ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือ ใช้น้องหมาจริง เล่นและแสดงจริง โดยไม่ได้ใช้ตัวแสดงแทน หรือ CG แต่อย่างใดเลย เพราะนักทำหนังมักจะบอกกันว่า 4 สิ่งที่ควรเลี่ยงเลย คือ สัตว์ เด็ก เอฟเฟค สลิง แต่เรื่องนี้กลับนำสัตว์มาใช้แบบเต็ม ๆ และแน่นอน การถ่ายทำย่อมไม่ง่าย เวลา 3 ปี กับคิวถ่ายทำกว่า 400 คิว คือ ระยะเวลาที่ Project นี้ ใช้ไปครับ!!!
ตัวหนังกำกับโดย Ben Leonberg ผู้ที่นำแนวคิดของสารตั้งต้นในการทำหนังแบบ Steven King มาใช้ โดยการตั้งโจทย์ขึ้นมาว่า "หากน้องหมาเป็นสิ่งมีชิวิตเพียงสิ่งเดียว ที่สามารถมองเห็นสิ่งเร้นลับที่คุกคามคนในบ้านหลังหนึ่งได้ แล้วน้องจะทำอย่างไรต่อไป".. Big Idea นี้ แค่ฟังก็รู้สึกบรรเจิดแล้วว่า หมาที่พูดไม่ได้ จะมีวิธีการสื่อสารเพื่อช่วยให้มนุษย์จัดการกับปัญหานี้ได้อย่างไร
ความรู้สึกหลังดูก็คือ พูดได้มั้ยว่าหนังเรื่องนี้อยู่ในระดับหนังทดลอง หรือหนังทุนต่ำอะไรประมาณนั้น ยิ่งได้รู้ว่า ผกก. เป็นอาจารย์สอนวิชา Film ด้วย ก็ยิ่งไม่แปลกใจ ตัวหนังเน้นหนักไปที่เจ้า Indy น้องหมาพันธุ์ Nova Scotia Duck Tolling Retriever ซึ่งเป็นสายพันธุ์ตระกูล Retriever ที่มีขนาดเล็กที่สุด แถมยังมีความฉลาด ใจดี และมีพลังความ Alert สูงมากด้วย ก็แน่นอนแหละครับ เพราะโดยธรรมชาติน้องถูก Breed ขึ้นมาเพื่อต้อนเป็ดให้กับพวก Hunter นั่นเอง แถมน้องยังเป็นหมาของ ผกก. จริง ๆ ด้วยนะครับ
การแสดงของน้องต้องบอกว่าดีมากครับ และที่สำคัญน้องไม่ได้แสดงแบบ Animal Performer ทั่วไป แต่เป็นการแสดงแบบเหมือนเราเลี้ยงหมาที่ฉลาด ๆ ไว้ตัวนึง แล้วก็จับมันมาสร้างสถานะการณ์ แล้วถ่ายปฎิกิริยามันลงในคลิป Reels หรือ TikTok อะไรประมาณนั้น ดังนั้น การแสดงออกของน้องในเรื่อง จึงไม่ใช่สไตล์หมาที่ผ่านการฝึกมาแล้ว ที่ทำอะไรต่ออะไรได้เหมือนมนุษย์สั่งไปหมด แต่การแสดงออกของน้องก็คือหมาตัวนึง ที่มีความสงสัย แปลกใจ กลัว ตกใจ ในแบบหมาบ้าน ๆ ที่ฉลาด ๆ ตัวนึงที่เราเลี้ยงไว้ประมาณนั้นครับ แต่อย่างไรก็ตาม น้องก็ถือว่าเก่งครับ
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ มุมกล้องและภาพที่ถูกตัดออกมา เกือบจะทั้งเรื่องมุมกล้องจะถูกถ่ายในระดับสายตาของน้องหมา ดังนั้น ทั้งเรื่องเราจะได้เห็นมนุษย์เพียงแค่ครึ่งตัว หรือระดับเอวเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยกล้องแทบจะไม่โฟกัสหน้าของนักแสดงเลยด้วยซ้ำ อันนี้ถือว่าแปลกใหม่ แต่ก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะด้วยความที่เราไม่ชินกับมุมกล้องแบบนี้ ความรู้สึกคนดูจึงเหมือนกับถูกกดหัวให้ต่ำตลอดเวลา จึงทำให้รู้สึกอึดอัด ไม่ค่อยสบายตากับภาพเท่าไหร่
