หากคุณกำลังพิจารณาเข้าร่วม Binance คู่มือนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบ เราจะแนะนำคุณเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การลงทะเบียนบัญชี Binance การรักษาความปลอดภัยบัญชี การฝากเงิน และการเทรด นอกจากนี้ เราจะอธิบายความสำคัญของการตรวจสอบบัญชีและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหากคุณข้ามขั้นตอนนี้ไป
Binance คือใคร?
Binance เป็นหนึ่งในตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 โดย Changpeng Zhao (CZ) ผู้ซึ่งประสบความสำเร็จในการผลักดันให้ Binance กลายเป็นผู้นำในโลกของสกุลเงินดิจิทัลภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี
Binance ทำงานอย่างไร?
Binance คือแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจากปริมาณการซื้อขายรายวัน โดยมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน แพลตฟอร์มนี้มีฐานผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 140 ล้านคน และให้บริการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 500 สกุลใน 1,600 คู่สกุลเงิน
Binance ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล โดยเฉพาะ Bitcoin (BTC) เนื่องจากมีเครื่องมือและบริการต่างๆ มากมาย เช่น:
🔹 ตลาดโทเค็นที่ไม่สามารถทดแทนได้ (NFT)
🔹 ผลตอบแทนและการให้สินเชื่อ
🔹 การซื้อขายแบบเลเวอเรจและสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
🔹 บริการจัดเก็บและทำกำไรสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล
นอกจากนี้ Binance ยังมีสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองอีกด้วย นั่นก็คือ BNB (Binance Coin) ซึ่งมอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับผู้ใช้มากมาย เช่น:
✔️ ลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม
✔️ รับเงินคืนสูงขึ้นเมื่อใช้บัตร Binance
✔️ เข้าถึงแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (DApps) บน Binance Smart Chain
เหตุใดจึงควรเลือก Binance?
Binance ไม่ใช่แค่เพียงแพลตฟอร์มการซื้อขายเท่านั้น แต่ยังเป็นระบบนิเวศที่บูรณาการอย่างสมบูรณ์แบบซึ่งนำเสนอคุณสมบัติอันล้ำสมัย เช่น:
✔ ความปลอดภัยสูงด้วยระบบการตรวจสอบขั้นสูงและการป้องกันการฉ้อโกง
✔ รองรับสกุลเงินดิจิทัลนับพัน รวมถึงสกุลเงินดิจิทัลยอดนิยมและโครงการใหม่ที่น่าสนใจ
✔ ค่าธรรมเนียมต่ำเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มคู่แข่งอื่นๆ ทำให้ Binance เป็นตัวเลือกการซื้อขายที่ประหยัด
✔ ตัวเลือกการซื้อขายหลายแบบ รวมถึงการซื้อขายแบบจุด การซื้อขายล่วงหน้า การซื้อขายแบบมาร์จิ้น และการซื้อขายแบบเพียร์ทูเพียร์ (P2P)
คู่มือทีละขั้นตอนในการเปิดบัญชี Binance บนเว็บ
ขั้นตอนที่ 1: ไปที่หน้าลงทะเบียน Binance
ขั้นแรกให้คลิกที่ลิงก์ Binance อย่างเป็นทางการหรือปุ่มลงทะเบียนเพื่อเริ่มกระบวนการสร้างบัญชี
ขั้นตอนที่ 2: กรอกข้อมูลการลงทะเบียน
เมื่อเข้าสู่หน้าลงทะเบียน:
✅ คลิกปุ่ม "ลงทะเบียนด้วยเบอร์โทรศัพท์หรืออีเมล์"
