ช่วงนี้อินกับความไม่แฟร์แล้วก็ความเห็นแก่ตัวในที่ทำงานมาก
บางอย่างมันดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่พอเห็นซ้ำ ๆ เข้าก็หงุดหงิด เริ่มจากเรื่องเบี้ยเลี้ยงเวลาไปทำงาน คนที่เบิกเงินมา บางทีอมเงินคนขับรถไว้ ไม่ยอมให้ คนขับก็ไม่กล้าทวง บางคนเบิกมาก็มีส่วนเหลือ แต่กลับจ่ายให้คนขับรถพอดีเบี้ยเลี้ยง ส่วนตัวเองน่ะหรอ ใช้เงินที่เหลือกินอิ่มนอนสบาย เอาไปใช้เอง เป็นกำไรกินคนเดียว
ส่วนต่างที่เหลือก็เข้ากระเป๋าตัวเองเรียบร้อย
แล้วยังมีอีกเรื่อง — โปรเจคที่ตัวเองทำ ใช้ทรัพยากรที่ทำงาน แรงงานคนที่ทำงาน เพื่อเก็บข้อมูล พอได้ผล หมดโปรเจค product ที่ยังมีกลับเอาไปขาย เงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แทนที่จะเป็นเงินส่วนรวม มันเห็นแก่ตัวจนพูดไม่ออกจริง ๆ คนเราแม่มเห็นแก่ตัวจนยากจะนึกได้จริงๆ
ตอนแรกก็พยายามเงียบ ไม่อยากมีเรื่องกับใคร
แต่พอมันเกิดขึ้นบ่อย ๆ มันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยอมให้สิ่งผิดกลายเป็นเรื่องปกติ
สุดท้ายเลยตัดสินใจพูดในที่ประชุม
พูดทั้งเรื่องเบี้ยเลี้ยง ทั้งเรื่องการจัดการ product
ไม่ได้พูดเพราะอยากเอาชนะใคร
แต่เพราะอยากให้รู้ว่าสิ่งที่พวกคุณแอบทำอย่าคิดว่าคนอื่นไม่รู้ บางคนอาจมองว่า “ก็เรื่องเล็กนิดเดียว” แต่สำหรับเรา มันไม่เล็กเลย
มันคือเรื่องศักดิ์ศรีของคนทำงานสุจริต
เรื่องของเงินส่วนรวม และความยุติธรรมพื้นฐานในที่ทำงานพูดไปพวกนั้นก็ไม่สำนึก อีกอย่างเราอายุน้อยที่สุดในที่ทำงานนั้น ที่ไปคอมเม้นพฤติกรรมคนอายุมากกว่า
แต่ก็ยังดีกว่าทำเป็นไม่เห็น
เพราะถ้าเรายังเงียบกันอยู่แบบนี้
สิ่งผิดจะยิ่งหยั่งรากลึก
และสุดท้าย...คนพันนั้นจะยิ่งได้ใจ
ขออนุญาตบ่น จะอยู่ร่วมกับคนเห็นแก่ตัว เอาเปรียบยังไงดี ใจจริงอยากซัดน่างงง
ช่วงนี้อินกับความไม่แฟร์แล้วก็ความเห็นแก่ตัวในที่ทำงานมาก
บางอย่างมันดูเหมือนเรื่องเล็ก แต่พอเห็นซ้ำ ๆ เข้าก็หงุดหงิด เริ่มจากเรื่องเบี้ยเลี้ยงเวลาไปทำงาน คนที่เบิกเงินมา บางทีอมเงินคนขับรถไว้ ไม่ยอมให้ คนขับก็ไม่กล้าทวง บางคนเบิกมาก็มีส่วนเหลือ แต่กลับจ่ายให้คนขับรถพอดีเบี้ยเลี้ยง ส่วนตัวเองน่ะหรอ ใช้เงินที่เหลือกินอิ่มนอนสบาย เอาไปใช้เอง เป็นกำไรกินคนเดียว
ส่วนต่างที่เหลือก็เข้ากระเป๋าตัวเองเรียบร้อย
แล้วยังมีอีกเรื่อง — โปรเจคที่ตัวเองทำ ใช้ทรัพยากรที่ทำงาน แรงงานคนที่ทำงาน เพื่อเก็บข้อมูล พอได้ผล หมดโปรเจค product ที่ยังมีกลับเอาไปขาย เงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แทนที่จะเป็นเงินส่วนรวม มันเห็นแก่ตัวจนพูดไม่ออกจริง ๆ คนเราแม่มเห็นแก่ตัวจนยากจะนึกได้จริงๆ
ตอนแรกก็พยายามเงียบ ไม่อยากมีเรื่องกับใคร
แต่พอมันเกิดขึ้นบ่อย ๆ มันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยอมให้สิ่งผิดกลายเป็นเรื่องปกติ
สุดท้ายเลยตัดสินใจพูดในที่ประชุม
พูดทั้งเรื่องเบี้ยเลี้ยง ทั้งเรื่องการจัดการ product
ไม่ได้พูดเพราะอยากเอาชนะใคร
แต่เพราะอยากให้รู้ว่าสิ่งที่พวกคุณแอบทำอย่าคิดว่าคนอื่นไม่รู้ บางคนอาจมองว่า “ก็เรื่องเล็กนิดเดียว” แต่สำหรับเรา มันไม่เล็กเลย
มันคือเรื่องศักดิ์ศรีของคนทำงานสุจริต
เรื่องของเงินส่วนรวม และความยุติธรรมพื้นฐานในที่ทำงานพูดไปพวกนั้นก็ไม่สำนึก อีกอย่างเราอายุน้อยที่สุดในที่ทำงานนั้น ที่ไปคอมเม้นพฤติกรรมคนอายุมากกว่า
แต่ก็ยังดีกว่าทำเป็นไม่เห็น
เพราะถ้าเรายังเงียบกันอยู่แบบนี้
สิ่งผิดจะยิ่งหยั่งรากลึก
และสุดท้าย...คนพันนั้นจะยิ่งได้ใจ