ส่วนของบทได้ให้น้ำหนักไปที่น้องหมามากกว่า 80% มนุษย์คือส่วนประกอบ ดังนั้น มนุษย์ในเรื่องจึงแทบไม่มีซีน บทพูดก็เหมือนกับบ่นงึมงำอะไรไปเรื่อย ยิ่งตัวเจ้าของน้องนั้น ยอมรับว่าผมรำคาญกับเสียงไอของฮีมาก ไอได้ทั้งเรื่อง ไอมากกว่าพูด 555 และเนื่องจากน้องหมาก็พูดไม่ได้ จึงทำให้การดูหนังเรื่องนี้เราจึงต้องนั่งจ้องปฎิกิริยาของน้องหมาอยู่ตลอดเวลา เพื่อจะได้รู้ว่าน้องรู้สึกอย่างไร ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดีครับ
ด้านความน่ากลัว อันนี้คือส่วนที่ผิดหวังมาก ก่อนดูคิดว่าน้องคงจะเห็นผีแบบจัดหนัก จัดเต็ม น่ากลัว เห่าหอนทั้งเรื่องอะไรแบบนี้ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นครับ ในช่วงแรกน่าจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น มะหมาฝันหรือมีนิมิตรเห็นผีมากกว่า เพราะว่ากว่าผีจะออกมาเต็ม ๆ ก็ท้ายเรื่องแล้ว ทั้ง ๆ ที่หนังยาวแค่ 74 นาที แถมบรรยากาศในเรื่องมันก็ไม่ได้ชวนน่ากลัวมากอะไรแบบนั้นด้วย สำหรับผมแล้วบางช่วงมีแอบง่วงด้วยซ้ำ
สรุป หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ให้ความแปลกใหม่ในด้านเทคนิคการถ่ายทำ โครงเรื่องดี แต่บทไม่ชอบครับ ดูแล้วรู้สึกผิดหวังกับความน่ากลัว น้องหมาในเรื่องน่ารัก ฉลาด และเก่งมาก ๆ ถ้ามาดูแต่หมาถือว่า OK ถ้าโดยภาพรวมถือว่าผิดหวังครับ หนังไม่ค่อยสนุกครับ
ใครได้ไปดูมาแล้วบ้าง คิดเห็นอย่างไรมาแชร์กันได้นะครับ
Good Boy มะหมาเห็นผี.. ใครไปดูมาแล้วบ้าง ชอบ ไม่ชอบ อย่างไรกันบ้างครับ
ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้คือ ใช้น้องหมาจริง เล่นและแสดงจริง โดยไม่ได้ใช้ตัวแสดงแทน หรือ CG แต่อย่างใดเลย เพราะนักทำหนังมักจะบอกกันว่า 4 สิ่งที่ควรเลี่ยงเลย คือ สัตว์ เด็ก เอฟเฟค สลิง แต่เรื่องนี้กลับนำสัตว์มาใช้แบบเต็ม ๆ และแน่นอน การถ่ายทำย่อมไม่ง่าย เวลา 3 ปี กับคิวถ่ายทำกว่า 400 คิว คือ ระยะเวลาที่ Project นี้ ใช้ไปครับ!!!
ตัวหนังกำกับโดย Ben Leonberg ผู้ที่นำแนวคิดของสารตั้งต้นในการทำหนังแบบ Steven King มาใช้ โดยการตั้งโจทย์ขึ้นมาว่า "หากน้องหมาเป็นสิ่งมีชิวิตเพียงสิ่งเดียว ที่สามารถมองเห็นสิ่งเร้นลับที่คุกคามคนในบ้านหลังหนึ่งได้ แล้วน้องจะทำอย่างไรต่อไป".. Big Idea นี้ แค่ฟังก็รู้สึกบรรเจิดแล้วว่า หมาที่พูดไม่ได้ จะมีวิธีการสื่อสารเพื่อช่วยให้มนุษย์จัดการกับปัญหานี้ได้อย่างไร
ความรู้สึกหลังดูก็คือ พูดได้มั้ยว่าหนังเรื่องนี้อยู่ในระดับหนังทดลอง หรือหนังทุนต่ำอะไรประมาณนั้น ยิ่งได้รู้ว่า ผกก. เป็นอาจารย์สอนวิชา Film ด้วย ก็ยิ่งไม่แปลกใจ ตัวหนังเน้นหนักไปที่เจ้า Indy น้องหมาพันธุ์ Nova Scotia Duck Tolling Retriever ซึ่งเป็นสายพันธุ์ตระกูล Retriever ที่มีขนาดเล็กที่สุด แถมยังมีความฉลาด ใจดี และมีพลังความ Alert สูงมากด้วย ก็แน่นอนแหละครับ เพราะโดยธรรมชาติน้องถูก Breed ขึ้นมาเพื่อต้อนเป็ดให้กับพวก Hunter นั่นเอง แถมน้องยังเป็นหมาของ ผกก. จริง ๆ ด้วยนะครับ
