ถ้าเป็นซึมเศร้าควรเลิกทำงานแล้วรักษาตัวก่อนไหมคะ

ถ้าเป็นซึมเศร้าควรเลิกทำงานแล้วรักษาตัวก่อนไหมคะ

เรื่องมีอยู่ว่า เรากำลังออกจากงาน เลยหาคนมาแทนแบบด่วนมาก พี่คนนี้มาสมัครงานกับเรา เรซูเม่เขาดีมากเลยค่ะ ตอนโทรหาก็บอกว่าทำได้ทุกอย่าง



แต่ติดปัญหาตรงที่ไม่สามารถมาทำงานเองได้ ต้องให้แฟนมารับ-ส่ง เขาให้เหตุผลว่า รถเยอะกลัวรถเนื่องจากพึ่งมาจากต่างจังหวัด (งานที่ทำต้องมีออกไปข้างนอกบ้าง แต่นานๆครั้ง)



เราเลยรับมา และมองข้ามปัญหาของเขา เรามีเวลาสอนงานอาทิตย์ 1 ซึ่งพี่คนนี้ก็เคยทำงานในตำแหน่งที่เราทำพอดี เป็นระยะเวลา 2 ปี



พอเรารับมา

วันแรกเขาใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ไม่ได้เลยค่ะ ใช้ excel ไม่ได้เลย words ไม่ดี และสายตาสั้นมาก เราก็พยายามสอนงานว่าเช้ามาเราทำอะไรยังไงบ้าง แต่เรามั่นใจมากว่าไม่ได้เร่งเลย เพราะงานพี่เขาเราสอนอันแรกเสร็จปล่อยให้ทำ ทำเสร็จค่อยสอนงานที่ 2

(พี่เขาสายตาสั้นมาก แต่ไม่เตรียมแว่นมา พี่อีกคนก็เลยเตือนว่า หนูต้องเตรียมแว่นมานะลูก พี่เขาก็ตอบว่าได้ค่ะ) เขาปรับขนาดหน้าจอแบบสูงที่สุด 175% ความใช้โปรแกรมไม่เป็น พี่เขาก็จะโฟกัสแค่สิ่งที่เห็นในหน้าจอ แต่หารู้ไม่ว่ามันมีเซลล์อื่นอยู่อีก เราก็บอกไปว่า หนูไม่ชอบปรับขนาดหน้าจอขนาดนี้เพราะมันมองไม่เห็นทุกเซลล์โอกาสพลาดเยอะ (ซึ่งพลาดเยอะจริงค่ะ ต้องคอยบอกให้เลื่อนไปให้สุดตลอด) อีกอย่างคือเป็นคนที่ไม่กล้าถาม



วันที่ 2 เช้ามาเอาอีกแล้วค่ะ ปรับขนาดหน้าจอให้ใหญ่แบบสุดๆ พี่ที่ออฟฟิศเลยเชิงแซวว่า หนูไม่ได้เอาแว่นมาหรอลูก พี่เขาก็ตอบว่า หนูไม่ถนัดใส่แว่น พี่ที่ออฟฟิศแกก็อึ้งแล้วก็เงียบไป อีกพาร์ทนึงที่คิดว่าเป็นข้อเสียคือ เวลาให้ทำอะไรสักอย่างที่มันสามารถทำได้ทันทีเลย เขาเลือกที่จะบอกว่าเดี๋ยว แป๊บนึงนะ เราก็เริ่มหงุดหงิดแล้วค่ะ เพราะมันสามารถทำได้ทันที แต่เราเลือกที่จะเงียบแล้วเดินไปทำเอง วันนี้เราให้เขาทำในสิ่งที่เราสอนไปเมื่อวาน โดยที่เราคอยนั่งดูอย่างใกล้ชิดว่าทำถูกไหม วันนี้โอเคขึ้นค่ะ ขาดแค่ความละเอียดเรียบร้อย แต่ต้องปรับปรุงเรื่องอ่านเอกสาร คือเอกสารที่ได้มามันสามารถหาคำตอบของคำถามได้ในบิลเลย อย่างเช่น เกาอี้ใบนี้ราคาเท่าไหร่ ในเอกสารมันมีบอกค่ะ แต่เขาไม่อ่านเอกสารและเลือกที่จะถามเราว่าเก้าอี้ราคาเท่าไหร่ แรกๆเราก็บอกค่ะ หลังๆเราก็เริ่มหงุดหงิดบ้างเลยบอกว่า พี่ลองอ่านดูค่ะ มันค่อนข้างหลายรอบจริงๆ เราก็บอกว่าถ้าพี่ไม่เข้าใจตรงไหนให้ถามนะคะ เดี๋ยวหนูเคลียร์อย่างอื่นรอ (งานที่เราสอนวันนี้คิดเป็น 40% จาก 100%) แต่มันเป็นงานง่ายๆ (วันแรกสอนไปแค่ให้คีย์บิลภาษีซื้อ-ภาษีขายนะคะ และเขาทำสูตรเราฟังหมดเลย พอเราสอนบอกว่า พี่ถนัดแบบนี้ เราก็เงียบ แล้วไปทำงานเราต่อค่ะ ให้เขาทำของเขาไป)



