1.ไม่ส่งเสียงดังขณะโดยสารรถขนส่งสาธารณะ
การไปไหนมาไหนในญี่ปุ่นด้วยขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าหรือรถบัสล้วนแล้วแต่สะดวกสบาย รวดเร็ว และราคาถูก
เราสามารถไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ในญี่ปุ่นได้โดยแทบจะไม่ต้องเช่ารถส่วนตัว แต่มีข้อปฏิบัติสำคัญที่ควรคำนึงไว้
นั่นคือเราไม่ควรพูดคุยเสียงดังทั้งกับคนรอบข้างและทางโทรศัพท์ เนื่องจากคนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนรวม
บางคนอาจเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวันหรือต้องอยู่บนขนส่งสาธารณะเป็นระยะเวลานาน ดังนั้น
ทุกคนที่ใช้ขนส่งสาธารณะจึงไม่ควรสร้างความเดือดร้อนและรำคาญใจแก่ผู้โดยสารคนอื่น หากมีความจำเป็นจริงๆ
ที่จะต้องพูดคุยกันหรือรับโทรศัพท์ ก็ควรหามุมที่มีคนน้อยและพูดด้วยเสียงกระซิบเท่านั้น
2.การใช้บันไดเลื่อน
ที่ประเทศไทยเราใช้บันไดเลื่อนกันแบบไม่ได้มีกฎตายตัว ใครจะขึ้นซ้ายขวาหรือยืนเป็นกลุ่มก้อนก็ไม่มีใครว่า แต่ที่ญี่ปุ่น
เราจะทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด เพราะคนญี่ปุ่นมีจำนวนมาก (โดยเฉพาะตัวเมือง) แต่ละคนต่างก็ต้องเร่งรีบไปทำงานหรือ
ทำธุระส่วนตัวของตัวเอง ดังนั้นการเดินขึ้นลงบันไดเลื่อนที่ญี่ปุ่นจะต้องแบ่งออกเป็นสองฝั่งเพื่อให้เกิดความสะดวกในการเดิน
ฝั่งหนึ่งมีไว้สำหรับคนไม่รีบ (ยืน) และอีกฝั่งสำหรับคนที่รีบอยู่ (เดินขึ้นบันไดเลื่อน) โดยหลายที่ส่วนใหญ่
ในญี่ปุ่นนั้น ‘คนที่ไม่รีบ’ จะยืนชิดอยู่ที่ ‘ฝั่งซ้าย’ ในขณะที่โอซาก้า ‘คนที่ไม่รีบ’ จะยืนชิดอยู่ที่ ‘ฝั่งขวา’
3.ห้ามเปิดประตูแท็กซี่เอง
แม้ญี่ปุ่นจะมีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีเยี่ยม แต่บางครั้งนักท่องเที่ยวอย่างเราก็อาจต้องหวังพึ่งการใช้บริการจากรถแท็กซี่กันบ้าง
เนื่องจากบางทีเราอาจมีสัมภาระขนาดใหญ่ที่ถือไม่ไหวหรือรถโดยสารสาธารณะไม่สามารถเข้าถึงจุดต่างๆ
ที่ต้องการไปได้ ซึ่งการเรียก ‘แท็กซี่’ ก็เป็นอีกทางเลือกการเดินทางที่คนนิยมกัน สามารถโบกมือเรียกหรือหาในแอปพลิเคชันก็ได้ทั้งนั้น
แต่เมื่อรถแท็กซี่จอดมารับเราแล้ว ข้อควรรู้คือ ห้ามเปิดประตูรถด้วยตัวเองเด็ดขาด! เพราะแท็กซี่ที่ญี่ปุ่นถูกออกแบบ
ให้คนขับรถสามารถกดเปิดประตูเองได้ เรามีหน้าที่เพียงแค่ยืนรอประตูรถเปิดและปิดทั้งตอนขึ้นและตอนลงเพียงเท่านั้น
4. คนญี่ปุ่นไม่ทิป
แม้วัฒนธรรมการให้ทิปจะเป็นสิ่งที่แสดงถึงน้ำใจในหลากหลายประเทศ แต่ไม่ใช่กับที่ญี่ปุ่น
ไม่ว่าจะเป็นที่ร้านอาหาร บาร์ หรือบนรถแท็กซี่ หากเราให้ทิปกับคนญี่ปุ่นไป อาจเพราะชื่นชม
ในการบริการเอาใจใส่ของพนักงาน แต่เค้าก็อาจจะทำหน้างงๆ และทอนเงินคืนกลับมาให้เราได้
หรือบางทีถ้าเราทิ้งทิปไว้ที่โต๊ะในร้านอาหาร พนักงานก็อาจจะถึงกลับวิ่งตามออกมาคืนเงินให้!
