เอาจริงๆผมไม่ค่อยอินเรื่อง Gen นะครับ แต่ในกระทู้นี้ผมขอให้มันเพื่ออธิบายให้เข้าใจง่ายนะครับ
ผมไปเจอคลิปๆหนึ่งมา ที่ Gen x กับ z คุยกันในเรื่องการทำงาน
Gen z อยากให้ 'ลดเรื่องคำหยาบ น้ำเสียง ต่อให้ทำผิดแค่ไหนก็อยากให้พูดดีๆ ไม่อยากให้ด่าหรือแขวนในที่ประชุม ให้เรียกไปคุยส่วนตัว เพราะมันทำให้อายคนอื่นแล้วไม่อยากไปทำงาน เพราะคนทำผิดก็รู้ตัวเองดีอยู่แล้วว่าทำผิด' ในคลิปคือ Gen x ก็บอกว่าจะทำให้นะ
แล้วส่วนตัวผมเองก็เป็น Gen z เหมือนกัน ก็มีความคิดเหมือนหลายๆคนนี่แหละ ประมาณว่า เราไปทำงานเราไม่ได้ไปให้เขาด่า คนเรามีการศึกษา โตแล้วก็ควรควบคุมอารมณ์และคำพูดตัวเองให้ได้ ไปทำงานก็ไม่อยากไปด้วยความรู้สึกอาย กดดัน หรือความรู้สึกด้านลบต่างๆ
และในช่วงที่ผมกำลังเรียนไปทำงานไป ผมก็โดนเรียกไปคุยแบบนี้แหละ เพราะผมไปพูดว่า 'หัวหน้าหายไปไหนทั้งวัน สบายจังเนาะ แต่งตัวดีๆ กินของแพงๆ เวลามาบริษัททีก็พาเมียพาลูกมาด้วย ไปพอใจอะไรก็ลงกับลูกน้อง ทำผิดอะไรนิดหน่อยก็ด่าอย่างกับบริษัทโดนธรณีสูบ'
ตอนที่โดนเรียกไปคุย เขาก็ถามผมนะ ว่าไม่พอใจ หรือไม่โอเคอะไรตรงไหนไหม ผมก็คุยกับเขาไป ส่วนมากก็เรื่องคำพูดคำจาหัวหน้านี่แหละ สมัยนี้มันไม่ใช่สมัยที่ต้องมานั่งใช้อารมณ์คุยกันแล้ว เขาก็บอกว่าโอเคเดี๋ยวพี่ทำให้ แต่มีข้อแลกเปลี่ยน อาทิตย์หน้าให้ติดรถเขาไปทำงานด้วยกัน 1 อาทิตย์ เขาจะให้ 3000 แล้วถ้าทำเกินเวลา เขาให้ชั่วโมงละ 100 ผมก็คิดตามภาษาเด็กอ่ะ เอาดิ! ได้เงินแถมยังได้นั่งรถทั้งวัน ได้กินของดีๆอีก
โดยหารู้ไม่...
ผมไม่รู้จะนิยามสิ่งที่ผมเจอยังไง คือ ผมตัวติดกับหัวหน้าตลอด 2 วันแรกผมมานอนบ้าน อีก4วันผมขอนอนบ้านหัวหน้าเลย คือมันเหนื่อยมาก แล้วอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด แล้วที่ขับรถไปหลายที่คือไปประชุม ไปเจอลูกค้า ไปเจอนายทุน ไปออฟฟิศอื่น ไปดูความเรียบร้อยแต่ละออฟฟิศ แต่ละแผนก นั่งกินข้าวได้แปปเดียว มีคนโทรมาก็ต้องรีบกินรีบไป แล้วเรื่องความผิดพลาดมันไม่ได้มีแค่ออฟฟิศผมที่เดียว มันยังมีที่อื่นอีก หลายๆคนก็ต้องรอถามหัวหน้าว่าจะเอาไงดี ของพัง จะเบิกก็ต้องคุยก่อน แล้วของแต่ละอย่างมันไม่ใช่ของเล็กๆอย่างเรื่องปริ้น เครื่องถ่ายเอกสารไง ไหนจะเอกสารไม่ครบ ใบขออนุญาตอะไรต่อมิอะไร หัวหน้าต้องเป็นคนคิด คนให้คำสั่ง บางเรื่องที่ผู้จัดการคิดได้ก็ให้คิดไป บางทีก็คิดไปคิดมา