จากนั้นช่วงบ่ายๆ เขาก็บอกว่า ปวดหัว เหมือนจะไม่สบายเลย ไม่รู้พรุ่งนี้จะไหวรึป่าว (แต่ไม่มีอาการอะไรนะคะ เราก็ให้ยากินไป เขาบอกเหมือนจะเป็นไข้ ปวดหัว) ซึ่งเราเข้าใจเพราะเป็นไข้ทรมานมาก เราเลยบอกว่าถ้าไม่ไหวลาก่อนไม่ต้องฝืนมา เอาสุขภาพตัวเองก่อน



วันที่ 3 แกโทรมาลาตั้งแต่ตี 5 แบบย้ำๆ 5-6 สาย สลับเบอร์โทรและไลน์แบบไม่หยุด เศร้ามากค่ะ

(มีใบรับรองแพทย์ อาการ ไข้ ไอมีน้ำมูก ปวดหัว)



วันที่ 4 แกลาป่วยอีกรอบบอกว่า ยังไม่ค่อยดี

แต่วันนี้เราทักไปถามเขาว่าพรุ่งนี้มาได้ไหม ถ้ามาเอาสมุดโน๊ตมาด้วยและแว่นตา (เราต้องย้ำไปเพราะพี่ที่ออฟฟิศเขาเริ่มไม่ค่อยโอเค คุณไม่มีความเตรียมพร้อมในการทำงานเลย และเลือกที่จะให้องค์กรทำตามคุณมันไม่ได้คุณไม่ได้ใช้คอมคนเดียว และเวลาเราสอนงานเขาไม่เคยจดเลยค่ะ ไม่เคยเลยจริงๆ และพี่ทำงานเขาเริ่มไม่โอเคแล้ว เพราะคุณบอกเขาว่า เป็นคนชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ แต่คุณแค่พูด)



วันที่ 5 เขาเตรียมสมุดและแว่นมาค่ะ วันนี้พี่คนนั้นลา มีเราอยู่สอนงานคนเดียว วันนี้เราค่อนข้างยัดงานและพยายามสอนทุกอย่างเนื่องจากเราทำงานวันสุดท้าย (ทุกอย่างที่ว่ายังไม่ถึง 50% ด้วยซ้ำค่ะ มีงานหลายอย่างมาที่เรายังไม่ได้สอน) แต่เราพยายามให้เขาดูแลตัวเองได้ วันนี้จะสอนแค่รอบเดียวคือทวน 40% ก่อนและให้เขาทำของเขาเอง 2 วันที่ผ่านมาเรานั่งแก้เอกสารให้เยอะมาก เพราะเขาทำผิดทำข้ามบ้าง วันนี้เขาทำข้ามอีกเราเลยตำหนิไปว่า พี่หนูพูดตรงๆนะคะ หนูว่าพี่ต้องปรับเรื่องความละเอียดรอบคอบอีกนึดนึงนะคะ ถ้าเป็นบิลเอกสารไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเรื่องเงิน เจ้านายเขาซีเรียสมาก เราก็ถามเขาว่าพี่ทำงานมาไม่ได้ทำเกี่ยวกับอันนี้หรอคะ เพราะเขาไม่รู้เรื่องเอกสารด้านภาษีหรือภายในบริษัทเลยค่ะ สักพักหนึ่งเขาก็พูดกับเราว่า เป็นเพราะเรายัดงานเขามากเกินไป เขาเลยเครียด