✅ กรอกอีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์ของคุณและรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง (ควรมีอย่างน้อย 8 ตัวอักษร รวมทั้งตัวอักษรพิมพ์ใหญ่และตัวเลข)
✅ ยอมรับข้อกำหนดการใช้งานของ Binance จากนั้นคลิก "สร้างบัญชีส่วนตัว"
💡 สำหรับเจ้าของธุรกิจ: คุณสามารถเลือกเปิดบัญชีองค์กรซึ่งอนุญาตให้คุณฝาก/ถอนเงินทั่วไปผ่านบัญชีธนาคารของคุณและทำธุรกรรมภายใต้ชื่อบริษัทของคุณได้
ขั้นตอนที่ 3: ยืนยันที่อยู่อีเมลของคุณ
📌 หลังจากลงทะเบียนแล้วคุณจะได้รับข้อความยืนยันผ่านทางอีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์
✅ เปิดอีเมลของคุณและค้นหารหัสยืนยันที่ส่งโดย Binance
✅ กรอกรหัสยืนยันในช่องที่กำหนดเพื่อดำเนินการยืนยันให้เสร็จสมบูรณ์
หลังจากขั้นตอนนี้บัญชีของคุณก็พร้อมใช้งานแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด คุณต้องเปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัย (2FA)
ขั้นตอนที่ 4: เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย (2FA)
เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีของคุณ เราขอแนะนำให้เปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัยผ่านทาง:
📌 Google Authenticator (แอปที่ปลอดภัยที่สุด) หรือข้อความ (SMS)
ขั้นตอนการเปิดใช้งาน Google Authenticator:
✅ ดาวน์โหลดแอปได้จาก App Store หรือ Google Play
✅ เปิดแอปแล้วสแกนรหัส QR ที่ Binance ให้มา
✅ สำรองรหัสการกู้คืนของคุณไว้ในสถานที่ที่ปลอดภัยเพื่อคืนการเข้าถึงในกรณีที่คุณทำโทรศัพท์หาย
✅ เมื่อคุณเข้าสู่ระบบ คุณจะถูกขอให้ป้อนรหัส Google Authenticator พร้อมกับรหัสผ่านของคุณ
🔹 ทำให้บัญชีของคุณปลอดภัยจากการแฮ็กและความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
ขั้นตอนที่ 5: เปิดใช้งานตัวเลือกการชำระค่าธรรมเนียม BNB
ต้องการลดค่าธรรมเนียมการซื้อขายบน Binance หรือไม่?
✅ ถือ BNB ไว้ในกระเป๋าเงินของคุณและเปิดใช้งานตัวเลือก "ชำระค่าธรรมเนียมด้วย BNB" เพื่อรับส่วนลดค่าธรรมเนียมการซื้อขาย 25%
💡 วิธีเปิดใช้งานตัวเลือกนี้:
🔹 ไปที่แดชบอร์ดบัญชี Binance ของคุณ
🔹 ค้นหาและเปิดใช้งานตัวเลือก "ใช้ BNB เพื่อชำระค่าธรรมเนียม"
🔹 ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีเงินคงเหลือในบัญชี BNB เพียงพอเสมอ เนื่องจากค่าธรรมเนียมจะถูกหักจากเงินคงเหลือของคุณโดยอัตโนมัติ
📌 หมายเหตุ: หากมี BNB ไม่เพียงพอ คุณจะไม่ได้รับส่วนลด! ดังนั้นควรซื้อ BNB เพิ่มเติมเพื่อรักษาส่วนลดไว้
เมื่อคุณทำตามขั้นตอนเหล่านี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณก็สามารถเริ่มซื้อขาย ฝากเงิน และถอนเงินบน Binance ได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย!
วิธีการลงทะเบียนบน Binance บนมือถือ
หากคุณต้องการเริ่มต้นเส้นทางการซื้อขายคริปโตด้วยแอป Binance ขั้นตอนการลงทะเบียนนั้นง่ายและใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ในคู่มือนี้ เราจะแนะนำขั้นตอนโดยละเอียดในการสร้างบัญชีมือถือ ตั้งแต่การดาวน์โหลดแอปไปจนถึงการยืนยันตัวตนอย่างปลอดภัย
ขั้นตอนที่ 1: ดาวน์โหลดแอป Binance
ในการเริ่มต้น ให้ดาวน์โหลดแอป Binance จาก Google Play Store หรือ Apple Store จากนั้นเปิดแอปหลังจากการติดตั้ง
