หลุมดำ หรือ Black Hole สิ่งลึกลับสุดขั้วในจักรวาลที่ทั้งน่าทึ่งและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน หลุมดำ คือบริเวณในอวกาศที่มี แรงโน้มถ่วง แรงสุด ๆ จนไม่มีอะไรหนีรอดออกมาได้ แม้แต่แสง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราเรียกมันว่า
"หลุมดำ" เพราะมันมืดมิดและมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เหมือนมีหลุมลึกสุดขอบจักรวาล ที่อะไรตกลงไปก็หายวับ ไม่มีวันกลับมา
หลุมดำส่วนใหญ่เกิดจากการตายของ ดาวฤกษ์ ที่มีมวลมหาศาล (มากกว่าดวงอาทิตย์ของเราประมาณ 8-20 เท่าขึ้นไป) เมื่อดาวพวกนี้เผาผลาญเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ (เช่น ไฮโดรเจนและฮีเลียม) หมดลง มันจะเริ่มยุบตัวลงด้วยน้ำหนักของตัวเอง แรงโน้มถ่วงจะบีบอัดทุกอย่างให้เล็กลง ๆ จนกลายเป็นจุดที่มีมวลมหาศาลแต่ขนาดเล็กจิ๋วสุด ๆ เราเรียกจุดนี้ว่า
เอกภาวะ (Singularity)
ดาวมวลมหาศาลที่มีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์เป็นล้าน ๆ เท่า ถูกบีบให้เล็กจนเท่ากับเมืองเล็ก ๆ หรือบางทีเล็กกว่านั้นอีก มันเหมือนบีบอัดโลกทั้งใบให้เล็กเท่าลูกมะนาว แต่มวลยังเท่าเดิม นั่นแหละคือความบ้าคลั่งของหลุมดำ
ส่วนประกอบของหลุมดำ มันมีอะไรบ้าง เพื่อให้เข้าใจหลุมดำมากขึ้น มาดูส่วนประกอบสำคัญของมันกัน
1. เอกภาวะ (Singularity)
นี่คือใจกลางของหลุมดำ เป็นจุดที่มวลทั้งหมดของมันถูกบีบอัดจนมี ปริมาตรเป็นศูนย์ และ ความหนาแน่นเป็นอนันต์ (ฟังดูบ้ามากใช่ไหม) ที่จุดนี้ กฎของฟิสิกส์ที่เราคุ้นเคย เช่น เวลา ใช้ไม่ได้เลย เพราะมันสุดโต่งเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้ในตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังปวดหัวกันอยู่เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นในนั้น
2. ขอบฟ้าเหตุการณ์ (Event Horizon)
นี่คือ "เส้นแบ่งเขต" ของหลุมดำ คิดง่าย ๆ ว่าเป็นขอบเขตที่ถ้าคุณข้ามเข้าไปแล้ว คุณจะไม่มีวันกลับออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นแสง สสาร หรือแม้แต่ยานอวกาศสุดล้ำ ขอบฟ้าเหตุการณ์ไม่ใช่พื้นผิวแข็ง ๆ นะครับ แต่เป็นเหมือนกำแพงที่มองไม่เห็น ถ้าคุณเข้าใกล้เกินไป คุณจะถูกดูดเข้าไปโดยไม่มีโอกาสร้องขอความช่วยเหลือ
3. จานพอกพูน (Accretion Disk) (บางครั้งเท่านั้น)
