ผลจากการไม่ขอบคุณ ไม่รักษาเนียะอฺมะฮฺ (ความโปรดปราน)

1. ผลจากการไม่ขอบคุณ ไม่รักษาเนียะอฺมะฮฺ (ความโปรดปราน)
“นั่นก็เพราะว่า อัลลอฮฺมิได้ทรงเป็นผู้เปลี่ยนแปลงความกรุณาใด ๆ ที่พระองค์ทรงประทานมันแก่กลุ่มชนหนึ่งกลุ่มชนใด จนกว่าพวกเขาจะได้เปลี่ยนแปลงสิ่งที่อยู่ในตัวของพวกเขาเอง และแท้จริงนั้นอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-อันฟาล 53)

ความกรุณาเขาได้มาจากสภาพของตัวเองที่ทำให้อัลลอฮฺโปรดปรานเขา กรุณาเขา พอเขาได้เปลี่ยนสภาพของตัวเอง อัลลอฮฺก็ได้เปลี่ยนความกรุณาเป็นความโกรธกริ้ว ก็คือเป็นการลงโทษ แสดงว่าก่อนที่จะเปลี่ยนจากความกรุณาเป็นการลงโทษ อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮุวะตะอาลา ได้กรุณาเนื่องจากว่าพวกเขาไม่ได้เปลี่ยน พวกเขาสอดคล้องกับความประสงค์ของอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺจะไม่เปลี่ยนเนียะอฺมะฮฺ จนกว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง

เนียะอมะฮฺ (ความโปรดปราน ความกรุณา) หมายถึง ความสุข ความมั่นคง วิถีชีวิตที่ไม่ลำบาก อยู่ดีกินดี อัลลอฮฺจะไม่เปลี่ยนสภาพจนกว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง

- - -
2. ตัวอย่างเนียะอฺมะฮฺ
อัลลอฮฺได้ยกอุทาหรณ์ในอายะฮฺอื่น อุปมาเมืองที่เคยอยู่ในวิถีชีวิตที่มีความสุข แล้วเขาปฏิเสธมัน มีตัวอย่างมากมายทั้งในอดีต ปัจจุบัน
- ในช่วงโควิดที่ต้องใช้แมสก์ปิดหน้า ก่อนหน้านั้นเคยมีนักสิทธิเสรีภาพของประเทศหนึ่ง ประท้วงที่รัฐบาลอนุญาตให้มุสลิมะฮฺปิดหน้า และเมื่อถึงตอนโควิดทุกคนต้องปิดหน้ากันหมด
- เมืองเบรุต ประเทศเลบานอน เป็นเมืองที่ได้รับฉายาว่า “ปารีสตะวันออก” มีความสวยงาม มีช่วงหนึ่งที่เมืองรุ่งเรืองมาก และมีช่วงหนึ่งมีความแตกแยก มีสงครามกลางเมือง สู้รบกัน
- หรือบางคนกินแซนวิช กัดคำหนึ่งแล้วทิ้ง บางคนจาม ไม่กล่าวว่า อัลฮัมดุลิลลาฮฺ แต่กลับกล่าวถึงพระองค์ไม่ดี
แทนที่จะเห็นเนียะอฺมะฮฺแล้วขอบคุณ กลับปฏิเสธเนียะอฺมะฮฺที่อัลลอฮฺให้ ยกตัวอย่างสิ่งที่อัลลอฮฺได้ตอบแทนมนุษย์ แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ปฏิเสธพระเจ้า แต่ไม่ปฏิเสธเนียะอฺมะฮฺ

- - -
3. อัลลอฮฺจะรักษาเนียะฮฺมะฮฺไว้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ศรัทธาหรือไม่ก็ตาม
คนไทยมีวัฒนธรรมเรื่องข้าว ที่ปลูกฝังให้กินข้าวให้หมด “ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า” เป็นอุทาหรณ์ของเมืองที่ไม่ได้เนรคุณเนียะฮฺมะฮฺที่อัลลอฮฺให้ คนไทยปลูกฝังลูกหลานว่า “ชาวนากว่าจะปลูกข้าวเป็นอย่างไร อย่าให้ข้าวหกนะ” เป็นจิตสำนึกที่ดี ระมัดระวังเวลาตักข้าว เป็นสิ่งยิ่งใหญ่ที่อัลลอฮฺให้ เป็นเหตุผลเพียงพอที่อัลลอฮฺจะรักษาเนียะฮฺมะฮฺไว้ให้ ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้ศรัทธาหรือไม่ก็ตาม