แล้วทำไมคนญี่ปุ่นไม่รับทิปล่ะ? เหตุผลคือพนักงานที่ร้านต่างๆ ในญี่ปุ่นจะได้รับค่าจ้าง
รายชั่วโมงที่เหมาะสมและมากพอแล้วนั่นเอง การให้ทิปเลยอาจเป็นเหมือนการดูหมิ่นว่า
พนักงานของร้านนั้นไม่ได้รับค่าจ้างที่มากพอจากนายจ้างได้ ดังนั้นหากใครอยากแสดง
ความซาบซึ้งใจในการบริการ ก็อาจจะแค่กล่าวคำขอบคุณ
แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว~ // เห็นมั้ยว่าวิธีคิดแบบคนญี่ปุ่นนั้นซับซ้อนจริงๆ
5.หยิบ-ส่งเงินผ่านถาดเวลาจ่ายตังค์
เวลาจ่ายตังค์ที่เคาน์เตอร์ ทั้งในร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร หรือสถานที่อื่นๆ คนญี่ปุ่นจะไม่ยื่น
ธนบัตรหรือเหรียญใส่ในมืออีกฝ่ายโดยตรง แต่จะมีถาดสำหรับวางเงินไว้อยู่
บนโต๊ะเคาน์เตอร์ หากเราต้องการจ่ายเงินก็ให้วางธนบัตรหรือเหรียญลงไปบนนั้น
และหากมีเงินทอน พนักงานก็จะวางใส่ไว้ในถาดเช่นเดียวกัน จะไม่มีการส่ง
ต่อเงินหรือสัมผัสกันผ่านมือเด็ดขาด
เหตุผลก็เป็นเพราะคนญี่ปุ่นค่อนข้างให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนตัว
การสัมผัสโดนตัวกันเป็นเรื่องที่เค้ามองว่าไม่จำเป็น อีกทั้ง
การวางเงินในถาดยังทำให้ง่ายต่อเหล่าพนักงานในการนับและตรวจสอบเงินอีกด้วย
6.การใช้ตะเกียบ
การใช้ตะเกียบตอนรับประทานอาหารก็เป็นอีกวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และอยู่คู่กับประเทศญี่ปุ่น
มาอย่างยาวนาน แต่ทุกคนรู้หรือเปล่าว่าก็มีมารยาทในการใช้ตะเกียบอยู่ด้วย เพราะบางอย่างอาจ
สื่อความหมายถึงการเลียนแบบพิธีศพของคนญี่ปุ่นก็เป็นได้ ยกตัวอย่างเช่น
ห้ามปักตะเกียบ เพราะเปรียบเสมือนการปักธูปในชามข้าวเพื่อเซ่นไหว้ดวงวิญญาณ
ห้ามการคีบอาหาร เพราะเปรียบเสมือนพิธีกรรมคีบกระดูกของผู้ตาย
อีกทั้งหากเราต้องการใช้ตะเกียบหยิบอาหารจากจานส่วนรวม เราต้อง
ใช้ปลายตะเกียบด้านที่ไม่ได้เอาเข้าปากในการคีบมาใส่จานตัวเอง
แถมห้ามใช้ตะเกียบชี้ไปเรื่อย เพราะจะถือว่าเป็นการแสดงท่าทีหยาบคาย
7. ห้ามเดินไปกินไป
ที่ญี่ปุ่นมักจะมีการตั้งแผงขายอาหารข้างทางเรียงรายตามตลาดนัดหรือในงานเทศกาลต่างๆ ซึ่ง
อาหารที่ขายก็มีมากมาย เช่น ทาโกะยากิ ยากิโซบะ ไอศกรีมต่างๆ เหมือนที่เราเห็นตามการ์ตูน
แต่หลังจากได้รับอาหารมาแล้ว เราไม่ควรเดินถือและกินอาหารบนมือไปด้วย
เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่ดูแล้วไม่เหมาะสม อาจทำให้เสื้อผ้าหรือสถานที่เลอะเทอะ
หรือเกิดการทิ้งขยะเรี่ยราด โดยส่วนใหญ่แล้วร้านค้าข้างทางจะมีที่สำหรับให้ยืนหรือนั่งกินอาหารเอาไว้