ถ้ามีสสาร เช่น ฝุ่นหรือก๊าซ อยู่รอบ ๆ หลุมดำ มันจะหมุนวนรอบ ๆ เหมือนน้ำวนก่อนถูกดูดเข้าไป สสารเหล่านี้จะร้อนจัดจากการเสียดสีและปล่อยรังสีออกมา ทำให้เราสามารถตรวจจับหลุมดำได้ทางอ้อมจากรังสีนี้ เช่น รังสีเอกซ์
4. เจ็ทพลังงาน (Relativistic Jets) (ในบางหลุมดำ)
หลุมดำบางตัวจะพ่นพลังงานหรืออนุภาคออกมาด้วยความเร็วใกล้แสงในลักษณะเป็นลำเจ็ทยาว ๆ ออกมาจากขั้วของมัน สิ่งนี้เกิดจากสนามแม่เหล็กและการหมุนของหลุมดำ ดูเท่สุด ๆ เหมือนปืนยิงพลังงานในหนัง sci-fi
หลุมดำมีกี่แบบ หลุมดำไม่ได้มีแค่แบบเดียว มันมีหลายประเภทตามขนาดและที่มา
หลุมดำดาวฤกษ์ (Stellar-Mass Black Hole)
เกิดจากการยุบตัวของดาวฤกษ์ที่มีมวลมาก มวลของมันจะอยู่ที่ประมาณ 3-20 เท่าของดวงอาทิตย์ เป็นหลุมดำที่พบได้ทั่วไปในกาแล็กซี
หลุมดำมวลยวดยิ่ง (Supermassive Black Hole)
เจ้าพวกนี้ตัวใหญ่สุด ๆ มีมวลตั้งแต่ล้านถึงพันล้านเท่าของดวงอาทิตย์ มันมักอยู่ที่ใจกลางกาแล็กซี เช่น หลุมดำ Sagittarius A* ที่ใจกลางกาแล็กซีทางช้างเผือกของเรา ซึ่งมีมวลประมาณ 4 ล้านเท่าของดวงอาทิตย์
หลุมดำดั้งเดิม (Primordial Black Hole)
เป็นหลุมดำขนาดเล็กที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเริ่มต้นของจักรวาล (Big Bang) ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่ามันมีอยู่จริง แต่ถ้ามี มันอาจเล็กจนเท่ากับอะตอมแต่หนักเท่าภูเขา
หลุมดำขนาดกลาง (Intermediate-Mass Black Hole)
มีมวลอยู่ระหว่างหลุมดำดาวฤกษ์และหลุมดำมวลยวดยิ่ง ยังพบได้น้อยและเป็นปริศนาน่าสนใจในวงการดาราศาสตร์

หลุมดำจะมากินโลกเรามั้ย คำตอบสั้น ๆ คือ ไม่ต้องกลัวครับ โลกเราปลอดภัย
หลุมดำอยู่ไกลมาก
หลุมดำที่ใกล้โลกที่สุดอยู่ห่างออกไปหลายพันปีแสง (1 ปีแสง = 9.46 ล้านล้านกิโลเมตร) และมันไม่ได้เคลื่อนที่มาทางเรา ตัวอย่างเช่น หลุมดำ Sagittarius A* ที่ใจกลางกาแล็กซีทางช้างเผือก อยู่ห่างจากโลกประมาณ 26,000 ปีแสง มันไกลเกินกว่าที่จะส่งผลกระทบถึงเราได้
ดวงอาทิตย์ของเราไม่กลายเป็นหลุมดำ
ดวงอาทิตย์ของเรามีมวลไม่มากพอที่จะกลายเป็นหลุมดำ เมื่อมันหมดเชื้อเพลิงในอีก 5 พันล้านปีข้างหน้า มันจะขยายตัวเป็น ดาวยักษ์แดง แล้วยุบตัวลงเป็น ดาวแคระขาว ซึ่งเป็นดาวที่เล็กและเย็นลงเรื่อย ๆ ไม่ใช่หลุมดำ ดังนั้นโลกเราจะไม่ถูกดูดโดยดวงอาทิตย์ที่กลายเป็นหลุมดำแน่นอน
หลุมดำไม่ใช่เครื่องดูดฝุ่นอวกาศ