จากนั้นเขาก็ร้องไห้จาก 11.50-15.00 และบอกว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้าและแพนิก เราเลยรู้สึกว่าสิ่งที่เราบอกทั้งหมดและเทคนิคทุกอย่างที่ให้เจ้านายชอบกลายเป็นเราทำลายเขา เราหมดคำจะพูดเลยค่ะเลยปลอบใจไป แต่ปลอบเท่าไหร่ก็ไม่หายเราเลยไปกินข้าว วันนี้พักแค่ 10กว่านาทีเอง แล้วเขาก็พูดว่าไม่รู้เขาจะอยู่ได้ไหม เราเลยบอกว่า พี่คะในบริษัทนี้หนูคือเลเวลต่ำสุดละ ถ้าพี่อยู่กับหนูไม่ได้ที่นี้พี่จะอยู่ยากแล้วนะคะ ซึ่งมันจริงค่ะเราต่ำสุดจริง เราก็รายงานเรื่องนี้ไปที่พี่อีกคน สักพักใหญ่ๆ พี่คนใหม่เขาก็ตัดสินใจโทรหาพี่ที่ออฟฟิศเรา แล้วบอกว่าเป็นโรคนี้นะ และเล่าปัญหาว่าจะขอทำงานถึงสิ้นเดือนได้ไหมเพราะพ่อใกล้จะเกษียณและปัญหาโน่นนี่นั่น พี่แกที่บอกว่า เรื่องครอบครัวหนูพี่ไม่รู้ แต่หนูเอาสุขภาพหนูก่อนไหม พี่ว่าหนูพักก่อนดีกว่าไหม สรุปคือเขาเลือกพักก่อนและออกพร้อมหนูค่ะ แต่วันนี้บ่ายพอหนูไม่จี้งานเขาก็ไม่ทำอะไรเลย นั่งเฉยๆดูโทรศัพท์ไง ไม่ได้พยายามหาความรู้อย่างที่เขาพูด ทั้งที่ตัวเองไม่ได้คอมเลย ไม่หาค่ะ ไม่จดเลยจริงๆถ้าไม่บอก เขาก็พูดกับเราว่าหรือจะคุยกับพี่ที่ออฟฟิศว่าขอทำอีกอาทิตย์ 2 อาทิตย์ดีไหม แต่ระหว่างนี้แกก็หางานค่ะ หนูเลยบอกว่าพี่พักก่อนดีไหมคะ หนูสงสารเจ้านายถ้าพี่จะทำรองาน แล้วหนูก็ไม่ไม่โอเคด้วยค่ะ เพราะพอจะออกก็พยายามถามซ้ำๆว่าเงินได้เหมือนไหร่ถ้าตามปกติจะออกพร้อมเงินเดือนอยู่แล้ว อันนี้คือเราตกลงกันก่อนเพื่อให้แกยอมรับ แต่จะเบิกให้เลยภายในวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้นเขาหางานในออฟฟิศนั่นแหละค่ะ เขาภูมิใจมากกับเรซูเม่เขา เขาบอกมันของพี่มันเริ่ดไง หางานได้อยู่แล้ว เราก็เจื่อนๆ หาได้จริงแต่อาจจะทำได้ไม่ดีเลยนะ อารมณ์คนที่ไม่มีประการณ์เลยค่ะ แบบนั้นเลย เรารู้สึกดีมากที่เขาออก บอกตามตรงเขาทำที่อื่นไม่ได้หรอกค่ะ แต่ยังบอกที่อื่นนะคะว่าทำโปรแกรมคอมได้ ทั้งที่เรียนกับเราแค่ 3 วัน ยังไม่คล่องด้วยซ้ำ ที่ทำงานที่อื่นก็สู้ๆนะ คนนี้รับแรงกดดันไม่ได้เลย ที่นี่บอกไม่สะดวกขับรถมาเอง ที่อื่นบอกได้ค่ะ ได้ค่ะไว้ก่อน



วันที่ 5 ทั้งวันไม่แสดงออกถึงอาการป่วยเลยนะคะ น่าจะป่วยจิตมากกว่า วันสุดท้ายที่เราสอนแบบย้ำๆคือพี่ที่ทำงานเริ่มไม่ชอบแล้ว เราพยายามบอกทุกอย่างเพื่อให้เขาอยู่ได้แต่ตามนั้นค่ะ เขาไม่ได้มองว่าเป็นความหวังดี พออธิบายก็ไม่ฟัง ส่วนตัวอึดอัดมากก่อนหน้านี้เพราะพี่ที่ออฟฟิศคอมเพลนมาเยอะมาก



ที่ทำงานที่อื่นก็โชคดีละกัน ดีแล้วที่เขาออก เราอุตส่าห์หวังดีว่าแต่ก่อนเราก็เคยเป็นแบบนี้ เราไม่อยากให้เป็นเหมือนเรา เสียความรู้สึกและรู้สึกโกรธที่เขาไม่รู้ตัวเองสักทีค่ะ แต่ทั้งหมดเราก็ไม่ได้บอกเขาหมดว่าเขาไม่โอเคตรงไหนบ้าง กลัวเขารับไม่ได้ เราพยายามบอกเขาว่าให้ก้าวผ่านมันมาให้ได้แล้วมันจะสบายเลย เขาก็บอกว่าพี่ทำไม่ได้ เค จบ.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่