KEY POINTS
กรุงเทพมหานครได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในเอเชีย ประจำปี 2025 จากนิตยสาร Smart Travel Asia ซึ่งเป็นการครองแชมป์เป็นปีที่สองติดต่อกัน
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กรุงเทพฯ ได้รับรางวัลคือความหลากหลายของประสบการณ์ ทั้งด้านอาหาร วัฒนธรรม แหล่งช้อปปิ้ง และความเป็นมิตรของผู้คน
นอกจากกรุงเทพฯ แล้ว ยังมีเชียงใหม่และภูเก็ตที่ติด 10 อันดับแรก สะท้อนถึงศักยภาพและความนิยมของการท่องเที่ยวในประเทศไทย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร ได้รับการจัดอันดับให้เป็น เมืองท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในเอเชีย ประจำปี 2025 จากรางวัล “Best in Travel 2025” ซึ่งประกาศโดย Smart Travel Asia นิตยสารท่องเที่ยวดิจิทัลชื่อดัง ผ่านผลสำรวจความคิดเห็นของนักเดินทางและผู้อ่านหลายแสนคนทั่วโลก
กรุงเทพฯ ได้รับคะแนนโหวตสูงสุดในหมวด “Best Holiday Destination in Asia” หรือเมืองที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนมากที่สุดในเอเชีย โดยรักษาตำแหน่งแชมป์ไว้ได้อย่างยิ่งใหญ่เป็นปีที่สองติดต่อกัน
Smart Travel Asia ระบุว่า จุดแข็งของกรุงเทพฯ คือความมีชีวิตชีวาตลอด 24 ชั่วโมง และประสบการณ์ที่หลากหลาย ทั้งอาหาร วัฒนธรรม การช้อปปิ้ง และความเป็นมิตรของผู้คน โดยให้คำจำกัดความว่าเป็น “เมืองที่เต็มไปด้วยพลังและสีสัน ทั้งกลางวันและกลางคืน”
ปัจจัยที่ทำให้กรุงเทพฯ ติดอันดับสูงสุด
อาหาร & ไนต์ไลฟ์ สวรรค์ของนักกิน ตั้งแต่สตรีทฟู้ดในตำนานไปจนถึงร้านระดับมิชลิน และรูฟท็อปบาร์ที่ชมวิวเมืองได้แบบ 360 องศา
วัฒนธรรม & มรดก วัดพระแก้ว วัดอรุณ วัดโพธิ์ ยังคงเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติอยากมาเยือน
แหล่งช้อปปิ้งครบครัน จากห้างหรูใจกลางเมืองไปจนถึงตลาดนัดจตุจักร กรุงเทพฯ ตอบโจทย์นักช้อปทุกกลุ่ม
ความคุ้มค่า & มิตรภาพ ค่าครองชีพที่เข้าถึงได้ พร้อมการต้อนรับด้วยรอยยิ้ม คือเสน่ห์ที่ยังจับใจนักเดินทาง
10 อันดับเมืองท่องเที่ยวยอดเยี่ยมในเอเชีย ปี 2025
กรุงเทพมหานคร, ไทย
บาหลี, อินโดนีเซีย และ โตเกียว, ญี่ปุ่น (อันดับร่วม)
เชียงใหม่, ไทย
โซล, เกาหลีใต้ และ หลวงพระบาง, ลาว (อันดับร่วม)
ฮ่องกง และ ภูเก็ต, ไทย (อันดับร่วม)
การที่ไทยมีถึง 3 เมือง ติดอันดับ TOP 10 ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต สะท้อนให้เห็นถึง ศักยภาพและความหลากหลาย ที่การท่องเที่ยวไทยมีให้กับนักเดินทางจากทั่วโลก
รางวัล “Best in Travel 2025” ครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการตอกย้ำความนิยมของกรุงเทพฯ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของประเทศไทยในการเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน พร้อมส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้เติบโตต่อไปอย่างมั่นคง
โรงแรมไทย 62 แห่ง คว้า 'กุญแจมิชลิน' ปี 2568 ยืนหนึ่งความเป็นเลิศระดับโลก
KEY POINTS
โรงแรมในประเทศไทยจำนวน 62 แห่ง ได้รับรางวัล 'กุญแจมิชลิน' (MICHELIN Key) ประจำปี 2568 จากการคัดเลือกของมิชลิน ไกด์
การจัดอันดับแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ 3 กุญแจมิชลิน 6 แห่ง, 2 กุญแจมิชลิน 21 แห่ง และ 1 กุญแจมิชลิน 35 แห่ง
อุตสาหกรรมที่พักของประเทศไทยได้สร้างความสำเร็จครั้งสำคัญอีกครั้ง ด้วยการประกาศผลรางวัล "กุญแจมิชลิน" (MICHELIN Key) ประจำปี 2568 จาก 'มิชลิน ไกด์' (MICHELIN Guide) ซึ่งถือเป็นปีที่สองของการจัดอันดับที่สร้างมาตรฐานระดับโลกสำหรับการคัดเลือกประสบการณ์การเข้าพักอันยอดเยี่ยม