ความมั่นคงในด้านวิถีชีวิต มันไม่สามารถวัดด้วยรายได้ของประเทศ หรือความเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์ของประเทศ หรือแม้กระทั่งด้านความสะดวกสบายที่มาจากเทคโนโลยี เช่น ประเทศญี่ปุ่น ก็ถือว่าเป็นประเทศที่มีรายได้อันดับที่ 3-4 ของโลก แต่ติดอันดับ 1 ของโลกเรื่องการฆ่าตัวตาย คนที่ฆ่าตัวตายไม่ได้อดอยาก แต่เขาเป็นคนที่มีฐานะดี รายได้ดี

- - -
4. เนียะอฺมะฮฺของอัลลอฮฺไม่ใช่เรื่องความสุขสบายอย่างเดียว
“พระองค์อัลลอฮฺจะไม่เปลี่ยนเนียะอฺมะฮฺใดๆ ที่อัลลอฮฺให้ไปแล้ว ที่อัลลอฮฺโปรดปรานไปแล้ว จนกว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเอง” เปลี่ยนจากอะไร จากคนที่ต้องกตัญญู สวามิภักดิ์ ไม่ฝ่าฝืน ยอมรับในหลักการ

การที่สังคมมนุษย์อยู่ในรูปแบบชีวิตที่มันอิสระเสรีทุกเรื่อง จนกระทั่งประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศเสรีนิยม ใครจะทำอะไรก็ทำ เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเป็นเสรี เช่น ท่องเที่ยว ดื่มสุรา บ่อนคาสิโน สนามมวย พอโควิดมา ล็อคหมด

เนียะอฺมะฮฺเรื่องนามธรรมที่คนส่วนมากไม่ค่อยเห็นข้อแตกต่าง เช่น คนเราเวลาทำบาป ทำความผิดอะไรสักอย่าง เรามักจะผูกพันบทลงโทษในการทำความผิดกับเรื่องการกินอยู่ เช่น เราไปทำไม่ดีกับพ่อแม่ พออยู่ที่ทำงานเจ้านายไล่ออก คือเรามักจะเห็นว่าเรื่องที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตที่มันสุขสบาย นั่นคือ รางวัลที่อัลลอฮฺให้มา อัลลอฮฺรักเรา อัลลอฮฺจึงให้เราสุขสบาย ในเรื่องรายได้ การกินอยู่ ถ้าเราบกพร่องเรื่องนี้ แสดงว่านี่คือเรื่องลงโทษ แต่ที่จริง..ไม่ใช่

- - -
5. บางทีเราทำบาป โทษที่อัลลอฮฺจะให้มาก็คือ ทำบาปอีก
บางทีเราทำบาป โทษที่อัลลอฮฺจะให้มาก็คือ ทำบาปอีก เช่น ไม่ละหมาดซุบฮฺ ตั้งนาฬิกาจะตื่น 8 โมง ไม่ละหมาดซุบฮฺ นี่คือบทลงโทษนะ ถ้าหากว่าคนที่เคยชินกับเรื่องนี้ ตลอดชีวิตเขาอาจจะไม่ค่อยตื่นละหมาดซุบฮฺ เขาอาจจะไม่รู้สึกว่ามันจะเป็นบทลงโทษอย่างไร ก็เหมือนคนทุกคน ถ้าหากว่าถูกลงโทษด้วยโรคบางอย่าง เขาเคยชินที่ต้องไปฉีดยาทุกวัน กินยาทุกวัน เขาก็ไม่รู้สึกเดือดร้อน แต่เทียบกับคนอื่นที่สุขภาพแข็งแรง ต้องไปฉีดยาเดือนละครั้ง เขารู้สึกเดือดร้อน

การที่เราได้มีโอกาสเห็นอะไรสวยงามหลายอย่าง และชื่นชมคนที่ประดิษฐ์ทำสิ่งสวยงามเหล่านั้น ได้เห็นสิ่งสวยงามที่อัลลอฮฺสร้างขึ้นมาแล้วก็ไม่รำลึกถึงผู้สร้าง นี่คือการลงโทษอย่างหนึ่ง เช่น เห็นมือถือ แล้วชมคนที่ทำเก่ง คนที่ทำรถสวย คนทำกับข้าวเก่ง ชื่นชมตลอด แต่เราไปเห็นธรรมชาติ กลับไม่ชื่นชมผู้สร้าง

- - -
6. อัลลอฮฺจะไม่เปลี่ยน จนกว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเอง
นั่นหมายรวมว่า โดยสัญชาตญาณ อัลลอฮฺบันดาลใจให้ทุกคนได้อยู่ในสภาพที่กตัญญูต่ออัลลอฮฺ นึกถึงอัลลอฮฺเสมอ ศรัทธาต่ออัลลอฮฺเสมอ แต่การเปลี่ยนสภาพเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ สอดคล้องกับหะดีษ ท่านรอซูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ทุกคนเกิดมาพร้อมความสะอาดด้านความศรัทธา สิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยนเขา แล้วเขาคล้อยตาม” แต่ทุกคน เมล็ดความดีของเขาสามารถทำให้เขาฝืนกระแสได้