แย่กว่าเดิม บางเรื่องที่คิดว่าเรื่องเล็กๆ มันกระทบไปถึงสำนักงานใหญ่ เช่นแค่บิลมาช้าเนี่ย ก็ต้องมาดูอีกว่าที่มาช้าเนี่ย เพราะอะไร เคสบายเคส หัวหน้าต้องไปก้มหัวขอโทษและหาคำแก้ตัวให้ หนักสุดเลยคือสำนักงานใหญ่จะให้หัวหน้าเข้าไปอยู่ในสำนักงานใหญ่ แล้วให้คนจากสำนักงานใหญ่ไปคุมแทน แล้วจะเปลี่ยนพนักงานใหม่ยกคณะเลย หัวหน้าก็บ่ายเบี่ยงให้ลูกน้องทำงานต่อ จบๆๆๆๆๆๆ
จนผมได้เข้าใจว่า มันเหนื่อยมาก บางวันแม้ไม่ได้ขับรถไปไหนเยอะ ก็ต้องรับมือถือ แล้วมีเรื่องมาให้คิดไม่เว้นแต่ละวัน บางเรื่องก็ต้องรอคำตอบจากอีกที่ด้วย แล้วที่มันพาให้เครียดคือ ปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้ แต่สำนักงานใหญ่เขางี่เง่า
ผมถึงได้เปลี่ยนความคิดว่า แต่ละหน้าที่ก็ควรทำให้เต็มที่ แต่ถ้าบริษัทไหนให้ทำเกินตำแหน่ง อันนั้นอ่ะสมควรออกแล้วให้คนที่เหลือนั่งทำกันเอง คือมันเหมือนมีคนจ้างผมให้ขับรถไปส่งข้ามจังหวัด ผมเลยให้ช่างเช็ครถให้ พอถึงเวลาขับไปได้กลางทางแล้วรถพัง
1.ใครจะโดนผู้ว่าจ้างด่าคนแรก? แล้วผมสามารถพูดได้ไหมว่าให้ไปด่าช่างที่เช็ครถ เพราะผมสั่งมันแล้ว?
2.ลองนึกภาพว่าผมกลับจากโดนลูกค้าด่า ผมจะพูดว่าแบบนี้หรอ 'คุณช่างครับ ครั้งหน้าโปรดเช็คให้ครบทุกจุดได้ไหมครับ พอดีมันเกิดปัญหานี้ๆๆ ลูกค้าเขาติติงผมมา ยังไงก็รบกวนด้วยนะครับ เดี๋ยวลูกค้าคนต่อไปจะไม่พอใจ'
มันฟังดูเวอร์ใช้ไหมสำหรับข้อ 2 แต่มันมีคนคิดว่าอยากให้พูดแบบนี้จริงๆนะ คือบางครั้งทำผิด1คน อาจกระทบคนอื่นๆไม่ได้เงินก้อนนั้นไปด้วย มันจะดูโลกสวยไปไหมอ่ะ
และบางเรื่องมันก็ไม่สามารถเรียกไปคุยทีละคนได้ เพราะมันคือแผนงานของส่วนรวมที่ต้องรับผิดชอบ ทีมจะได้รู้ด้วยว่าตัวเองทำผิดไหม ไปผิดทางหรือป่าว หรือความผิดนี้ใครในทีมเป็นคนจ่ายงานนี้ไป ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ หรือจะอธิบายยังไง จะได้รู้ๆไปเลยแล้วคุยทีเดียว ไปนั่งเรียกทีละคนทุกเรื่องก็ไม่ไหว มันก็ได้แค่บางเรื่อง
ทุกวันนี้ผมก็เข้าใจการเป็นหัวหน้าคนมากขึ้น นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าผมไปทำงานแล้วจะโอเคกับการโดนด่าหรือพูดไม่ดีใส่ เพราะผมก็ยังคิดเสมอว่าผมมาทำงานให้เต็มที่เพื่อหาเงิน ไม่ได้มาทำหน้าที่เข้าใจใคร หรือรองรับอารมณ์ใคร
และก่อนจะจบ ผมอยากเน้นย้ำบริบทของคำว่า'บาง'หน่อยนะครับ หมายถึง sometime ไม่ได้เหมารวม และไม่ใช่ทุกครั้ง
