สวัสดีครับวันนี้ผมมีเรื่องราวของชีวิตผมเองเลยครับ ตามหัวข้อกระทู้เลยคือไม่ผ่านสัมภาษณ์เพราะแค่กระดาษใบเดียว เดี๋ยวมาลองฟังเรื่องราวนี้กันครับ
... เรื่องมีอยู่ว่า ผมคือ นักศึกษา ปีที่ 4 กำลังฝึกงานอยู่ที่บริษัทเทคที่ก็ใหญ่พอตัวเลยครับ เพราะมีหลาย ๆ โปรเจคที่ล่มทีก็ลำบากกันค่อนประเทศเลยทีเดียว ผมศึกษาที่มหาวิทยาลัย ในคณะทางสายงาน IT ที่ต่างจังหวัดเข้ามาฝึกงานแถว ๆ กรุงเทพ เพื่อมาหาโอกาส สร้างโปรไฟล์ให้น่าสนใจ มองหาคนเก่ง ๆ ที่จะพาเราเติบโต ง่าย ๆ คือมองหาบริษัทใหญ่ ๆ
ผมลงทุนถึงขั้นที่ว่านั่งรถออกกลางคืนถึงเช้า แข่ง hackathon และกลับเย็นวันนั้นเลย เส้นทางไปกลับรวมกว่า 1200 กิโล เพื่อแค่มาจะได้มีโอกาสฝึกงานที่บริษัทใหญ่ ๆ แข่งกับเด็กมหาลัยดัง ๆ top ของประเทศหลาย ๆ มหาวิทยาลัย และแน่นอนผมทำสำเร็จ ผมได้ฝึกงานที่นั้นตามที่หวัง ระยะเวลาฝึกงานผม 6 เดือน เดือนตุลา 2568 นี้จะเป็นเดือนสุดท้ายที่ผมจะฝึก ฝึกเสร็จแล้วสถานะของผมคือเทียบเท่าจบเลยคือ ผมจะจบ 3 ปีครึ่งด้วยเกรดอาจจะไม่ดีมากผลออกน่าจะประมาณ เกียรตินิยมอันดับ 2
ผมเองเลยเริ่มออกหางาน ยื่นใบสมัครงาน ส่ง Resume ตั้งแต่เดือน กันยา 2568 ยื่นไปหลายที่เลย ตอบกลับมาก็ประมาณ 4-5 ที และประเด็นสัมภาษณ์ พร้อมกัน 555 อาทิตย์เดียวผมสัมภาษณ์งานไป 4 ที่ ทุกที่เหมือนกันหมดมีสัมภาษณ์ประมาณ 2-3 รอบ และมีโจทย์ให้ทำ ก็ทั่ว ๆ ไปแหละครับงาน IT ทดสอบการเขียน code logic นิดหน่อย สัปดาห์นั้นสัปดาห์นรกผมเลย ทำแบบทดสอบ 4 ที่พร้อมกัน
ต้องแบ่งเวลาจัดสรรดี ๆ หน่อย ฝึกงานอยู่ 8 ชมต่อวัน หลังเลิกงานก็มาทำ Test ของบริษัทที่ยื่นสมัครงานต่อ Test ที่ให้ทำ ผมทำได้หมดนะไม่มีอะไรยากเลยเพราะเป็นงานที่ทำทุกวันอยู่ละ เพียงแต่ทำไปแล้วจะโดดเด่นกว่าคนอื่นหรือเปล่าแค่นั้น ผมจะ weight การทำ Test ตามจำนวนผู้สมัครที่แสดงให้เห็นใน JobsDB ดูละบริษัทนี้มีคนสมัครเยอะ 200-300 คนทำเต็มที่ก็พอแต่ไม่ต้องคาดหวังอะไรมาก บริษัทไหนน้อยหน่อยซัดเต็มข้อเลย เพราะโอกาสได้มันจะมีมากกว่า