ขั้นตอนที่ 2: สร้างบัญชีใหม่
หลังจากเปิดแอปแล้ว ให้แตะ “สร้างบัญชี” จากนั้นดำเนินการดังต่อไปนี้:
✅ เลือกประเทศที่คุณอาศัยอยู่จากรายการที่มีอยู่
✅ เลือกประเภทบัญชีของคุณ (ส่วนตัวหรือธุรกิจ)
✅ กรอกอีเมล์หรือเบอร์โทรศัพท์ และสร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง
✅ เลือกตัวเลือกสมัครรับอัปเดต Binance หากคุณต้องการรับข่าวสารและโปรโมชั่น
✅ ทำการทดสอบความปลอดภัยให้เสร็จสมบูรณ์โดยเลื่อนล็อคไปยังตำแหน่งที่ถูกต้อง
หลังจากกรอกข้อมูลแล้ว คุณจะได้รับรหัสยืนยันทางอีเมลหรือโทรศัพท์ กรอกรหัสลงในแอป แล้วคลิก "ถัดไป"
ขั้นตอนที่ 3: เปิดใช้งานการรักษาความปลอดภัยและการยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย
คุณอาจถูกขอให้เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบไบโอเมตริกซ์ (ลายนิ้วมือหรือการจดจำใบหน้า) เพื่อปกป้องบัญชีของคุณ นอกจากนี้ เราขอแนะนำให้ตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย (2FA) ผ่านแอป Google Authenticator เพื่อเพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้น
ขั้นตอนที่ 4: ทำการยืนยันตัวตนให้เสร็จสมบูรณ์ (KYC)
เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการกำกับดูแล Binance กำหนดให้ผู้ใช้ทุกคนต้องยืนยันตัวตนให้เสร็จสมบูรณ์ โปรดทำตามขั้นตอนเหล่านี้ในแอป:
📌 กรุณากรอกข้อมูลส่วนตัว (ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, รหัสไปรษณีย์, เมือง และประเทศ)
📌 อัพโหลดเอกสารยืนยันตัวตน เช่น หนังสือเดินทาง หรือ บัตรประชาชน ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารูปถ่ายชัดเจน ไม่ถูกครอบตัด
📌 การตรวจสอบข้อมูลชีวภาพให้เสร็จสมบูรณ์โดยการสแกนใบหน้า ถอดแว่นตาหรือหมวก และตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีแสงสว่างเพียงพอ
ขั้นตอนที่ 5: รอการอนุมัติบัญชี
เมื่อคุณส่งข้อมูลทั้งหมดแล้ว Binance จะตรวจสอบข้อมูลของคุณและแจ้งสถานะการยืนยันให้คุณทราบ หากได้รับการอนุมัติ คุณก็พร้อมที่จะเริ่มต้นเทรดและใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ทั้งหมดของแพลตฟอร์ม
ยืนยันตัวตนของคุณบน Binance
เมื่อคุณสร้างบัญชี Binance แล้ว คุณจะสามารถใช้ฟีเจอร์พื้นฐานบางอย่างได้ แต่ขีดจำกัดการถอนเงินต่อวันของคุณคือ 2 BTC และคุณไม่สามารถฝากเงินสกุล Fiat ได้ หากคุณต้องการเพิ่มขีดจำกัดการถอนเงินเป็น 100 BTC และฝากเงินสกุล Fiat เข้าบัญชี คุณจะต้องดำเนินการตามขั้นตอน KYC ให้เสร็จสมบูรณ์
📢 การอัปเดตที่สำคัญ: ขณะนี้การยืนยันตัวตนเป็นสิ่งจำเป็นแม้เมื่อเริ่มต้นการซื้อขายและฝากสกุลเงินดิจิทัล
จะยืนยันตัวตนบน Binance ได้อย่างไร?
🔹 ขั้นตอนที่ 1: ไปที่ "การระบุตัวตน" ในการตั้งค่าบัญชี Binance ของคุณ
🔹 ขั้นตอนที่ 2: คลิกปุ่ม "ยืนยัน" บนหน้า "ข้อมูลพื้นฐาน"
🔹 ขั้นตอนที่ 3: กรอกข้อมูลส่วนตัวและอัพโหลดรูปถ่ายบัตรประจำตัวที่ชัดเจน (เช่น หนังสือเดินทาง หรือ บัตรประจำตัวประชาชน)
🔹 ขั้นตอนที่ 4: ถ่ายเซลฟี่หรืออัปโหลดรูปถ่ายล่าสุดตามที่แพลตฟอร์มกำหนด
หลังจากการยืนยันตัวตนแล้วคุณจะได้รับประโยชน์อะไรบ้าง?