ในปีนี้ ประเทศไทยตอกย้ำสถานะความเป็นเลิศด้านการบริการระดับโลก ด้วยการคว้ารางวัลกุญแจมิชลินรวม 62 แห่ง จากทั้งหมด 2,457 แห่งทั่วโลก ความสำเร็จนี้สะท้อนให้เห็นถึงความรุ่มรวยแห่งมรดกทางวัฒนธรรม การออกแบบที่ก้าวล้ำ และความมุ่งมั่นในการมอบบริการที่เหนือความคาดหมาย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของไลฟ์สไตล์การเดินทางอันหรูหรา
นิยามใหม่แห่งประสบการณ์การเข้าพักที่เหนือชั้น
'มิชลิน ไกด์' ได้ให้นิยามใหม่แก่ความเป็นเลิศด้านที่พัก โดยผู้ตรวจสอบได้ประเมินโรงแรมกว่า 7,000 แห่งทั่วโลกตามหลักเกณฑ์สากล 5 ข้อ เพื่อคัดเลือกสถานที่ที่มอบประสบการณ์ที่น่าจดจำอย่างแท้จริง มร.เกว็นดัล ปูลเล็นเนค ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำคู่มือฯ ทั่วโลก กล่าวว่า รางวัลนี้คือการให้เกียรติแก่โรงแรมที่มอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ทั้งในด้านการออกแบบ บริการ และทำเลที่ตั้ง
ผลการคัดเลือกโรงแรมไทยปี 2568 แบ่งออกเป็น:
3 กุญแจมิชลิน (Three MICHELIN Keys): 6 แห่ง – หมายถึง ประสบการณ์การเข้าพักเหนือชั้นที่น่าจดจำ สมบูรณ์แบบทุกด้าน
2 กุญแจมิชลิน (Two MICHELIN Keys): 21 แห่ง – หมายถึง ประสบการณ์การเข้าพักอันยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยเสน่ห์ในแบบเฉพาะตัว
1 กุญแจมิชลิน (One MICHELIN Key): 35 แห่ง – หมายถึง ประสบการณ์การเข้าพักสุดพิเศษ มีเอกลักษณ์ชัดเจน
เจาะลึกไฮไลต์โรงแรมไทยสำหรับนักเดินทางระดับสูง
สำหรับนักเดินทางที่แสวงหาสถานที่พักผ่อนที่โดดเด่นที่สุดในประเทศไทย โรงแรมที่ได้รับรางวัลกุญแจมิชลินถือเป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาด โดยมีตัวอย่างที่สะท้อนถึงความหลากหลายและความเป็นเลิศของที่พักในประเทศ:
ระดับ 3 กุญแจมิชลิน (เหนือชั้นและน่าจดจำ):
เดอะ สยาม, กรุงเทพฯ: โอเอซิสริมน้ำที่ผสานกลิ่นอายอาร์ตเดโคและโบราณวัตถุไทยในบรรยากาศเงียบสงบในเขตดุสิต พร้อมสระว่ายน้ำอินฟินิตี้ริมแม่น้ำเป็นไฮไลต์
ภูเล เบย์ อะ ริทซ์-คาร์ลตัน รีเซิร์ฟ, กระบี่: รีสอร์ตริมทะเลอันดามันที่มอบวิลลาสุดหรู พร้อมบริการเฉพาะบุคคลและทิวทัศน์ชายฝั่งที่งดงาม
ระดับ 2 กุญแจมิชลิน (ยอดเยี่ยมและมีเสน่ห์):
อมัน นายเลิศ กรุงเทพ (ได้รับจัดอันดับครั้งแรก): ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนส่วนตัวใจกลางเมือง มอบความหรูหราที่เรียบง่าย ห้องสวีทกว้างขวาง และความเงียบสงบที่หลีกเร้นจากความวุ่นวาย
ศาลาสมุย เชิงมนบีช รีสอร์ท, เกาะสมุย: รีสอร์ตติดหาดที่โดดเด่นด้วยงานออกแบบมินิมัล ผสานความหรูหราสมัยใหม่เข้ากับเสน่ห์เขตร้อน
ระดับ 1 กุญแจมิชลิน (สุดพิเศษและมีเอกลักษณ์):
ดุสิตธานี กรุงเทพฯ (ได้รับจัดอันดับครั้งแรก): การกลับมาของโรงแรมระดับตำนานใจกลางกรุงเทพฯ ในรูปโฉมใหม่ ที่ผสานมรดกไทยเข้ากับการออกแบบร่วมสมัย
137 พิลลาร์เฮาส์ เชียงใหม่: บูทีคโฮเทลที่บูรณะจากเรือนไม้สักเก่าแก่ โดดเด่นด้วยบรรยากาศสไตล์โคโลเนียลและสวนสวยในย่านวัดเกต
ความสำเร็จของโรงแรมไทยทั้ง 62 แห่งในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องยืนยันถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจโรงแรมในประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงผลักดันสำคัญสำหรับนักเดินทางทั่วโลกที่แสวงหาประสบการณ์ไลฟ์สไตล์การเข้าพักที่หรูหรา มีเอกลักษณ์ และเปี่ยมด้วยการบริการที่เป็นเลิศ ซึ่งสามารถทำการจองและรับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ได้ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน 'มิชลิน ไกด์' โดยตรง
มี 2 เรื่อง กรุงเทพฯ ครองแชมป์ เมืองท่องเที่ยวดีที่สุดในเอเชีย ปี 2025 และ โรงแรมไทย 62 แห่ง คว้า 'กุญแจมิชลิน' ปี 2568