พอผ่านสัปดาห์นั้นมา จะเริ่มเข้ารอบ 2 ของการสัมภาษณ์รอบนี้จะเน้นการอธิบายงานที่ทำไป เราใช้เครื่องมืออะไร เทคนิคอะไร ความยากของงานที่ให้ไปอยู่ที่ตรงไหน ตรงส่วนนี้ก็ไม่มีอะไรยาก เพราะเป็นที่ตัวเองทำมาอยู่แล้วมันอธิบายได้ไม่ยากเลย อันไหนลึก ๆ หน่อยก็ตอบพอเป็น concept เพราะเรายังไม่รู้ขนาดนั้น ก็ให้คนสัมภาษณ์นั้นแหละครับช่วยเสริม ตอบคำตอบตัวเองไปและส่งต่อด้วย "แล้วพี่คิดว่ายังไงเหรอครับตรงส่วนนี้" 555 ตอบคำถามด้วยคำถามไงละ ก็คุย ๆ กันไปเรื่อย ๆ 5 นาทีสุดท้าย พี่เขาถามว่าพร้อมเริ่มงานวันไหนครับ โอกาสมาละ 30 % ก็บอกไปตามตรงเลยครับ ผมเหลือสอบกับทางมหาวิทยาลัยวันไหนบ้าง พี่ ok ถามเรื่องเกรดจะออกเลยไหม ได้วุฒิเลยไหม แน่นอนผมตอบว่ายังไม่ออกต้องรออาจารย์ส่งเกรด จึงจะได้มา อันนี้พี่เขาไม่ติดอะไร ไม่เป็นไรเลยงั้นเราอาจจะเข้ามาเป็นแบบรายวันก่อน พอเรื่องเอกสารเรียบร้อยค่อยปรับเป็นรายเดือน (หาช่องทางแม้มีเงื่อนไขพิเศษ) โอกาสเพิ่มเป็น 60% 555 ในใจผมคิดงี้เลย
....หลังจากจบสัมภาษณ์ 1 ชม. HR โทรมาแจ้งผลสัมภาษณ์พอกับ offer ผมได้เป็นผู้ถูกเลือก แจ้งวันเริ่มงานและเงื่อนไขการเข้าทำงานได้เลย HR บอกว่าถ้าผมตอบตกลงจะได้ปฏิเสธคนอื่น ๆ จาก 60% คงไม่ต้องพูดอะไรแล้ว มันคือ 100% ที่ผมได้แน่ ๆ ถูกไหมครับ HR ให้เวลาไปคิด 1 วันก่อนจะที่ผมจะให้คำตอบว่าผมจะเข้าทำงานที่นั้นไหม
วันต่อมา ผมตัดสินใจและจะเข้าที่นี้แหละ เอาที่นี่เลยไกลที่พักหน่อยแต่ WFH ได้ 3 วัน ok ไม่ลำบากมากเลยเมล์ไปหา HR พร้อมแจ้งเงื่อนไขเข้าทำงานกับ HR ไป ผ่านไปไม่ถึง 2 ชม. หลังจากส่งเมล์ไป ตอบกลับมาว่าคุณไม่ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ...
และเหตุผลที่เป็นแบบนั้น เป็นไปไม่ได้เลยครับที่ฝีมือผมไม่ถึง หรือความสามารถอ่อนกว่าผู้สมัครคนอื่น ๆ อ่อลืมเล่าไปงานที่สมัครไปมีสมัคร 55 คนอ้างอิงจาก jobsDB นะครับ รับแค่ 1 คน เหตุที่เขาตอบกลับมาแบบนั้น มันเป็นเพราะเงื่อนไขที่แจ้งไปในเมล์สุดท้ายก่อนเซ้นต์สัญญาแน่นอนไม่มีเหตุผลอืนแล้ว เมล์ฉบับนั้นผมได้กล่าวถึงเอกสารทางราชการฉบับหนึ่ง ที่มีเพียงแค่ 1 แผ่นตามความเป็นจริง ทุกท่านพอจะเดาออกไหมครับเอกสารนั้นคืออะไร ??