✅ เพิ่มขีดจำกัดการถอนคริปโตเป็น 8 ล้านดอลลาร์ต่อวัน
✅ คุณสามารถฝากเงิน fiat เข้าสู่บัญชี Binance ของคุณได้
✅ ปรับปรุงความปลอดภัยบัญชีและการป้องกันการฉ้อโกงให้ดียิ่งขึ้น
หมายเหตุ: โดยปกติแล้วไม่จำเป็นต้องยืนยันที่อยู่ แต่อาจจำเป็นต้องเพิ่มวงเงินฝากสำหรับสกุลเงิน fiat บางสกุล
เมื่อได้รับการยืนยันแล้ว คุณจะสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดของ Binance และเริ่มทำการซื้อขายพร้อมส่วนเสริมทั้งหมดได้
การยืนยันตัวตนบน Binance ใช้เวลานานเท่าไร?
✅ การยืนยันตัวตนบน Binance มักจะเสร็จสิ้นภายในไม่กี่นาที หากเอกสารทั้งหมดของคุณชัดเจนและถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี กระบวนการนี้อาจใช้เวลาหลายวัน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของคุณและความถูกต้องของข้อมูลที่ให้ไว้
ฉันจะทราบสถานะการยืนยันของฉันได้อย่างไร?
คุณสามารถติดตามสถานะการยืนยันตัวตนได้โดยแตะที่ไอคอนโปรไฟล์ในแอปหรือเว็บไซต์ Binance เมื่อได้รับการอนุมัติ ไอคอน ✅ สีเขียวจะปรากฏขึ้นถัดจากสถานะของคุณ เพื่อระบุว่าการยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว
⚠️ หมายเหตุ: หากกระบวนการนี้ใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารที่ส่งมาทั้งหมดนั้นชัดเจน ไม่ได้รับการแก้ไข และมีข้อมูลที่ถูกต้อง หรือติดต่อฝ่ายสนับสนุน Binance เพื่ออัปเดตสถานะของคุณ
วิธีรักษาความปลอดภัยบัญชี Binance ใหม่ของคุณ
เมื่อสร้างบัญชี Binance ขั้นตอนแรกหลังจากยืนยันตัวตนคือการรักษาความปลอดภัยบัญชีเพื่อป้องกันการแฮ็กหรือการฉ้อโกง
เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย (2FA)
Binance เสนอตัวเลือกการยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัยหลักสองแบบ:
✅ Google Authenticator – คุณสามารถดาวน์โหลดได้จาก App Store หรือ Google Play เพื่อใช้เมื่อเข้าสู่ระบบและถอนเงิน
✅ Binance Authenticator – เครื่องมือรักษาความปลอดภัยอย่างเป็นทางการของ Binance เพื่อการป้องกันที่เพิ่มขึ้น
ทำไมคุณถึงต้องการ 2FA?
แม้ว่าจะมีคนรู้รหัสผ่านของคุณ แต่พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงบัญชีของคุณได้หากไม่มีรหัสยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ควรระมัดระวังเมื่อเชื่อมโยงกระเป๋าเงินของคุณกับกระเป๋าเงินภายนอก
📌 อย่าเชื่อมต่อกระเป๋าเงิน Binance ของคุณกับบริการหรือแพลตฟอร์มใดๆ ที่คุณไม่ไว้วางใจ 100%
📌 ใช้กระเป๋าเงิน Binance อย่างเป็นทางการหากคุณต้องการจัดเก็บเหรียญของคุณบนแพลตฟอร์มนี้
หลีกเลี่ยงการฉ้อโกงและการหลอกลวง
⚠️ อย่าเปิดลิงก์ที่น่าสงสัยใด ๆ ที่อ้างว่ามาจาก Binance
⚠️ โปรดแน่ใจว่าคุณกำลังเข้าถึงเว็บไซต์ Binance.com อย่างเป็นทางการอยู่เสมอเมื่อเข้าสู่ระบบ
⚠️ ระวังอีเมลใดๆ ที่ขอข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น รหัสผ่านหรือรหัส 2FA
ใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่งและไม่ซ้ำใคร
สร้างรหัสผ่านที่ยาวและซับซ้อนซึ่งประกอบไปด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์
อัปเดตเป็นประจำและอย่าใช้กับบัญชีอื่นใด
คำแนะนำสุดท้าย
แม้จะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยครบถ้วนแล้ว ก็ยังไม่ควรเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดไว้บน Exchange ควรพิจารณาใช้ Cold Wallet แทน หากคุณวางแผนที่จะถือครองเงินทุนไว้เป็นเวลานาน
5 ขั้นตอนในการลงทะเบียนบัญชี Binance (เว็บ, มือถือ) 2025
Binance คือใคร?