ในการทำงาน จุดกึ่งกลางของแต่ละ Gen อยู่ตรงไหน
ผมไปเจอคลิปๆหนึ่งมา ที่ Gen x กับ z คุยกันในเรื่องการทำงาน
Gen z อยากให้ 'ลดเรื่องคำหยาบ น้ำเสียง ต่อให้ทำผิดแค่ไหนก็อยากให้พูดดีๆ ไม่อยากให้ด่าหรือแขวนในที่ประชุม ให้เรียกไปคุยส่วนตัว เพราะมันทำให้อายคนอื่นแล้วไม่อยากไปทำงาน เพราะคนทำผิดก็รู้ตัวเองดีอยู่แล้วว่าทำผิด' ในคลิปคือ Gen x ก็บอกว่าจะทำให้นะ
แล้วส่วนตัวผมเองก็เป็น Gen z เหมือนกัน ก็มีความคิดเหมือนหลายๆคนนี่แหละ ประมาณว่า เราไปทำงานเราไม่ได้ไปให้เขาด่า คนเรามีการศึกษา โตแล้วก็ควรควบคุมอารมณ์และคำพูดตัวเองให้ได้ ไปทำงานก็ไม่อยากไปด้วยความรู้สึกอาย กดดัน หรือความรู้สึกด้านลบต่างๆ
และในช่วงที่ผมกำลังเรียนไปทำงานไป ผมก็โดนเรียกไปคุยแบบนี้แหละ เพราะผมไปพูดว่า 'หัวหน้าหายไปไหนทั้งวัน สบายจังเนาะ แต่งตัวดีๆ กินของแพงๆ เวลามาบริษัททีก็พาเมียพาลูกมาด้วย ไปพอใจอะไรก็ลงกับลูกน้อง ทำผิดอะไรนิดหน่อยก็ด่าอย่างกับบริษัทโดนธรณีสูบ'
ตอนที่โดนเรียกไปคุย เขาก็ถามผมนะ ว่าไม่พอใจ หรือไม่โอเคอะไรตรงไหนไหม ผมก็คุยกับเขาไป ส่วนมากก็เรื่องคำพูดคำจาหัวหน้านี่แหละ สมัยนี้มันไม่ใช่สมัยที่ต้องมานั่งใช้อารมณ์คุยกันแล้ว เขาก็บอกว่าโอเคเดี๋ยวพี่ทำให้ แต่มีข้อแลกเปลี่ยน อาทิตย์หน้าให้ติดรถเขาไปทำงานด้วยกัน 1 อาทิตย์ เขาจะให้ 3000 แล้วถ้าทำเกินเวลา เขาให้ชั่วโมงละ 100 ผมก็คิดตามภาษาเด็กอ่ะ เอาดิ! ได้เงินแถมยังได้นั่งรถทั้งวัน ได้กินของดีๆอีก
โดยหารู้ไม่...
ผมไม่รู้จะนิยามสิ่งที่ผมเจอยังไง คือ ผมตัวติดกับหัวหน้าตลอด 2 วันแรกผมมานอนบ้าน อีก4วันผมขอนอนบ้านหัวหน้าเลย คือมันเหนื่อยมาก แล้วอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด แล้วที่ขับรถไปหลายที่คือไปประชุม ไปเจอลูกค้า ไปเจอนายทุน ไปออฟฟิศอื่น ไปดูความเรียบร้อยแต่ละออฟฟิศ แต่ละแผนก นั่งกินข้าวได้แปปเดียว มีคนโทรมาก็ต้องรีบกินรีบไป แล้วเรื่องความผิดพลาดมันไม่ได้มีแค่ออฟฟิศผมที่เดียว มันยังมีที่อื่นอีก หลายๆคนก็ต้องรอถามหัวหน้าว่าจะเอาไงดี ของพัง จะเบิกก็ต้องคุยก่อน แล้วของแต่ละอย่างมันไม่ใช่ของเล็กๆอย่างเรื่องปริ้น เครื่องถ่ายเอกสารไง ไหนจะเอกสารไม่ครบ ใบขออนุญาตอะไรต่อมิอะไร หัวหน้าต้องเป็นคนคิด คนให้คำสั่ง บางเรื่องที่ผู้จัดการคิดได้ก็ให้คิดไป บางทีก็คิดไปคิดมา แย่กว่าเดิม