เริ่มต้นด้วย 7 ต.ค. 2023 กลุ่มฮามาสบุกข้ามพรหมแดนสังหารปชช.ชาวอิสราเอลและแรงงานต่างชาติ 1300 คนถูกสังหารประมาณ 240 คนถูกจับเป็นตัวประกัน ในช่วงเฟสแรกของสงคราม "เนทันยาฮู" นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล ประกาศความต้องการหลักสองข้อคือ ได้รับตัวประกันคืนและทำลายกลุ่มฮามาสให้สิ้นซาก สงครามดำเนินไป IDF ค่อยๆทำลายอุโมงค์ ตึก โรงเรียน มัสยิด ที่อิสราเอลอ้างว่าใช้เป็นฐานของกลุ่มฮามาส c]tผู้นำกลุ่มฮามาสค่อยๆถูกสังหารลงเช่นกัน มีการเจรจาปล่อยตัวประกันกับนักโทษที่อิสราเอลจับกุมตลอดสงครามประมาณ 6 ครั้ง มีหลายครั้งที่เจรจาไม่สำเร็จ ตลอดสงครามที่ผ่านมาอิราเอลมีคำสั่งปชช.ปาเลสไตล์อพยพไปยังพื้นที่ต่างๆ ไล่ทำลายฐานปฏิบัติการกลุ่มฮามาส หลังยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของฉนวนกาซ่าได้สำเร็จอิสราเอลใช้นโยบายปิดล้อม ไม่ให้ความช่วยเหลือจากภายนอกตกถึงชาวปาเลสไตล์ ระหว่างนั้น อิสราเอลเปิดแนวปะทะกับหลายกลุ่มกองกำลังที่แสดงถึงการสนับสนุนชาวปาเลสไตล์ เช่น กบฏฮูตีในเยเมน,กลุ่มก่อการร้ายฮิซบอเลาะห์ในซีเรีย แะสงคราม 12วันกับอิหร่าน หลังจากทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งปธน.สหรัฐครั้งที่ 2 มีการเปิดเผยถึงความต้องการเขาที่จะเข้าควบคุมและฟื้นฟูฉนวนกาซ่าโดยเปลี่ยนพื้นที่เป็น Riviera of the Middle East นั่นทำให้เนทันยาฮูขยับจากความต้องการเดิมเป็นการควบคุมฉนวนกาซ่าเสียแทนผ่านการปกครองรัฐเดี่ยว ซึ่งสวนทางกับการแก้ปัญหาที่นานาชาติยอมรับ (แนวทางสองรัฐ) ชาวปาเลสไตล์นั้นให้การสนับสนุนกลุ่มฮามาส
เบื้องหลังสงคราม
ชาวยิวอพยพมาตั้งถิ่นฐานในแถบนี้ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ครั้นอาณาจักรออตโตมันยังปกครองปาเลสไตล์ ในช่วงแรกชาวยิวเข้ามาในฐานะชนกลุ่มน้อยสำหรับพื้นที่แถบนี้ ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ออตโตมันพ่ายแพ้ให้กับจักรวรรดิอังกฤษ อังกฤษมอบดินแดนให้ชาวยิวก่อตั้งประเทศ นี่เป็นการเพิ่มความขัดแย้งและสร้างความเกลียดชังที่ปาเลสไตล์และชาติอาหรับมีต่อชาวยิว อิสราเอลมีความชอบธรรมชัดเจนเมื่อ UN มีมติก่อตั้งรัฐยิว และแล้วความเกลียดชังก็นำไปสู่โศกนาฏกรรมและอาชญากรรม การจับตัวประกันต่อชาวยิวครั้งแล้วครั้งเล่า ฝั่งอิสราเอลตอบโต้ด้วยการลอบสังหาร ถล่มพิกัดสมาชิกกลุ่มฮามาสหลายครั้งเช่นกัน มีหลายครั้งที่อิสราเอลชิงเปิดปฏิบัติการก่อน การตอบโต้ของอิสราเอลสร้างความไม่พอใจให้กับชาติอาหรับนำไปสู่สงครามในภูมิภาคหลายครั้ง ภายหลังสงคราม มีการโจมตีจากกลุ่มย่อยๆจากชาติอาหรับอยู่เสมอโดยเฉพาะกลุ่มฮามาส ซึ่งทำการจับตัวประกันชาวอิสราเอลหลายเหตุการณ์