การแสดงของน้องต้องบอกว่าดีมากครับ และที่สำคัญน้องไม่ได้แสดงแบบ Animal Performer ทั่วไป แต่เป็นการแสดงแบบเหมือนเราเลี้ยงหมาที่ฉลาด ๆ ไว้ตัวนึง แล้วก็จับมันมาสร้างสถานะการณ์ แล้วถ่ายปฎิกิริยามันลงในคลิป Reels หรือ TikTok อะไรประมาณนั้น ดังนั้น การแสดงออกของน้องในเรื่อง จึงไม่ใช่สไตล์หมาที่ผ่านการฝึกมาแล้ว ที่ทำอะไรต่ออะไรได้เหมือนมนุษย์สั่งไปหมด แต่การแสดงออกของน้องก็คือหมาตัวนึง ที่มีความสงสัย แปลกใจ กลัว ตกใจ ในแบบหมาบ้าน ๆ ที่ฉลาด ๆ ตัวนึงที่เราเลี้ยงไว้ประมาณนั้นครับ แต่อย่างไรก็ตาม น้องก็ถือว่าเก่งครับ
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ มุมกล้องและภาพที่ถูกตัดออกมา เกือบจะทั้งเรื่องมุมกล้องจะถูกถ่ายในระดับสายตาของน้องหมา ดังนั้น ทั้งเรื่องเราจะได้เห็นมนุษย์เพียงแค่ครึ่งตัว หรือระดับเอวเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยกล้องแทบจะไม่โฟกัสหน้าของนักแสดงเลยด้วยซ้ำ อันนี้ถือว่าแปลกใหม่ แต่ก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะด้วยความที่เราไม่ชินกับมุมกล้องแบบนี้ ความรู้สึกคนดูจึงเหมือนกับถูกกดหัวให้ต่ำตลอดเวลา จึงทำให้รู้สึกอึดอัด ไม่ค่อยสบายตากับภาพเท่าไหร่
ส่วนของบทได้ให้น้ำหนักไปที่น้องหมามากกว่า 80% มนุษย์คือส่วนประกอบ ดังนั้น มนุษย์ในเรื่องจึงแทบไม่มีซีน บทพูดก็เหมือนกับบ่นงึมงำอะไรไปเรื่อย ยิ่งตัวเจ้าของน้องนั้น ยอมรับว่าผมรำคาญกับเสียงไอของฮีมาก ไอได้ทั้งเรื่อง ไอมากกว่าพูด 555 และเนื่องจากน้องหมาก็พูดไม่ได้ จึงทำให้การดูหนังเรื่องนี้เราจึงต้องนั่งจ้องปฎิกิริยาของน้องหมาอยู่ตลอดเวลา เพื่อจะได้รู้ว่าน้องรู้สึกอย่างไร ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดีครับ
ด้านความน่ากลัว อันนี้คือส่วนที่ผิดหวังมาก ก่อนดูคิดว่าน้องคงจะเห็นผีแบบจัดหนัก จัดเต็ม น่ากลัว เห่าหอนทั้งเรื่องอะไรแบบนี้ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นครับ ในช่วงแรกน่าจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น มะหมาฝันหรือมีนิมิตรเห็นผีมากกว่า เพราะว่ากว่าผีจะออกมาเต็ม ๆ ก็ท้ายเรื่องแล้ว ทั้ง ๆ ที่หนังยาวแค่ 74 นาที แถมบรรยากาศในเรื่องมันก็ไม่ได้ชวนน่ากลัวมากอะไรแบบนั้นด้วย สำหรับผมแล้วบางช่วงมีแอบง่วงด้วยซ้ำ
สรุป หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ให้ความแปลกใหม่ในด้านเทคนิคการถ่ายทำ โครงเรื่องดี แต่บทไม่ชอบครับ ดูแล้วรู้สึกผิดหวังกับความน่ากลัว น้องหมาในเรื่องน่ารัก ฉลาด และเก่งมาก ๆ ถ้ามาดูแต่หมาถือว่า OK ถ้าโดยภาพรวมถือว่าผิดหวังครับ หนังไม่ค่อยสนุกครับ
ใครได้ไปดูมาแล้วบ้าง คิดเห็นอย่างไรมาแชร์กันได้นะครับ