ข้อปฏิบัติดังกล่าวยังรวมไปถึงการซื้ออาหารหรือเครื่องดื่มจากตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ
ซึ่งข้างๆ ตู้จะมีถังขยะเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ เมื่อกดสินค้าเสร็จก็สามารถกินและทิ้งขยะในบริเวณนั้นได้เลย
8. ซีเรียสเรื่องแยกขยะ
คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและการแยกขยะมาก แม้ว่าถังขยะ
ตามจุดต่างๆ ในญี่ปุ่นจะมีน้อย แต่ส่วนใหญ่จะแบ่งขยะออกเป็น 3 ประเภท
ได้แก่ ขยะเผาได้ (กระดาษ เศษอาหาร ไม้) ขยะเผาไม่ได้ (พลาสติก แก้ว โลหะ)
และขยะประเภทกระป๋องและขวดนั่นเอง
เป็นอีกข้อที่ต้องระวังมากๆ เพราะหากเราทิ้งขยะแบบไม่ได้แยก
อาจจะไปสร้างความเดือดร้อนให้กับเจ้าหน้าที่และถูกคนญี่ปุ่นมองว่า
ไร้มารยาทและการศึกษาได้ด้วย
9.การแช่บ่อน้ำพุร้อน
อีกหนึ่งไฮไลต์เด็ดในการไปเที่ยวญี่ปุ่นที่ทุกคนไม่ควรพลาดก็คือการแช่
‘บ่อน้ำร้อนธรรมชาติ’ หรือ ‘ออนเซ็น’ (温泉) ซึ่งสรรพคุณของออนเซ็นนั้นดีมากๆ ทั้ง
ช่วยผ่อนคลายร่างกายจากอาการเหนื่อยล้าและยังบรรเทาอาการเครียดได้อีกด้วย
แต่การแช่บ่อน้ำพุร้อนที่ญี่ปุ่นก็มีวิธีปฏิบัติเคร่งครัดที่ไม่ควรมองข้าม
นั่นคือ เราต้องอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดก่อนลงไปแช่ในบ่อและ
ไม่ควรสวมใส่เสื้อผ้าขณะลงไปแช่ โดยเราสามารถพกเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆ
เข้าไปด้วยได้เพียงผืนเดียวเท่านั้น และผ้าผืนนี้ก็ห้ามเอาจุ่มน้ำโดยเด็ดขาด
ทั้งหมดนี้ก็เพราะออนเซ็นเป็นสถานที่สาธารณะที่คนญี่ปุ่นใช้ร่วมกันและ
ให้คุณค่าเป็นอย่างมาก ดังนั้นแล้วเราจึงควรปฏิบัติตามให้ถูกต้องเวลาไปแช่ด้วย
10. การถอดรองเท้า
คนญี่ปุ่นก็เหมือนคนไทยส่วนใหญ่ตรงที่ไม่ใส่สวมรองเท้าเมื่ออยู่ในบ้าน
และยังมีการถอดรองเท้าตามสถานที่ต่างๆ นอกบ้านอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น
เรียวกัง (โรงแรมขนาดเล็ก) ร้านอาหาร ออนเซ็น หรือวัดต่างๆ เนื่องจาก
คนญี่ปุ่นต้องการแบ่งแยกระหว่างโลกภายนอกที่สกปรกและโลกภายในที่สงบและสะอาด
อีกทั้งคนญี่ปุ่นยังให้ความสำคัญกับความสะอาดของพื้นเพราะส่วนใหญ่มักทำกิจกรรมต่างๆ บนพื้น
เช่นการนั่งรับประทานอาหารกับโต๊ะญี่ปุ่น หรือการนอนบนฟูกนั่นเอง ดังนั้นหากเราไปตาม
สถานที่บางแห่ง อาจจำเป็นต้องถอดรองเท้าวางไว้ข้างนอก และบางที่อาจมีรองเท้าแตะให้สวมใส่แทน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.dek-d.com/studyabroad/64933/
10 ข้อมารยาทพื้นฐานนักท่องเที่ยว จดไว้จะได้ไม่โดนมอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้