เอกสารแผ่นนั้นคือ "หมายเรียกจับฉลากเพื่อเกณฑ์ทหาร" เป็นกระดาษเพียง แผ่นเดียว ที่แจ้งว่าผมจะต้องไปจับฉลากในอีก 6 เดือนข้างหน้า เพราะเมื่อปีที่แล้วผมผ่อนผันมา ผมเตรียมใจมาระดับหนึ่งแล้วนะว่าเขาอาจจะไม่รับเราเพราะเรื่องนี้ก็ได้ แต่เอาเจอเข้าจริง ๆ ก็แอบน้อยใจเหมือนกันนะ ไปไม่เป็นเลย ที่ผมเสียใจเลยคือ ผมไม่ได้แพ้ผู้สมัครท่านอื่น ด้วยความสามารถ ทักษะหรืออะไร ผมได้รับเลือกแล้ว แต่ผมแพ้พวกเขาเพราะผมไม่ยังผ่านการเกณฑ์ทหาร ความรู้สึกมันเหมือนคุณวิ่งเข้าเส้นชัยคนแรกแล้วโดนปรับแพ้อะไรอย่างนั้นเลยครับ
เลยอยากมาแชร์เรื่องราวให้คุณพ่อคุณแม่ หรือน้อง ๆ มัธยมปลาย ที่มีโอกาสเลือก เรียน รด. เรียนเถอะครับเรียนแล้วชีวิตหลังจากนั้นจะง่ายขึ้นเยอะเลย จะได้ไม่มาเจอเรื่องราวแบบที่ผมเจอ ซึ่งตอนนั้นที่ผมไม่เรียนเพราะที่บ้านประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก ผมรู้ว่าสมัคร รด. มีค่าใช้จ่าย มีค่าชุด ค่าอะไรอีก ผมตัดสินใจตอนนั้นเลยว่าไม่เรียนก็ได้ เพื่อจะให้ที่บ้านไม่ต้องมาเสียเงินตรงนี้ จนตอนนี้สถานะการเงินที่บ้านก็โอเคแล้วไม่รู้ว่าที่ตัดสินใจตอนนั้นมันถูกหรือผิดนะ แต่ตอนนี้ผมแค่รู้สึกว่าความสามารถของผมยังสร้าง value ให้บริษัทยังไม่มากพอที่บริษัทจะรับความเสี่ยงตรงนี้ได้ เลยเลือกคนอื่น ๆ ผมเข้าใจ HR และเหล่าผู้บริหารนะว่าการหาคนมาทำงานใหม่มันใช้ต้นทุนเหมือนกัน การรับคนที่รู้ว่าอีก 6 เดือนข้างหน้ามีสิทธิ์ลาออกแบบนี้มันไม่ค่อยจะดี ท่านอื่น ๆ มีประสบการณ์สัมภาษณ์งานไม่ผ่านเพราะอะไรกันบ้างมาแชร์กันได้นะครับ
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบครับ
แชร์ประสบการณ์สัมภาษณ์งานไม่ผ่านเพราะ "กระดาษใบเดียว"
... เรื่องมีอยู่ว่า ผมคือ นักศึกษา ปีที่ 4 กำลังฝึกงานอยู่ที่บริษัทเทคที่ก็ใหญ่พอตัวเลยครับ เพราะมีหลาย ๆ โปรเจคที่ล่มทีก็ลำบากกันค่อนประเทศเลยทีเดียว ผมศึกษาที่มหาวิทยาลัย ในคณะทางสายงาน IT ที่ต่างจังหวัดเข้ามาฝึกงานแถว ๆ กรุงเทพ เพื่อมาหาโอกาส สร้างโปรไฟล์ให้น่าสนใจ มองหาคนเก่ง ๆ ที่จะพาเราเติบโต ง่าย ๆ คือมองหาบริษัทใหญ่ ๆ
ผมลงทุนถึงขั้นที่ว่านั่งรถออกกลางคืนถึงเช้า แข่ง hackathon และกลับเย็นวันนั้นเลย เส้นทางไปกลับรวมกว่า 1200 กิโล เพื่อแค่มาจะได้มีโอกาสฝึกงานที่บริษัทใหญ่ ๆ แข่งกับเด็กมหาลัยดัง ๆ top ของประเทศหลาย ๆ มหาวิทยาลัย และแน่นอนผมทำสำเร็จ ผมได้ฝึกงานที่นั้นตามที่หวัง ระยะเวลาฝึกงานผม 6 เดือน เดือนตุลา 2568 นี้จะเป็นเดือนสุดท้ายที่ผมจะฝึก ฝึกเสร็จแล้วสถานะของผมคือเทียบเท่าจบเลยคือ ผมจะจบ 3 ปีครึ่งด้วยเกรดอาจจะไม่ดีมากผลออกน่าจะประมาณ เกียรตินิยมอันดับ 2