ภาพในหนังที่หลุมดำดูดทุกอย่างเข้ามาแบบไม่เลือกหน้านั้นเกินจริงไปนิด หลุมดำมีแรงโน้มถ่วงเหมือนวัตถุอื่น ๆ ที่มีมวล ถ้าคุณแทนที่ดวงอาทิตย์ด้วยหลุมดำที่มีมวลเท่ากัน โลกและดาวเคราะห์อื่น ๆ จะยังโคจรอยู่ในวงโคจรเดิม ไม่ถูกดูดเข้าไปทันที หลุมดำจะดูดเฉพาะสิ่งที่เข้าไปใกล้ขอบฟ้าเหตุการณ์เท่านั้น
ไม่มีหลุมดำพเนจรมาชนโลก
มีทฤษฎีเกี่ยวกับ "หลุมดำพเนจร" (Rogue Black Hole) ที่อาจลอยอยู่ในอวกาศ แต่โอกาสที่มันจะพุ่งมาชนโลกนั้นน้อยมาก ๆ เทียบได้กับโอกาสถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งหลายรอบติดกัน นักดาราศาสตร์ก็ยังไม่เคยพบหลักฐานว่ามีหลุมดำพเนจรอยู่ใกล้ระบบสุริยะเรา
หลุมดำไม่ใช่แค่สิ่งที่น่ากลัว มันยังเป็นเหมือนห้องทดลองของจักรวาลที่ช่วยให้เราเข้าใจฟิสิกส์ในสภาวะสุดขั้ว
การบิดเบือนเวลา (Time Dilation)
ใกล้หลุมดำ เวลาจะเดินช้ากว่าปกติเพราะแรงโน้มถ่วงที่รุนแรงมาก ถ้าคุณเข้าไปใกล้ขอบฟ้าเหตุการณ์ คุณอาจรู้สึกว่าเวลาผ่านไปแค่ไม่กี่นาที แต่คนที่อยู่นอกหลุมดำอาจเห็นว่าผ่านไปเป็นปีหรือหลายร้อยปี เรื่องนี้ถูกนำไปใช้ในหนังอย่าง Interstellar ที่ฉากใกล้หลุมดำทำให้เวลาบนยานอวกาศกับโลกต่างกันสุดขั้ว
การตรวจจับหลุมดำ
เราไม่สามารถมองเห็นหลุมดำโดยตรง แต่เราสามารถตรวจจับได้จากผลกระทบที่มันมีต่อสิ่งรอบข้าง เช่น การเคลื่อนที่ของดาวฤกษ์รอบหลุมดำ หรือรังสีที่ปล่อยออกมาจากจานพอกพูน ในปี 2019 นักวิทยาศาสตร์จาก Event Horizon Telescope ถ่ายภาพเงาของหลุมดำในกาแล็กซี M87 ได้เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่
หลุมดำกับการกำเนิดกาแล็กซี
นักดาราศาสตร์เชื่อว่าหลุมดำมวลยวดยิ่งที่ใจกลางกาแล็กซีมีบทบาทสำคัญในการกำเนิดและวิวัฒนาการของกาแล็กซี มันเหมือนเป็น "หัวใจ" ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของดาวและก๊าซในกาแล็กซี
ทฤษฎีของสตีเฟน ฮอว์คิง
สตีเฟน ฮอว์คิง เสนอว่า หลุมดำอาจไม่ "ดำ" สนิท เพราะมันสามารถปล่อยรังสีออกมาได้ (เรียกว่า รังสีฮอว์คิง) ทำให้หลุมดำค่อย ๆ สูญเสียมวลและอาจระเหยหายไปในที่สุด แต่กระบวนการนี้ใช้เวลานานมาก มากกว่าอายุของจักรวาลเสียอีก