Binance เป็นหนึ่งในตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 โดย Changpeng Zhao (CZ) ผู้ซึ่งประสบความสำเร็จในการผลักดันให้ Binance กลายเป็นผู้นำในโลกของสกุลเงินดิจิทัลภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี
Binance ทำงานอย่างไร?
Binance คือแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อพิจารณาจากปริมาณการซื้อขายรายวัน โดยมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อวัน แพลตฟอร์มนี้มีฐานผู้ใช้ที่ลงทะเบียนมากกว่า 140 ล้านคน และให้บริการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 500 สกุลใน 1,600 คู่สกุลเงิน
Binance ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล โดยเฉพาะ Bitcoin (BTC) เนื่องจากมีเครื่องมือและบริการต่างๆ มากมาย เช่น:
🔹 ตลาดโทเค็นที่ไม่สามารถทดแทนได้ (NFT)
🔹 ผลตอบแทนและการให้สินเชื่อ
🔹 การซื้อขายแบบเลเวอเรจและสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
🔹 บริการจัดเก็บและทำกำไรสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล
นอกจากนี้ Binance ยังมีสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองอีกด้วย นั่นก็คือ BNB (Binance Coin) ซึ่งมอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับผู้ใช้มากมาย เช่น:
✔️ ลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม
✔️ รับเงินคืนสูงขึ้นเมื่อใช้บัตร Binance
✔️ เข้าถึงแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (DApps) บน Binance Smart Chain
เหตุใดจึงควรเลือก Binance?
Binance ไม่ใช่แค่เพียงแพลตฟอร์มการซื้อขายเท่านั้น แต่ยังเป็นระบบนิเวศที่บูรณาการอย่างสมบูรณ์แบบซึ่งนำเสนอคุณสมบัติอันล้ำสมัย เช่น:
✔ ความปลอดภัยสูงด้วยระบบการตรวจสอบขั้นสูงและการป้องกันการฉ้อโกง
✔ รองรับสกุลเงินดิจิทัลนับพัน รวมถึงสกุลเงินดิจิทัลยอดนิยมและโครงการใหม่ที่น่าสนใจ
✔ ค่าธรรมเนียมต่ำเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มคู่แข่งอื่นๆ ทำให้ Binance เป็นตัวเลือกการซื้อขายที่ประหยัด
✔ ตัวเลือกการซื้อขายหลายแบบ รวมถึงการซื้อขายแบบจุด การซื้อขายล่วงหน้า การซื้อขายแบบมาร์จิ้น และการซื้อขายแบบเพียร์ทูเพียร์ (P2P)
คู่มือทีละขั้นตอนในการเปิดบัญชี Binance บนเว็บ
ขั้นตอนที่ 1: ไปที่หน้าลงทะเบียน Binance
ขั้นแรกให้คลิกที่ลิงก์ Binance อย่างเป็นทางการหรือปุ่มลงทะเบียนเพื่อเริ่มกระบวนการสร้างบัญชี
ขั้นตอนที่ 2: กรอกข้อมูลการลงทะเบียน
เมื่อเข้าสู่หน้าลงทะเบียน:
✅ คลิกปุ่ม "ลงทะเบียนด้วยเบอร์โทรศัพท์หรืออีเมล์"
✅ กรอกอีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์ของคุณและรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง (ควรมีอย่างน้อย 8 ตัวอักษร รวมทั้งตัวอักษรพิมพ์ใหญ่และตัวเลข)
✅ ยอมรับข้อกำหนดการใช้งานของ Binance จากนั้นคลิก "สร้างบัญชีส่วนตัว"
💡 สำหรับเจ้าของธุรกิจ: คุณสามารถเลือกเปิดบัญชีองค์กรซึ่งอนุญาตให้คุณฝาก/ถอนเงินทั่วไปผ่านบัญชีธนาคารของคุณและทำธุรกรรมภายใต้ชื่อบริษัทของคุณได้