ผมเองเลยเริ่มออกหางาน ยื่นใบสมัครงาน ส่ง Resume ตั้งแต่เดือน กันยา 2568 ยื่นไปหลายที่เลย ตอบกลับมาก็ประมาณ 4-5 ที และประเด็นสัมภาษณ์ พร้อมกัน 555 อาทิตย์เดียวผมสัมภาษณ์งานไป 4 ที่ ทุกที่เหมือนกันหมดมีสัมภาษณ์ประมาณ 2-3 รอบ และมีโจทย์ให้ทำ ก็ทั่ว ๆ ไปแหละครับงาน IT ทดสอบการเขียน code logic นิดหน่อย สัปดาห์นั้นสัปดาห์นรกผมเลย ทำแบบทดสอบ 4 ที่พร้อมกัน
ต้องแบ่งเวลาจัดสรรดี ๆ หน่อย ฝึกงานอยู่ 8 ชมต่อวัน หลังเลิกงานก็มาทำ Test ของบริษัทที่ยื่นสมัครงานต่อ Test ที่ให้ทำ ผมทำได้หมดนะไม่มีอะไรยากเลยเพราะเป็นงานที่ทำทุกวันอยู่ละ เพียงแต่ทำไปแล้วจะโดดเด่นกว่าคนอื่นหรือเปล่าแค่นั้น ผมจะ weight การทำ Test ตามจำนวนผู้สมัครที่แสดงให้เห็นใน JobsDB ดูละบริษัทนี้มีคนสมัครเยอะ 200-300 คนทำเต็มที่ก็พอแต่ไม่ต้องคาดหวังอะไรมาก บริษัทไหนน้อยหน่อยซัดเต็มข้อเลย เพราะโอกาสได้มันจะมีมากกว่า
พอผ่านสัปดาห์นั้นมา จะเริ่มเข้ารอบ 2 ของการสัมภาษณ์รอบนี้จะเน้นการอธิบายงานที่ทำไป เราใช้เครื่องมืออะไร เทคนิคอะไร ความยากของงานที่ให้ไปอยู่ที่ตรงไหน ตรงส่วนนี้ก็ไม่มีอะไรยาก เพราะเป็นที่ตัวเองทำมาอยู่แล้วมันอธิบายได้ไม่ยากเลย อันไหนลึก ๆ หน่อยก็ตอบพอเป็น concept เพราะเรายังไม่รู้ขนาดนั้น ก็ให้คนสัมภาษณ์นั้นแหละครับช่วยเสริม ตอบคำตอบตัวเองไปและส่งต่อด้วย "แล้วพี่คิดว่ายังไงเหรอครับตรงส่วนนี้" 555 ตอบคำถามด้วยคำถามไงละ ก็คุย ๆ กันไปเรื่อย ๆ 5 นาทีสุดท้าย พี่เขาถามว่าพร้อมเริ่มงานวันไหนครับ โอกาสมาละ 30 % ก็บอกไปตามตรงเลยครับ ผมเหลือสอบกับทางมหาวิทยาลัยวันไหนบ้าง พี่ ok ถามเรื่องเกรดจะออกเลยไหม ได้วุฒิเลยไหม แน่นอนผมตอบว่ายังไม่ออกต้องรออาจารย์ส่งเกรด จึงจะได้มา อันนี้พี่เขาไม่ติดอะไร ไม่เป็นไรเลยงั้นเราอาจจะเข้ามาเป็นแบบรายวันก่อน พอเรื่องเอกสารเรียบร้อยค่อยปรับเป็นรายเดือน (หาช่องทางแม้มีเงื่อนไขพิเศษ) โอกาสเพิ่มเป็น 60% 555 ในใจผมคิดงี้เลย
....หลังจากจบสัมภาษณ์ 1 ชม. HR โทรมาแจ้งผลสัมภาษณ์พอกับ offer ผมได้เป็นผู้ถูกเลือก แจ้งวันเริ่มงานและเงื่อนไขการเข้าทำงานได้เลย HR บอกว่าถ้าผมตอบตกลงจะได้ปฏิเสธคนอื่น ๆ จาก 60% คงไม่ต้องพูดอะไรแล้ว มันคือ 100% ที่ผมได้แน่ ๆ ถูกไหมครับ HR ให้เวลาไปคิด 1 วันก่อนจะที่ผมจะให้คำตอบว่าผมจะเข้าทำงานที่นั้นไหม
วันต่อมา ผมตัดสินใจและจะเข้าที่นี้แหละ เอาที่นี่เลยไกลที่พักหน่อยแต่ WFH ได้ 3 วัน ok ไม่ลำบากมากเลยเมล์ไปหา HR พร้อมแจ้งเงื่อนไขเข้าทำงานกับ HR ไป ผ่านไปไม่ถึง 2 ชม. หลังจากส่งเมล์ไป ตอบกลับมาว่าคุณไม่ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ...