หลุมดำคือสิ่งมหัศจรรย์ในจักรวาลที่ทั้งลึกลับและน่าทึ่ง มันไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่ไล่กินทุกอย่างอย่างที่หลายคนกลัว โลกของเราปลอดภัยจากการถูกกลืนโดยหลุมดำ เพราะมันอยู่ไกลเกินกว่าที่จะส่งผลกระทบถึงเรา และดวงอาทิตย์ของเราก็ไม่มีวันกลายเป็นหลุมดำได้ ถ้าสนใจเรื่องหลุมดำ ลองดูภาพยนตร์หรือสารคดีเกี่ยวกับอวกาศ หรือตามข่าวจากกล้องโทรทรรศน์อย่าง Event Horizon Telescope ที่อาจเผยภาพหลุมดำใหม่ ๆ ในอนาคต หลุมดำอาจดูน่ากลัว แต่ถ้าคุณรู้จักมันดี ๆ คุณจะพบว่ามันเป็นหนึ่งในสิ่งที่เจ๋งที่สุดในจักรวาลเลยล่ะ
หลุมดำมันจะกินโลกเราหรือเปล่า
หลุมดำส่วนใหญ่เกิดจากการตายของ ดาวฤกษ์ ที่มีมวลมหาศาล (มากกว่าดวงอาทิตย์ของเราประมาณ 8-20 เท่าขึ้นไป) เมื่อดาวพวกนี้เผาผลาญเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ (เช่น ไฮโดรเจนและฮีเลียม) หมดลง มันจะเริ่มยุบตัวลงด้วยน้ำหนักของตัวเอง แรงโน้มถ่วงจะบีบอัดทุกอย่างให้เล็กลง ๆ จนกลายเป็นจุดที่มีมวลมหาศาลแต่ขนาดเล็กจิ๋วสุด ๆ เราเรียกจุดนี้ว่า เอกภาวะ (Singularity)
ดาวมวลมหาศาลที่มีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์เป็นล้าน ๆ เท่า ถูกบีบให้เล็กจนเท่ากับเมืองเล็ก ๆ หรือบางทีเล็กกว่านั้นอีก มันเหมือนบีบอัดโลกทั้งใบให้เล็กเท่าลูกมะนาว แต่มวลยังเท่าเดิม นั่นแหละคือความบ้าคลั่งของหลุมดำ
1. เอกภาวะ (Singularity)
นี่คือใจกลางของหลุมดำ เป็นจุดที่มวลทั้งหมดของมันถูกบีบอัดจนมี ปริมาตรเป็นศูนย์ และ ความหนาแน่นเป็นอนันต์ (ฟังดูบ้ามากใช่ไหม) ที่จุดนี้ กฎของฟิสิกส์ที่เราคุ้นเคย เช่น เวลา ใช้ไม่ได้เลย เพราะมันสุดโต่งเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้ในตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังปวดหัวกันอยู่เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นในนั้น
2. ขอบฟ้าเหตุการณ์ (Event Horizon)
นี่คือ "เส้นแบ่งเขต" ของหลุมดำ คิดง่าย ๆ ว่าเป็นขอบเขตที่ถ้าคุณข้ามเข้าไปแล้ว คุณจะไม่มีวันกลับออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นแสง สสาร หรือแม้แต่ยานอวกาศสุดล้ำ ขอบฟ้าเหตุการณ์ไม่ใช่พื้นผิวแข็ง ๆ นะครับ แต่เป็นเหมือนกำแพงที่มองไม่เห็น ถ้าคุณเข้าใกล้เกินไป คุณจะถูกดูดเข้าไปโดยไม่มีโอกาสร้องขอความช่วยเหลือ
3. จานพอกพูน (Accretion Disk) (บางครั้งเท่านั้น)
ถ้ามีสสาร เช่น ฝุ่นหรือก๊าซ อยู่รอบ ๆ หลุมดำ มันจะหมุนวนรอบ ๆ เหมือนน้ำวนก่อนถูกดูดเข้าไป สสารเหล่านี้จะร้อนจัดจากการเสียดสีและปล่อยรังสีออกมา ทำให้เราสามารถตรวจจับหลุมดำได้ทางอ้อมจากรังสีนี้ เช่น รังสีเอกซ์