ขั้นตอนที่ 3: ยืนยันที่อยู่อีเมลของคุณ
📌 หลังจากลงทะเบียนแล้วคุณจะได้รับข้อความยืนยันผ่านทางอีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์
✅ เปิดอีเมลของคุณและค้นหารหัสยืนยันที่ส่งโดย Binance
✅ กรอกรหัสยืนยันในช่องที่กำหนดเพื่อดำเนินการยืนยันให้เสร็จสมบูรณ์
หลังจากขั้นตอนนี้บัญชีของคุณก็พร้อมใช้งานแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยสูงสุด คุณต้องเปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัย (2FA)
ขั้นตอนที่ 4: เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย (2FA)
เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีของคุณ เราขอแนะนำให้เปิดใช้งานการตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัยผ่านทาง:
📌 Google Authenticator (แอปที่ปลอดภัยที่สุด) หรือข้อความ (SMS)
ขั้นตอนการเปิดใช้งาน Google Authenticator:
✅ ดาวน์โหลดแอปได้จาก App Store หรือ Google Play
✅ เปิดแอปแล้วสแกนรหัส QR ที่ Binance ให้มา
✅ สำรองรหัสการกู้คืนของคุณไว้ในสถานที่ที่ปลอดภัยเพื่อคืนการเข้าถึงในกรณีที่คุณทำโทรศัพท์หาย
✅ เมื่อคุณเข้าสู่ระบบ คุณจะถูกขอให้ป้อนรหัส Google Authenticator พร้อมกับรหัสผ่านของคุณ
🔹 ทำให้บัญชีของคุณปลอดภัยจากการแฮ็กและความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
ขั้นตอนที่ 5: เปิดใช้งานตัวเลือกการชำระค่าธรรมเนียม BNB
ต้องการลดค่าธรรมเนียมการซื้อขายบน Binance หรือไม่?
✅ ถือ BNB ไว้ในกระเป๋าเงินของคุณและเปิดใช้งานตัวเลือก "ชำระค่าธรรมเนียมด้วย BNB" เพื่อรับส่วนลดค่าธรรมเนียมการซื้อขาย 25%
💡 วิธีเปิดใช้งานตัวเลือกนี้:
🔹 ไปที่แดชบอร์ดบัญชี Binance ของคุณ
🔹 ค้นหาและเปิดใช้งานตัวเลือก "ใช้ BNB เพื่อชำระค่าธรรมเนียม"
🔹 ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีเงินคงเหลือในบัญชี BNB เพียงพอเสมอ เนื่องจากค่าธรรมเนียมจะถูกหักจากเงินคงเหลือของคุณโดยอัตโนมัติ
📌 หมายเหตุ: หากมี BNB ไม่เพียงพอ คุณจะไม่ได้รับส่วนลด! ดังนั้นควรซื้อ BNB เพิ่มเติมเพื่อรักษาส่วนลดไว้
เมื่อคุณทำตามขั้นตอนเหล่านี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณก็สามารถเริ่มซื้อขาย ฝากเงิน และถอนเงินบน Binance ได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย!
วิธีการลงทะเบียนบน Binance บนมือถือ
หากคุณต้องการเริ่มต้นเส้นทางการซื้อขายคริปโตด้วยแอป Binance ขั้นตอนการลงทะเบียนนั้นง่ายและใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ในคู่มือนี้ เราจะแนะนำขั้นตอนโดยละเอียดในการสร้างบัญชีมือถือ ตั้งแต่การดาวน์โหลดแอปไปจนถึงการยืนยันตัวตนอย่างปลอดภัย
ขั้นตอนที่ 1: ดาวน์โหลดแอป Binance
ในการเริ่มต้น ให้ดาวน์โหลดแอป Binance จาก Google Play Store หรือ Apple Store จากนั้นเปิดแอปหลังจากการติดตั้ง
ขั้นตอนที่ 2: สร้างบัญชีใหม่
หลังจากเปิดแอปแล้ว ให้แตะ “สร้างบัญชี” จากนั้นดำเนินการดังต่อไปนี้:
