Nikon ZR: การปฏิวัติวงการภาพยนตร์ขนาดเล็ก – เมื่อ Nikon ผสานพลังกับ RED
Nikon กำลังประกาศก้าวสำคัญเข้าสู่โลกของการถ่ายทำภาพยนตร์ด้วยการเปิดตัว
Nikon ZR กล้องดิจิทัลเซ็นเซอร์ฟูลเฟรมรุ่นล่าสุด ที่อัดแน่นไปด้วยความแม่นยำระดับภาพยนตร์ในรูปทรงคอมแพคครบวงจร นี่คือนิยามใหม่ของกล้องถ่ายภาพยนตร์ขนาดเล็ก และถือเป็นการปักหมุดหมายที่เด่นชัดในตลาด Mirrorless ด้วยความร่วมมือกับ RED Digital Cinema ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทลูกของ Nikon กล้อง
Nikon ZR จึงถือกำเนิดขึ้นพร้อมคำมั่นสัญญาว่าจะส่งมอบวิดีโอระดับภาพยนตร์คุณภาพสูงสุด
Nikon ZR ซึ่งมีขนาดเล็กที่สุดในซีรีส์ Z CINEMA ของ Nikon ได้สร้างมาตรฐานใหม่ด้วยนวัตกรรมที่ไม่เคยมีมาก่อนในกลุ่มกล้องแบบเปลี่ยนเลนส์ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบบันทึกเสียง Float 32 บิต Native ครั้งแรกของโลก ซึ่งทำงานผ่านทั้งไมโครโฟนในตัวและช่องสัญญาณเสียงสเตอริโอขนาด 3.5 มม. ฟังก์ชันนี้ช่วยให้ผู้สร้างภาพยนตร์สามารถบันทึกเสียงด้วยช่วงไดนามิกที่กว้างเป็นพิเศษ โดยไม่มีความเสี่ยงที่สัญญาณจะถูกตัดทอน (Clipping) แม้ในสถานการณ์ที่มีเสียงดังผิดปกติ
จุดเด่นสำคัญของ Nikon ZR อยู่ที่จอแสดงผลด้านหลัง ซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 4.0 นิ้ว ความละเอียด 3.07 ล้านจุด ในอัตราส่วน 16:10 ที่เหมาะสำหรับวิดีโอ จอนี้มีความสว่างสูงถึง 1000 nits และรองรับขอบเขตสี P3 ทำให้ผู้สร้างภาพยนตร์สามารถพรีวิวสีได้อย่างแม่นยำยิ่งกว่ามาตรฐาน sRGB และที่สำคัญที่สุดคือ Nikon ZR เป็น กล้อง Nikon ตัวแรกนับตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการ ที่แสดงตราสินค้าของทั้ง Nikon และ RED อยู่บนจอภาพด้านหลัง
Nikon ZR เปิดตัวในฐานะกล้องที่ผสานเทคโนโลยีชั้นนำด้านภาพยนตร์เข้ากับความกะทัดรัดและการกำหนดราคาที่ดึงดูดใจ แม้หัวใจหลักของมันจะมาจาก Nikon Z6III (โดยตัดชัตเตอร์กลไกออกไป) แต่รูปลักษณ์ภายนอกของ Nikon ZR นั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยดีไซน์ทรงกล่องที่ไร้ช่องมองภาพ (EVF-less) และมีกริปที่เรียบง่าย ทำให้ง่ายต่อการติดตั้งบนกิมบอลโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการติดขัด
การออกแบบ: จอภาพ 4 นิ้ว และแบรนดิ้งคู่
ด้านหลังตัวกล้องคือจอแสดงผลขนาดใหญ่ถึง 4.0 นิ้ว ความละเอียด 3.07 ล้านจุด ในอัตราส่วน 16:10 ซึ่งเหมาะกับงานวิดีโออย่างยิ่ง จอนี้มีความสว่างสูงสุดถึง 1000 nits และรองรับขอบเขตสี P3 เพื่อการพรีวิวสีที่แม่นยำยิ่งขึ้นเหนือขีดจำกัดของ sRGB ที่สำคัญคือ Nikon ZR เป็นกล้องตัวแรกนับตั้งแต่ Nikon เข้าซื้อกิจการ RED ที่มีการประทับตราโลโก้ของทั้ง Nikon และ RED ไว้ที่ด้านหลังจอ
ตัวกล้องนั้นมีความคล้ายคลึงกับกล้อง Sony FX ขนาดเล็ก แต่ไม่มีครีบระบายความร้อนที่ระบุถึงระบบระบายความร้อนแบบ Active Cooling โครงสร้างทำจากพลาสติกเสริมใยแก้วที่ให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง แต่น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการถือถ่ายหรือติดตั้งกิมบอล พอร์ตการเชื่อมต่อส่วนใหญ่เป็นไปตามที่คาดหวัง เช่น USB-C 3.2 speeds และช่องเสียบหูฟัง/ไมโครโฟน 3.5 มม. อย่างไรก็ตาม การใช้พอร์ต Micro HDMI แทนขนาดเต็ม อาจเป็นสิ่งที่ผู้ที่วางแผนจะใช้จอมอนิเตอร์ภายนอกเป็นประจำต้องพิจารณา
Nikon ZR มีช่องใส่การ์ด CFexpress Type B ที่คาดหวังได้สำหรับงานวิดีโอระดับสูง แต่ช่องรองเป็น UHS-I Micro SD ที่ความเร็วไม่เพียงพอสำหรับฟอร์แมตวิดีโอส่วนใหญ่ ผู้ใช้จึงมักใช้ช่องนี้สำหรับการโอนถ่ายไฟล์ตั้งค่า, LUTs หรือการถ่ายภาพนิ่งเท่านั้น ส่วนไฟล์พร็อกซี่ (Proxy) จะถูกบันทึกในรูปแบบ R3D (NE) หรือ N-Raw ไปยังการ์ดหลักโดยตรง