4. เจ็ทพลังงาน (Relativistic Jets) (ในบางหลุมดำ)
หลุมดำบางตัวจะพ่นพลังงานหรืออนุภาคออกมาด้วยความเร็วใกล้แสงในลักษณะเป็นลำเจ็ทยาว ๆ ออกมาจากขั้วของมัน สิ่งนี้เกิดจากสนามแม่เหล็กและการหมุนของหลุมดำ ดูเท่สุด ๆ เหมือนปืนยิงพลังงานในหนัง sci-fi
หลุมดำดาวฤกษ์ (Stellar-Mass Black Hole)
เกิดจากการยุบตัวของดาวฤกษ์ที่มีมวลมาก มวลของมันจะอยู่ที่ประมาณ 3-20 เท่าของดวงอาทิตย์ เป็นหลุมดำที่พบได้ทั่วไปในกาแล็กซี
หลุมดำมวลยวดยิ่ง (Supermassive Black Hole)
เจ้าพวกนี้ตัวใหญ่สุด ๆ มีมวลตั้งแต่ล้านถึงพันล้านเท่าของดวงอาทิตย์ มันมักอยู่ที่ใจกลางกาแล็กซี เช่น หลุมดำ Sagittarius A* ที่ใจกลางกาแล็กซีทางช้างเผือกของเรา ซึ่งมีมวลประมาณ 4 ล้านเท่าของดวงอาทิตย์
หลุมดำดั้งเดิม (Primordial Black Hole)
เป็นหลุมดำขนาดเล็กที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเริ่มต้นของจักรวาล (Big Bang) ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่ามันมีอยู่จริง แต่ถ้ามี มันอาจเล็กจนเท่ากับอะตอมแต่หนักเท่าภูเขา
หลุมดำขนาดกลาง (Intermediate-Mass Black Hole)
มีมวลอยู่ระหว่างหลุมดำดาวฤกษ์และหลุมดำมวลยวดยิ่ง ยังพบได้น้อยและเป็นปริศนาน่าสนใจในวงการดาราศาสตร์
หลุมดำอยู่ไกลมาก
หลุมดำที่ใกล้โลกที่สุดอยู่ห่างออกไปหลายพันปีแสง (1 ปีแสง = 9.46 ล้านล้านกิโลเมตร) และมันไม่ได้เคลื่อนที่มาทางเรา ตัวอย่างเช่น หลุมดำ Sagittarius A* ที่ใจกลางกาแล็กซีทางช้างเผือก อยู่ห่างจากโลกประมาณ 26,000 ปีแสง มันไกลเกินกว่าที่จะส่งผลกระทบถึงเราได้
ดวงอาทิตย์ของเราไม่กลายเป็นหลุมดำ
ดวงอาทิตย์ของเรามีมวลไม่มากพอที่จะกลายเป็นหลุมดำ เมื่อมันหมดเชื้อเพลิงในอีก 5 พันล้านปีข้างหน้า มันจะขยายตัวเป็น ดาวยักษ์แดง แล้วยุบตัวลงเป็น ดาวแคระขาว ซึ่งเป็นดาวที่เล็กและเย็นลงเรื่อย ๆ ไม่ใช่หลุมดำ ดังนั้นโลกเราจะไม่ถูกดูดโดยดวงอาทิตย์ที่กลายเป็นหลุมดำแน่นอน
หลุมดำไม่ใช่เครื่องดูดฝุ่นอวกาศ
ภาพในหนังที่หลุมดำดูดทุกอย่างเข้ามาแบบไม่เลือกหน้านั้นเกินจริงไปนิด หลุมดำมีแรงโน้มถ่วงเหมือนวัตถุอื่น ๆ ที่มีมวล ถ้าคุณแทนที่ดวงอาทิตย์ด้วยหลุมดำที่มีมวลเท่ากัน โลกและดาวเคราะห์อื่น ๆ จะยังโคจรอยู่ในวงโคจรเดิม ไม่ถูกดูดเข้าไปทันที หลุมดำจะดูดเฉพาะสิ่งที่เข้าไปใกล้ขอบฟ้าเหตุการณ์เท่านั้น
