปร่วมทำบุญ เลยตัดสินใจทำหนังสือขอบริจาคร่างกายทั้งหมดรวม 7 คน พร้อมกันไปเลย
เจ้าหน้าที่เล่าว่า
ต้องการร่างประมาณ 60 แต่มีผู้บริจาคขณะนี้ได้ที่ 45 ร่าง
ใครประสงค์จะบริจาคร่างกาย ติดต่อตามรายละเอียดในรูปนี้ได้เลยค่ะ