และเหตุผลที่เป็นแบบนั้น เป็นไปไม่ได้เลยครับที่ฝีมือผมไม่ถึง หรือความสามารถอ่อนกว่าผู้สมัครคนอื่น ๆ อ่อลืมเล่าไปงานที่สมัครไปมีสมัคร 55 คนอ้างอิงจาก jobsDB นะครับ รับแค่ 1 คน เหตุที่เขาตอบกลับมาแบบนั้น มันเป็นเพราะเงื่อนไขที่แจ้งไปในเมล์สุดท้ายก่อนเซ้นต์สัญญาแน่นอนไม่มีเหตุผลอืนแล้ว เมล์ฉบับนั้นผมได้กล่าวถึงเอกสารทางราชการฉบับหนึ่ง ที่มีเพียงแค่ 1 แผ่นตามความเป็นจริง ทุกท่านพอจะเดาออกไหมครับเอกสารนั้นคืออะไร ??
เอกสารแผ่นนั้นคือ "หมายเรียกจับฉลากเพื่อเกณฑ์ทหาร" เป็นกระดาษเพียง แผ่นเดียว ที่แจ้งว่าผมจะต้องไปจับฉลากในอีก 6 เดือนข้างหน้า เพราะเมื่อปีที่แล้วผมผ่อนผันมา ผมเตรียมใจมาระดับหนึ่งแล้วนะว่าเขาอาจจะไม่รับเราเพราะเรื่องนี้ก็ได้ แต่เอาเจอเข้าจริง ๆ ก็แอบน้อยใจเหมือนกันนะ ไปไม่เป็นเลย ที่ผมเสียใจเลยคือ ผมไม่ได้แพ้ผู้สมัครท่านอื่น ด้วยความสามารถ ทักษะหรืออะไร ผมได้รับเลือกแล้ว แต่ผมแพ้พวกเขาเพราะผมไม่ยังผ่านการเกณฑ์ทหาร ความรู้สึกมันเหมือนคุณวิ่งเข้าเส้นชัยคนแรกแล้วโดนปรับแพ้อะไรอย่างนั้นเลยครับ
เลยอยากมาแชร์เรื่องราวให้คุณพ่อคุณแม่ หรือน้อง ๆ มัธยมปลาย ที่มีโอกาสเลือก เรียน รด. เรียนเถอะครับเรียนแล้วชีวิตหลังจากนั้นจะง่ายขึ้นเยอะเลย จะได้ไม่มาเจอเรื่องราวแบบที่ผมเจอ ซึ่งตอนนั้นที่ผมไม่เรียนเพราะที่บ้านประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก ผมรู้ว่าสมัคร รด. มีค่าใช้จ่าย มีค่าชุด ค่าอะไรอีก ผมตัดสินใจตอนนั้นเลยว่าไม่เรียนก็ได้ เพื่อจะให้ที่บ้านไม่ต้องมาเสียเงินตรงนี้ จนตอนนี้สถานะการเงินที่บ้านก็โอเคแล้วไม่รู้ว่าที่ตัดสินใจตอนนั้นมันถูกหรือผิดนะ แต่ตอนนี้ผมแค่รู้สึกว่าความสามารถของผมยังสร้าง value ให้บริษัทยังไม่มากพอที่บริษัทจะรับความเสี่ยงตรงนี้ได้ เลยเลือกคนอื่น ๆ ผมเข้าใจ HR และเหล่าผู้บริหารนะว่าการหาคนมาทำงานใหม่มันใช้ต้นทุนเหมือนกัน การรับคนที่รู้ว่าอีก 6 เดือนข้างหน้ามีสิทธิ์ลาออกแบบนี้มันไม่ค่อยจะดี ท่านอื่น ๆ มีประสบการณ์สัมภาษณ์งานไม่ผ่านเพราะอะไรกันบ้างมาแชร์กันได้นะครับ
ขอบคุณที่อ่านมาจนจบครับ