เช่น การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม พ่อแม่จะเปลี่ยนศาสนาเขา หรือจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเองที่จะเบี่ยงเบนในเรื่องสิ่งที่ถูกต้องไปยังสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น บิดพลิ้วจากสภาพคนที่ต้องรำลึกถึงเหตุผลต่างๆ ที่จะทำให้สติปัญญาใคร่ครวญกับสิ่งธรรมชาติที่อัลลอฮฺสร้างไว้ ซึ่งมันชวนคิดแน่นอน แต่เราพยายามที่จะเบี่ยงเบนว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่พอเห็นรถเบนซ์ ชมว่าคนเยอรมันเก่ง ทำไมไม่คิดว่าเป็นธรรมชาติบ้าง โครงสร้างธรรมชาติทั้งหมด พยายามที่จะหนีสัญชาตญาณของตัวเองว่า จะต้องมีผู้สร้าง นี่คือการเปลี่ยนแปลงตัวเองที่เปลี่ยนจากน้ำมือของตัวเอง

- - -
7. บทเรียนจากอายะฮฺนี้ เป็นอุทาหรณ์เตือนสติเราตลอดเวลา
การเปลี่ยนแปลง มีการเคลื่อนไหวของมนุษย์ในหลายรูปแบบ การเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างชัดเจน คือ เรื่องการเรียนรู้ การศึกษา ในที่นี้ไม่ใช่การเข้าชั้นเรียนปกติทั่วไป แต่หมายถึงการค้นหาความจริง ศึกษาเรียนรู้สัจธรรมด้วยตัวเอง ในรูปแบบทุกรูปแบบ นี่คือส่วนหนึ่งที่พวกเราจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง และมันเป็นตัวชี้วัดคุณค่าของมนุษย์ทุกคน

มนุษย์ที่ไม่ยอมให้ตัวเองได้พัฒนาการเรียนรู้ การศึกษาของตัวเอง แน่นอน อดความโปรดปราน (เนียะอฺมะฮฺ) ต่างๆ มากมาย เราได้เห็นในสังคม คนที่ไม่ได้เรียน คนที่ไม่พยายามแข่งขันในการศึกษาเรียนรู้ ก็มีโอกาสสูงที่จะอดเรื่องอาชีพ รายได้ มันเป็นรูปแบบแข่งขันสูงมาก ความแตกต่างระหว่างประเทศชาติ อารยธรรม เห็นจากประเทศที่ให้ความสำคัญกับการศึกษา เปอร์เซ็นต์ด้านการพัฒนาการศึกษามันบ่งชี้ถึงคุณภาพชีวิตของมนุษย์อย่างปฏิเสธไม่ได้
แต่ในทำนองเดียวกัน สิ่งที่มันไม่ได้อยู่ในมาตรฐานที่เขาตรวจสอบกัน การศึกษาที่พวกเขาพูดกันคือด้านวัตถุ เทคโนโลยี แต่การที่จะให้มนุษย์เปลี่ยนแปลงเรื่องศีลธรรม เหมือนเขาไม่อยากจะยอมรับว่า มนุษย์ที่ไม่ยอมค้นหาเหตุผลที่จะให้เขาเปลี่ยนแปลง พัฒนาตนเองให้ดีขึ้นอย่างเช่นที่เขาพัฒนาตัวเองเรื่องการศึกษา ไม่ค้นหาศึกษาพัฒนาเรียนรู้ในด้านศีลธรรม คะแนนสูงในเรื่องรายได้เพราะศึกษาวิชาการ เทคโนโลยีสูง รายได้สูง แต่ประเทศชาติสอบตกด้านศีลธรรม เพราะขาดการเรียนรู้เรื่องศีลธรรมในมุมกว้าง ไม่ใช่เรื่องศาสนาอย่างเดียว

แต่เรื่องที่เราสามารถสัมผัสได้ในโลกปัจจุบัน ระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้ว ประเทศที่กำลังพัฒนา และประเทศยากจน ประเทศบางประเทศยากจนก็จริง แต่ประเทศของเขา ไม่มีตึกสูง ไม่มีโรงงานเยอะ ไม่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่สภาพชีวิตของเขา ไม่มีอาชญากรรม ไม่มีความขัดแย้งด้านความคิดอันที่จะนำมาซึ่งความแตกแยกและความทุกข์ทรมานระหว่างมนุษย์ด้วยกัน เพราะเขาไม่มีเงื่อนไขของการศึกษาที่ยึดเรื่องวัตถุอย่างเดียว เขามีความเพียงพอในเรื่องศีลธรรม