✅ เลือกประเทศที่คุณอาศัยอยู่จากรายการที่มีอยู่
✅ เลือกประเภทบัญชีของคุณ (ส่วนตัวหรือธุรกิจ)
✅ กรอกอีเมล์หรือเบอร์โทรศัพท์ และสร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง
✅ เลือกตัวเลือกสมัครรับอัปเดต Binance หากคุณต้องการรับข่าวสารและโปรโมชั่น
✅ ทำการทดสอบความปลอดภัยให้เสร็จสมบูรณ์โดยเลื่อนล็อคไปยังตำแหน่งที่ถูกต้อง
หลังจากกรอกข้อมูลแล้ว คุณจะได้รับรหัสยืนยันทางอีเมลหรือโทรศัพท์ กรอกรหัสลงในแอป แล้วคลิก "ถัดไป"
ขั้นตอนที่ 3: เปิดใช้งานการรักษาความปลอดภัยและการยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย
คุณอาจถูกขอให้เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบไบโอเมตริกซ์ (ลายนิ้วมือหรือการจดจำใบหน้า) เพื่อปกป้องบัญชีของคุณ นอกจากนี้ เราขอแนะนำให้ตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย (2FA) ผ่านแอป Google Authenticator เพื่อเพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้น
ขั้นตอนที่ 4: ทำการยืนยันตัวตนให้เสร็จสมบูรณ์ (KYC)
เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการกำกับดูแล Binance กำหนดให้ผู้ใช้ทุกคนต้องยืนยันตัวตนให้เสร็จสมบูรณ์ โปรดทำตามขั้นตอนเหล่านี้ในแอป:
📌 กรุณากรอกข้อมูลส่วนตัว (ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, รหัสไปรษณีย์, เมือง และประเทศ)
📌 อัพโหลดเอกสารยืนยันตัวตน เช่น หนังสือเดินทาง หรือ บัตรประชาชน ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารูปถ่ายชัดเจน ไม่ถูกครอบตัด
📌 การตรวจสอบข้อมูลชีวภาพให้เสร็จสมบูรณ์โดยการสแกนใบหน้า ถอดแว่นตาหรือหมวก และตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีแสงสว่างเพียงพอ
ขั้นตอนที่ 5: รอการอนุมัติบัญชี
เมื่อคุณส่งข้อมูลทั้งหมดแล้ว Binance จะตรวจสอบข้อมูลของคุณและแจ้งสถานะการยืนยันให้คุณทราบ หากได้รับการอนุมัติ คุณก็พร้อมที่จะเริ่มต้นเทรดและใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ทั้งหมดของแพลตฟอร์ม
ยืนยันตัวตนของคุณบน Binance
เมื่อคุณสร้างบัญชี Binance แล้ว คุณจะสามารถใช้ฟีเจอร์พื้นฐานบางอย่างได้ แต่ขีดจำกัดการถอนเงินต่อวันของคุณคือ 2 BTC และคุณไม่สามารถฝากเงินสกุล Fiat ได้ หากคุณต้องการเพิ่มขีดจำกัดการถอนเงินเป็น 100 BTC และฝากเงินสกุล Fiat เข้าบัญชี คุณจะต้องดำเนินการตามขั้นตอน KYC ให้เสร็จสมบูรณ์
📢 การอัปเดตที่สำคัญ: ขณะนี้การยืนยันตัวตนเป็นสิ่งจำเป็นแม้เมื่อเริ่มต้นการซื้อขายและฝากสกุลเงินดิจิทัล
จะยืนยันตัวตนบน Binance ได้อย่างไร?
🔹 ขั้นตอนที่ 1: ไปที่ "การระบุตัวตน" ในการตั้งค่าบัญชี Binance ของคุณ
🔹 ขั้นตอนที่ 2: คลิกปุ่ม "ยืนยัน" บนหน้า "ข้อมูลพื้นฐาน"
🔹 ขั้นตอนที่ 3: กรอกข้อมูลส่วนตัวและอัพโหลดรูปถ่ายบัตรประจำตัวที่ชัดเจน (เช่น หนังสือเดินทาง หรือ บัตรประจำตัวประชาชน)
🔹 ขั้นตอนที่ 4: ถ่ายเซลฟี่หรืออัปโหลดรูปถ่ายล่าสุดตามที่แพลตฟอร์มกำหนด
หลังจากการยืนยันตัวตนแล้วคุณจะได้รับประโยชน์อะไรบ้าง?