การจับตัวประกันความเคียดแค้นของชาวอิสราเอลที่มีต่อชาวปาเลสไตล์อย่างมาก ว่ากันว่าหน่วยข่าวกรองอียิปต์ได้แจ้งอิสราเอลถึงปฏิบัติการครั้งใหญ่ของกลุ่มฮามาสแล้ว(ตรงนี้ต้องชื่นชมอียิปต์อย่างมาก) และแล้ว7 ต.ค. ก็เกิดขึ้น การที่กลุ่มฮามาสเปิดปฏิบัตการก่อนในวันที่7 ต.ค. สร้างความชอบธรรมในการกวาดล้างกลุ่มฮามาสของอิราเอล ประกอบกับการจับตัวประกัน 240 คน ยิ่งสร้างน้ำหนักของความชอบธรรมในการกวาดล้างกลุ่มฮามาสมากยิ่งขึ้น
ความชอบธรรม
นับแต่ก่อตั้งประเทศมา การโดนลอบโจมตีอยู่เรื่อยๆ หากการจำหน่ายผู้คน 1300+240 ที่ไม่อาจย้อนคืนมาแล้ว เพื่อจบทุกสิ่ง ทุกโศกนาฏกรรม ทุกความเกลียดชัง ในครั้งนี้อิสราเอลขอทำเช่นนั้น อิสราเอลบุกฉนวนกาซ่าเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นผลพวงการเปิดปฏิบัติการครั้งใหม่ของกลุ่มฮามาส ,IDF ค่อยๆทำลายฉนวนกาซ่าจนย่อยยับ มีคำสั่งอพอยพผู้คนครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าหากชาวปาเลสไตล์ไม่แยแสชีวิตชาวอิสราเอล แล้วทำไมชาวอิสราเอลต้องแยแสชีวิตชาวปาเลสไตล์ด้วยล่ะ ไม่มีชีวิตไหนอยากถูกเข่นฆ่ากันทั้งนั้น
เหตุใดอิสราเอลมีความชอบธรรมหลังวันที่ 7 ต.ค.
นานาชาติต่างเรียกร้องให้อิสราเอลหยุดการกระทำนี้ Pedro Sánchez นายกรัฐมนตรของสเปนโพสต์ประณามการกระทำของอิราเอลผ่าน X ปัญหาคืออิสราเอลสูญเสียผู้คน 1300คน, ถูกจับเป็นตัวประกัน240คน, มีความเป็นไปได้ในอนาคตที่กลุ่มฮามาสบุกจับตัวประกันชาวอิสราเอลอีกในอนาคต Pedro Sánchez ไม่เคยทำให้ชีวิต 1300 คนกลับคืนมา เขาไม่เคยช่วยตัวประกันในฉนวนกาซ่าเลยสักคน ไม่เคยป้องกันขีปนาวุธที่ยิงมาจากฉนวนกาซ่าเลยสักครั้ง ความมีมนุษยธรรมของเขาก่อตัวได้ก็เพราะเขาไม่ใช่เหยื่อหรือครอบครัวของเหยื่อ แต่ในความเป็นจริงปัญหายังอยู่ตรงนั้น ถ้าหากไม่มีใครแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้แล้ว ถ้าหากชีวิตของเรา ครอบครัวเรา คนในชาติเราสำคัญแล้วละก็ อิสราเอลก็มีความชอบธรรมที่จะกำจัดกลุ่มก่อร้ายนี้ได้ด้วยตัวพวกเขาเองไม่ว่าวิธีใด
สงครามอิสราเอล-ปาเลสไตล์ 7 ต.ค. 2023
เบื้องหลังสงคราม
ชาวยิวอพยพมาตั้งถิ่นฐานในแถบนี้ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ครั้นอาณาจักรออตโตมันยังปกครองปาเลสไตล์ ในช่วงแรกชาวยิวเข้ามาในฐานะชนกลุ่มน้อยสำหรับพื้นที่แถบนี้ ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ออตโตมันพ่ายแพ้ให้กับจักรวรรดิอังกฤษ อังกฤษมอบดินแดนให้ชาวยิวก่อตั้งประเทศ นี่เป็นการเพิ่มความขัดแย้งและสร้างความเกลียดชังที่ปาเลสไตล์และชาติอาหรับมีต่อชาวยิว