ไม่มีหลุมดำพเนจรมาชนโลก
มีทฤษฎีเกี่ยวกับ "หลุมดำพเนจร" (Rogue Black Hole) ที่อาจลอยอยู่ในอวกาศ แต่โอกาสที่มันจะพุ่งมาชนโลกนั้นน้อยมาก ๆ เทียบได้กับโอกาสถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งหลายรอบติดกัน นักดาราศาสตร์ก็ยังไม่เคยพบหลักฐานว่ามีหลุมดำพเนจรอยู่ใกล้ระบบสุริยะเรา
การบิดเบือนเวลา (Time Dilation)
ใกล้หลุมดำ เวลาจะเดินช้ากว่าปกติเพราะแรงโน้มถ่วงที่รุนแรงมาก ถ้าคุณเข้าไปใกล้ขอบฟ้าเหตุการณ์ คุณอาจรู้สึกว่าเวลาผ่านไปแค่ไม่กี่นาที แต่คนที่อยู่นอกหลุมดำอาจเห็นว่าผ่านไปเป็นปีหรือหลายร้อยปี เรื่องนี้ถูกนำไปใช้ในหนังอย่าง Interstellar ที่ฉากใกล้หลุมดำทำให้เวลาบนยานอวกาศกับโลกต่างกันสุดขั้ว
การตรวจจับหลุมดำ
เราไม่สามารถมองเห็นหลุมดำโดยตรง แต่เราสามารถตรวจจับได้จากผลกระทบที่มันมีต่อสิ่งรอบข้าง เช่น การเคลื่อนที่ของดาวฤกษ์รอบหลุมดำ หรือรังสีที่ปล่อยออกมาจากจานพอกพูน ในปี 2019 นักวิทยาศาสตร์จาก Event Horizon Telescope ถ่ายภาพเงาของหลุมดำในกาแล็กซี M87 ได้เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่
หลุมดำกับการกำเนิดกาแล็กซี
นักดาราศาสตร์เชื่อว่าหลุมดำมวลยวดยิ่งที่ใจกลางกาแล็กซีมีบทบาทสำคัญในการกำเนิดและวิวัฒนาการของกาแล็กซี มันเหมือนเป็น "หัวใจ" ที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของดาวและก๊าซในกาแล็กซี
ทฤษฎีของสตีเฟน ฮอว์คิง
สตีเฟน ฮอว์คิง เสนอว่า หลุมดำอาจไม่ "ดำ" สนิท เพราะมันสามารถปล่อยรังสีออกมาได้ (เรียกว่า รังสีฮอว์คิง) ทำให้หลุมดำค่อย ๆ สูญเสียมวลและอาจระเหยหายไปในที่สุด แต่กระบวนการนี้ใช้เวลานานมาก มากกว่าอายุของจักรวาลเสียอีก
หลุมดำคือสิ่งมหัศจรรย์ในจักรวาลที่ทั้งลึกลับและน่าทึ่ง มันไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่ไล่กินทุกอย่างอย่างที่หลายคนกลัว โลกของเราปลอดภัยจากการถูกกลืนโดยหลุมดำ เพราะมันอยู่ไกลเกินกว่าที่จะส่งผลกระทบถึงเรา และดวงอาทิตย์ของเราก็ไม่มีวันกลายเป็นหลุมดำได้ ถ้าสนใจเรื่องหลุมดำ ลองดูภาพยนตร์หรือสารคดีเกี่ยวกับอวกาศ หรือตามข่าวจากกล้องโทรทรรศน์อย่าง Event Horizon Telescope ที่อาจเผยภาพหลุมดำใหม่ ๆ ในอนาคต หลุมดำอาจดูน่ากลัว แต่ถ้าคุณรู้จักมันดี ๆ คุณจะพบว่ามันเป็นหนึ่งในสิ่งที่เจ๋งที่สุดในจักรวาลเลยล่ะ