✅ เพิ่มขีดจำกัดการถอนคริปโตเป็น 8 ล้านดอลลาร์ต่อวัน
✅ คุณสามารถฝากเงิน fiat เข้าสู่บัญชี Binance ของคุณได้
✅ ปรับปรุงความปลอดภัยบัญชีและการป้องกันการฉ้อโกงให้ดียิ่งขึ้น
หมายเหตุ: โดยปกติแล้วไม่จำเป็นต้องยืนยันที่อยู่ แต่อาจจำเป็นต้องเพิ่มวงเงินฝากสำหรับสกุลเงิน fiat บางสกุล
เมื่อได้รับการยืนยันแล้ว คุณจะสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดของ Binance และเริ่มทำการซื้อขายพร้อมส่วนเสริมทั้งหมดได้
การยืนยันตัวตนบน Binance ใช้เวลานานเท่าไร?
✅ การยืนยันตัวตนบน Binance มักจะเสร็จสิ้นภายในไม่กี่นาที หากเอกสารทั้งหมดของคุณชัดเจนและถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี กระบวนการนี้อาจใช้เวลาหลายวัน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของคุณและความถูกต้องของข้อมูลที่ให้ไว้
ฉันจะทราบสถานะการยืนยันของฉันได้อย่างไร?
คุณสามารถติดตามสถานะการยืนยันตัวตนได้โดยแตะที่ไอคอนโปรไฟล์ในแอปหรือเว็บไซต์ Binance เมื่อได้รับการอนุมัติ ไอคอน ✅ สีเขียวจะปรากฏขึ้นถัดจากสถานะของคุณ เพื่อระบุว่าการยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว
⚠️ หมายเหตุ: หากกระบวนการนี้ใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารที่ส่งมาทั้งหมดนั้นชัดเจน ไม่ได้รับการแก้ไข และมีข้อมูลที่ถูกต้อง หรือติดต่อฝ่ายสนับสนุน Binance เพื่ออัปเดตสถานะของคุณ
วิธีรักษาความปลอดภัยบัญชี Binance ใหม่ของคุณ
เมื่อสร้างบัญชี Binance ขั้นตอนแรกหลังจากยืนยันตัวตนคือการรักษาความปลอดภัยบัญชีเพื่อป้องกันการแฮ็กหรือการฉ้อโกง
เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย (2FA)
Binance เสนอตัวเลือกการยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัยหลักสองแบบ:
✅ Google Authenticator – คุณสามารถดาวน์โหลดได้จาก App Store หรือ Google Play เพื่อใช้เมื่อเข้าสู่ระบบและถอนเงิน
✅ Binance Authenticator – เครื่องมือรักษาความปลอดภัยอย่างเป็นทางการของ Binance เพื่อการป้องกันที่เพิ่มขึ้น
ทำไมคุณถึงต้องการ 2FA?
แม้ว่าจะมีคนรู้รหัสผ่านของคุณ แต่พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงบัญชีของคุณได้หากไม่มีรหัสยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ควรระมัดระวังเมื่อเชื่อมโยงกระเป๋าเงินของคุณกับกระเป๋าเงินภายนอก
📌 อย่าเชื่อมต่อกระเป๋าเงิน Binance ของคุณกับบริการหรือแพลตฟอร์มใดๆ ที่คุณไม่ไว้วางใจ 100%
📌 ใช้กระเป๋าเงิน Binance อย่างเป็นทางการหากคุณต้องการจัดเก็บเหรียญของคุณบนแพลตฟอร์มนี้
หลีกเลี่ยงการฉ้อโกงและการหลอกลวง
⚠️ อย่าเปิดลิงก์ที่น่าสงสัยใด ๆ ที่อ้างว่ามาจาก Binance
⚠️ โปรดแน่ใจว่าคุณกำลังเข้าถึงเว็บไซต์ Binance.com อย่างเป็นทางการอยู่เสมอเมื่อเข้าสู่ระบบ
⚠️ ระวังอีเมลใดๆ ที่ขอข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น รหัสผ่านหรือรหัส 2FA
ใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่งและไม่ซ้ำใคร
สร้างรหัสผ่านที่ยาวและซับซ้อนซึ่งประกอบไปด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์
อัปเดตเป็นประจำและอย่าใช้กับบัญชีอื่นใด
คำแนะนำสุดท้าย
แม้จะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยครบถ้วนแล้ว ก็ยังไม่ควรเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดไว้บน Exchange ควรพิจารณาใช้ Cold Wallet แทน หากคุณวางแผนที่จะถือครองเงินทุนไว้เป็นเวลานาน