อิสราเอลมีความชอบธรรมชัดเจนเมื่อ UN มีมติก่อตั้งรัฐยิว และแล้วความเกลียดชังก็นำไปสู่โศกนาฏกรรมและอาชญากรรม การจับตัวประกันต่อชาวยิวครั้งแล้วครั้งเล่า ฝั่งอิสราเอลตอบโต้ด้วยการลอบสังหาร ถล่มพิกัดสมาชิกกลุ่มฮามาสหลายครั้งเช่นกัน มีหลายครั้งที่อิสราเอลชิงเปิดปฏิบัติการก่อน การตอบโต้ของอิสราเอลสร้างความไม่พอใจให้กับชาติอาหรับนำไปสู่สงครามในภูมิภาคหลายครั้ง ภายหลังสงคราม มีการโจมตีจากกลุ่มย่อยๆจากชาติอาหรับอยู่เสมอโดยเฉพาะกลุ่มฮามาส ซึ่งทำการจับตัวประกันชาวอิสราเอลหลายเหตุการณ์
การจับตัวประกันความเคียดแค้นของชาวอิสราเอลที่มีต่อชาวปาเลสไตล์อย่างมาก ว่ากันว่าหน่วยข่าวกรองอียิปต์ได้แจ้งอิสราเอลถึงปฏิบัติการครั้งใหญ่ของกลุ่มฮามาสแล้ว(ตรงนี้ต้องชื่นชมอียิปต์อย่างมาก) และแล้ว7 ต.ค. ก็เกิดขึ้น การที่กลุ่มฮามาสเปิดปฏิบัตการก่อนในวันที่7 ต.ค. สร้างความชอบธรรมในการกวาดล้างกลุ่มฮามาสของอิราเอล ประกอบกับการจับตัวประกัน 240 คน ยิ่งสร้างน้ำหนักของความชอบธรรมในการกวาดล้างกลุ่มฮามาสมากยิ่งขึ้น
ความชอบธรรม
นับแต่ก่อตั้งประเทศมา การโดนลอบโจมตีอยู่เรื่อยๆ หากการจำหน่ายผู้คน 1300+240 ที่ไม่อาจย้อนคืนมาแล้ว เพื่อจบทุกสิ่ง ทุกโศกนาฏกรรม ทุกความเกลียดชัง ในครั้งนี้อิสราเอลขอทำเช่นนั้น อิสราเอลบุกฉนวนกาซ่าเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นผลพวงการเปิดปฏิบัติการครั้งใหม่ของกลุ่มฮามาส ,IDF ค่อยๆทำลายฉนวนกาซ่าจนย่อยยับ มีคำสั่งอพอยพผู้คนครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าหากชาวปาเลสไตล์ไม่แยแสชีวิตชาวอิสราเอล แล้วทำไมชาวอิสราเอลต้องแยแสชีวิตชาวปาเลสไตล์ด้วยล่ะ ไม่มีชีวิตไหนอยากถูกเข่นฆ่ากันทั้งนั้น
เหตุใดอิสราเอลมีความชอบธรรมหลังวันที่ 7 ต.ค.
นานาชาติต่างเรียกร้องให้อิสราเอลหยุดการกระทำนี้ Pedro Sánchez นายกรัฐมนตรของสเปนโพสต์ประณามการกระทำของอิราเอลผ่าน X ปัญหาคืออิสราเอลสูญเสียผู้คน 1300คน, ถูกจับเป็นตัวประกัน240คน, มีความเป็นไปได้ในอนาคตที่กลุ่มฮามาสบุกจับตัวประกันชาวอิสราเอลอีกในอนาคต Pedro Sánchez ไม่เคยทำให้ชีวิต 1300 คนกลับคืนมา เขาไม่เคยช่วยตัวประกันในฉนวนกาซ่าเลยสักคน ไม่เคยป้องกันขีปนาวุธที่ยิงมาจากฉนวนกาซ่าเลยสักครั้ง ความมีมนุษยธรรมของเขาก่อตัวได้ก็เพราะเขาไม่ใช่เหยื่อหรือครอบครัวของเหยื่อ แต่ในความเป็นจริงปัญหายังอยู่ตรงนั้น ถ้าหากไม่มีใครแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้แล้ว ถ้าหากชีวิตของเรา ครอบครัวเรา คนในชาติเราสำคัญแล้วละก็ อิสราเอลก็มีความชอบธรรมที่จะกำจัดกลุ่มก่อร้ายนี้ได้ด้วยตัวพวกเขาเองไม่ว่าวิธีใด