ระบบ RAW และ Cine EI: อิทธิพลจาก RED
Nikon ZR มาพร้อม Codec วิดีโอ RAW ใหม่ที่เรียกว่า R3D (NE) ซึ่งทำงานร่วมกับ N-Raw ของ Nikon และ ProRes RAW แม้ R3D (NE) จะไม่เหมือนกับ Redcode Raw ซะทีเดียว แต่ถูกสร้างมาให้สามารถตัดต่อร่วมกับฟุตเทจจากกล้อง RED ได้อย่างราบรื่น เนื่องจากใช้ Log curve และ Color Gamut เดียวกัน ทำให้สามารถใช้ LUTs ที่มีอยู่สำหรับกล้อง RED ได้ทันที
เมื่อถ่ายด้วย R3D (NE) และ N-Raw กล้องสามารถบันทึกที่ความละเอียด 6K และ DCI 4K ที่สูงสุด 60p และ UHD 4K ที่สูงสุด 120p
สิ่งที่น่าสนใจคือการจัดการเกน (Gain) ในโหมด R3D Raw ที่ใช้แนวทางแบบ Cine EI (Exposure Index) โดยเกนจะถูกล็อกไว้ที่ระดับต่ำ (ISO 800) หรือสูง (ISO 6400) หากผู้ใช้ปรับค่า ISO ค่าที่ปรับจะถูกบันทึกเป็นแท็กเมทาดาตาเพื่อปรับการวัดแสงและสมดุลของไฮไลท์/เงา แต่จะไม่เปลี่ยนเกนที่แท้จริงที่ใช้ในการบันทึก ทำให้การปรับความสว่างสามารถทำได้อย่างยืดหยุ่นในขั้นตอนหลังการผลิต ต่างจาก N-Raw ที่ใช้เกนแบบแปรผันตามปกติ
การบันทึกเสียง 32-bit Float ภายในตัวกล้อง
Nikon ZR สร้างประวัติศาสตร์ในฐานะกล้อง Mirrorless ตัวแรกที่รองรับการบันทึกเสียงแบบ 32-bit Float ได้ ภายในตัวกล้องโดยสมบูรณ์ เทคโนโลยีนี้ช่วยให้การเข้ารหัสเสียงบันทึกช่วงไดนามิกที่กว้างอย่างมาก ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการปรับเกนเสียงอย่างละเอียดหรือปัญหาเสียงแตก (Clipping) อีกต่อไป ฟังก์ชันนี้สามารถใช้ได้ทั้งกับช่องเสียบไมโครโฟน 3.5 มม. และ ไมโครโฟนภายในตัวกล้อง ที่ใช้เทคโนโลยี OZO Directional จาก Nokia นอกจากนี้ Nikon ZR ยังมี Digital Hotshoe ที่รองรับอินพุตเสียง ซึ่ง Nikon วางแผนจะเปิดตัวไมโครโฟนคอมแพคและอะแดปเตอร์ XLR สำหรับพอร์ตนี้ในอนาคต
การเปรียบเทียบในตลาดและจุดยืน
Nikon ZR มุ่งเป้าไปที่การแข่งขันกับกล้องซีรีส์ FX ของ Sony โดยเฉพาะอย่างยิ่ง FX3 และ FX2 แม้จะมีรูปลักษณ์ที่คล้ายกับ FX3 แต่ราคาเปิดตัวทำให้มันอยู่ในระดับเดียวกับ Sony FX2 ซึ่งใช้เซ็นเซอร์ที่อ่านข้อมูลค่อนข้างช้ากว่า
สิ่งที่ทำให้ Nikon ZR ดูโดดเด่นอย่างมากคือ ราคาที่ต่ำกว่า Z6III ซึ่งเป็นคู่แฝดในตระกูลเดียวกัน แต่ Nikon ZR มีตัวเลือกวิดีโอ RAW ที่หลากหลายกว่า Hotshoe แบบดิจิทัล และระบบเสียง 32-bit float ในทางกลับกัน ราคาของ Nikon ZR ก็ต่ำกว่า Sony FX2 และต่ำกว่า FX3 เกือบครึ่งหนึ่ง
ด้วยความสามารถในการบันทึก 6K/60p RAW 12-bit พร้อมระบบเสียง 32-bit float และราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ทำให้ Nikon ZR มีศักยภาพที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้สร้างภาพยนตร์มือใหม่และนักเรียน เหมือนที่ Canon EOS 5D II เคยทำเมื่อ 17 ปีก่อน
อย่างไรก็ตาม จุดที่ต้องจับตามองคือการทำงานของกล้องโดยไม่มีระบบระบายความร้อนแบบ Active Cooling ในการบันทึกวิดีโอที่ใช้ข้อมูลสูงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรายละเอียดของเวิร์กโฟลว์ R3D (NE) ในขั้นตอนหลังการผลิต ซึ่งต้องพึ่งพาซอฟต์แวร์ Red Cine X Pro ในช่วงแรกก่อนที่โปรแกรมตัดต่ออื่นๆ จะรองรับ แต่โดยรวมแล้ว Nikon ZR ได้ส่งสัญญาณอันทรงพลังเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของ Nikon ในการใช้ประโยชน์จากการเข้าซื้อกิจการ RED และผลักดันนวัตกรรมในตลาดกล้องถ่ายภาพยนตร์คอมแพค
Nikon ZR การปฏิวัติวงการภาพยนตร์ขนาดเล็ก เมื่อ Nikon ผสานพลังกับ RED