- - -
8. ตัวอย่างประเทศยากจน แต่สงบ ปลอดภัย
ประเทศชาด ประเทศมาลี และประเทศไนเจอร์ ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ภาคกลาง และตะวันตกของทวีปแอฟริกา สังคมมุสลิมที่นั่น ไม่มีอัตราการหย่าร้าง อัตราการขโมย อาชญากรรม ไม่มีเลย เพราะมุสลิมที่นั่น ส่วนมากท่องจำอัลกุรอานทั้งเล่ม โรงเรียนฮาฟิซในประเทศไนเจอร์ และประเทศมาลี ไม่รองบประมาณเพื่อสร้างอาคารเป็นสิบๆ ล้าน เขาใช้อาคารห้องเดียว ตอนกลางคืนเป็นคอกแพะ เจ้าของแพะ ช่วงกลางวันตั้งแต่เช้ามืด เอาแพะไปกินหญ้า คอกแพะก็จะว่าง เด็กก็จะมาใช้ห้องนี้ในการท่องจำอัลกุรอาน พอห้องไม่พอ ล้นมาที่ถนน เขาปูผ้าซาญาดะห์  (ผ้าปูละหมาด) ตามถนน และครูก็สอน ถ้าบ้านเรามีโรงเรียนนี้ ดูถูกเลยนะ แต่เด็กที่เขาเรียนท่องจำอัลกุรอาน เขาไม่รู้สึกทุกข์อะไร และเขาก็ไม่ได้บ่น เขาไม่เคยบ่นเลย มีคนที่เขาไปดะวะห์ (เผยแพร่ เชิญชวนสู่อิสลาม) และไปเจอโดยบังเอิญ เขาไม่เคยเขียนจดหมายว่าเขาแย่มาก ต้องเรียนตามถนน ขอทุนหน่อย เขามีความสุขของเขาอย่างนั้น

- - -
9. การปฏิเสธ ไม่รักษาเนียะอฺมะฮฺ มีผลตามมา
การปฏิเสธเนียะอฺมะฮฺ มีผลคือ อัลลอฮฺจะยึดเนียะอฺมะฮฺ จะเปลี่ยนแปลงไป มีอายะฮฺอื่นๆ ที่อัลลอฮฺได้เตือนคนที่ได้เปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะเรื่องราวของศาสนาและศีลธรรมว่า ถ้าเขาทำแบบนั้น อัลลอฮฺก็จะปฏิเสธเขาไป แล้วก็จะเชิญชวนกลุ่มอื่นมาทำหน้าที่ดูแลศาสนา

“บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! ผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากลับออกจากศาสนาของพวกเขาไป อัลลอฮฺก็จะทรงนำมาซึ่งพวกหนึ่ง ที่พระองค์ทรงรักพวกเขาและพวกเขาก็รักพระองค์ เป็นผู้นอบน้อมถ่อมตนต่อบรรดามุมิน ไว้เกียรติแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา พวกเขาจะเสียสละและต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺ และไม่กลัวการตำหนิของผู้ตำหนิคนใดนั่นคือความโปรดปรานของอัลลอฮฺซึ่งพระองค์จะทรงประทานมันแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงกว้างขวาง ผู้ทรงรอบรู้” (อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-มาอิดะฮฺ 54)

อายะฮฺนี้เป็นอุทาหรณ์สำคัญสำหรับทุกคนที่อยากจะเรียนรู้คุณค่าของความโปรดปรานที่อัลลอฮฺให้มากับชีวิต ใช้โอกาสนี้ในการไตร่ตรอง ทบทวนอายะฮฺนี้ ถูกหยิบยกมาเตือนสังคมโดยรวม แต่ที่จริงก็หมายถึงตัวเราด้วย เราเคยมีอะไรดีๆ ที่อัลลอฮฺให้มา เราเคยละหมาดมีความสุข เราเคยอ่านอัลกุรอานมีความสุข เราเคยทำความดีอะไรมีความสุข แล้วก็มันหลุดไปจากมือเราไหม มันหายไปไหม เราเสียดายไหม

อ้างอิง เนื้อหาจากการบรรยายในยูทูบ
หัวข้อ “ตัฟซีร ซูเราะฮฺอัล-อันฟาล 52-53 ผลจากการไม่ขอบคุณ ไม่รักษาเนียะอฺมะฮฺ” สอนโดย เชคริฎอ อะหมัด สมะดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่