บางเรื่องที่คิดว่าเรื่องเล็กๆ มันกระทบไปถึงสำนักงานใหญ่ เช่นแค่บิลมาช้าเนี่ย ก็ต้องมาดูอีกว่าที่มาช้าเนี่ย เพราะอะไร เคสบายเคส หัวหน้าต้องไปก้มหัวขอโทษและหาคำแก้ตัวให้ หนักสุดเลยคือสำนักงานใหญ่จะให้หัวหน้าเข้าไปอยู่ในสำนักงานใหญ่ แล้วให้คนจากสำนักงานใหญ่ไปคุมแทน แล้วจะเปลี่ยนพนักงานใหม่ยกคณะเลย หัวหน้าก็บ่ายเบี่ยงให้ลูกน้องทำงานต่อ จบๆๆๆๆๆๆ
จนผมได้เข้าใจว่า มันเหนื่อยมาก บางวันแม้ไม่ได้ขับรถไปไหนเยอะ ก็ต้องรับมือถือ แล้วมีเรื่องมาให้คิดไม่เว้นแต่ละวัน บางเรื่องก็ต้องรอคำตอบจากอีกที่ด้วย แล้วที่มันพาให้เครียดคือ ปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้ แต่สำนักงานใหญ่เขางี่เง่า
ผมถึงได้เปลี่ยนความคิดว่า แต่ละหน้าที่ก็ควรทำให้เต็มที่ แต่ถ้าบริษัทไหนให้ทำเกินตำแหน่ง อันนั้นอ่ะสมควรออกแล้วให้คนที่เหลือนั่งทำกันเอง คือมันเหมือนมีคนจ้างผมให้ขับรถไปส่งข้ามจังหวัด ผมเลยให้ช่างเช็ครถให้ พอถึงเวลาขับไปได้กลางทางแล้วรถพัง
1.ใครจะโดนผู้ว่าจ้างด่าคนแรก? แล้วผมสามารถพูดได้ไหมว่าให้ไปด่าช่างที่เช็ครถ เพราะผมสั่งมันแล้ว?
2.ลองนึกภาพว่าผมกลับจากโดนลูกค้าด่า ผมจะพูดว่าแบบนี้หรอ 'คุณช่างครับ ครั้งหน้าโปรดเช็คให้ครบทุกจุดได้ไหมครับ พอดีมันเกิดปัญหานี้ๆๆ ลูกค้าเขาติติงผมมา ยังไงก็รบกวนด้วยนะครับ เดี๋ยวลูกค้าคนต่อไปจะไม่พอใจ'
มันฟังดูเวอร์ใช้ไหมสำหรับข้อ 2 แต่มันมีคนคิดว่าอยากให้พูดแบบนี้จริงๆนะ คือบางครั้งทำผิด1คน อาจกระทบคนอื่นๆไม่ได้เงินก้อนนั้นไปด้วย มันจะดูโลกสวยไปไหมอ่ะ
และบางเรื่องมันก็ไม่สามารถเรียกไปคุยทีละคนได้ เพราะมันคือแผนงานของส่วนรวมที่ต้องรับผิดชอบ ทีมจะได้รู้ด้วยว่าตัวเองทำผิดไหม ไปผิดทางหรือป่าว หรือความผิดนี้ใครในทีมเป็นคนจ่ายงานนี้ไป ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ หรือจะอธิบายยังไง จะได้รู้ๆไปเลยแล้วคุยทีเดียว ไปนั่งเรียกทีละคนทุกเรื่องก็ไม่ไหว มันก็ได้แค่บางเรื่อง
ทุกวันนี้ผมก็เข้าใจการเป็นหัวหน้าคนมากขึ้น นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าผมไปทำงานแล้วจะโอเคกับการโดนด่าหรือพูดไม่ดีใส่ เพราะผมก็ยังคิดเสมอว่าผมมาทำงานให้เต็มที่เพื่อหาเงิน ไม่ได้มาทำหน้าที่เข้าใจใคร หรือรองรับอารมณ์ใคร
และก่อนจะจบ ผมอยากเน้นย้ำบริบทของคำว่า'บาง'หน่อยนะครับ หมายถึง sometime ไม่ได้เหมารวม และไม่ใช่ทุกครั้ง