วงน้องใหม่ CORTIS อวดเสน่ห์ความมั่นใจแบบวัยรุ่นในอัลบั้มเดบิวต์



เมื่อวงบอยกรุ๊ปน้องใหม่ CORTIS ปรากฏตัวในวงการ K-pop ครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยสไตล์ที่เหมือนหลุดออกมาจากนิตยสารวัยรุ่นยุค 2000s และเดินตามรอยไอดอลระดับตำนานอย่าง BTS และ TOMORROW X TOGETHER (TXT) การสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองให้โดดเด่นจึงดูเป็นภารกิจที่ท้าทายไม่น้อย

สมาชิกทั้งห้าคน ได้แก่ มาร์ติน เจมส์ จูฮุน ซองฮยอน และกอนโฮ ที่รวมตัวกันเป็นวงจากค่าย BigHit Music ในรอบ 6 ปี พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจ เสน่ห์แบบวัยรุ่นและความเท่แบบมีสไตล์ เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาพร้อมที่จะรับความท้าทายนี้

ไม่ว่าจะด้วยการเลือกสไตล์ที่ชวนคิดถึงยุคก่อนหรือท่าเต้นที่เต็มไปด้วยพลัง วง CORTIS ก็สามารถสร้างกระแสได้ตั้งแต่การปล่อยอัลบั้มเดบิวต์ "Color Outside The Lines" ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่น่าประทับใจ สำหรับวงที่มีเพลงเพียงแค่ห้าเพลงในอัลบั้มแรกเท่านั้น


วง CORTIS มีแนวโน้มสูงมากที่จะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Rookie of the Year (ศิลปินหน้าใหม่แห่งปี) ภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือนหลังเดบิวต์ กลุ่มศิลปินรุ่นใหม่กลุ่มนี้ได้ทำลายสถิติหลายรายการ โดยการเปิดตัวที่อันดับ 15 บนชาร์ต Billboard 200 ระดับโลก ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในบรรดาศิลปินหน้าใหม่ร่วมยุคเดียวกัน พวกเขายังมียอดวิวรวมกว่า 39 ล้านวิว จากมิวสิกวิดีโออย่างเป็นทางการทั้ง 3 เพลง และมีผู้ฟังประจำรายเดือนมากกว่า 7.5 ล้านคนบน Spotify ตัวเลขและอันดับเหล่านี้เป็นสิ่งที่แม้แต่ศิลปิน K-pop รุ่นพี่ก็ยังต้องใช้เวลานานกว่าจะไปถึง และสำหรับศิลปินหน้าใหม่ทั่วไปอาจเป็นเพียงความฝันที่ยังเอื้อมไม่ถึงด้วยซ้ำ

นอกเหนือจากพรสวรรค์ทางดนตรีแล้ว เด็กหนุ่มจากวง CORTIS ยังดูเหมือนจะรู้แน่ชัดด้วยว่าตัวเองกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด ในเพลงทั้งห้าจากอัลบั้มเดบิวต์ พวกเขาได้ประกาศความปรารถนาออกมาอย่างไม่ลังเลใจว่า

“I want the whole world to know my name.”
(ฉันอยากให้ทั้งโลกรู้จักชื่อของฉัน)

ซิงเกิลเปิดตัวของวงที่ได้รับอิทธิพลจากดนตรีร็อกอย่าง “What You Want”  สื่อถึงความทะเยอทะยานอย่างชัดเจนราวกับตะโกนจากยอดตึกสูง

“Money, style, fame, love and what? / Ooh, take what you want / Enough’s not enough to fill me up / Scarf it down, yuh, like a hippo,”
(เงินทอง สไตล์ ชื่อเสียง ความรัก แล้วอะไรอีกล่ะ? เอาไปสิในสิ่งที่เธอต้องการ / มันยังไม่พอจะเติมเต็มฉันได้ / กลืนมันลงไปสิ อย่างฮิปโปเลย)


เนื้อเพลงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจนี้ ถูกขับร้องพร้อมกับเสียงกีตาร์ร็อกและเบสที่แน่นทรงพลัง ถ่ายทอดความกล้า ความทะเยอทะยาน และความกระตือรือร้นของวัยรุ่นที่กำลังเริ่มต้นเส้นทางชื่อเสียงได้อย่างมีชีวิตชีวา เพลงสุดท้ายของอัลบั้มเป็นเวอร์ชันภาษาอังกฤษของเพลงเดียวกัน โดยมีแร็ปเปอร์และโปรดิวเซอร์ชื่อดัง Teezo Touchdown มาร่วมฟีเจอริ่งอีกด้วย

ความมีชีวิตชีวาแบบนี้ยังปรากฏชัดในเสียงซินธ์แวววาวแนว trap ของเพลงไวรัลสุดฮิต “GO!” ซึ่งประกาศการมาถึงของวงในวงการ K-pop อย่างสง่างาม เพลงนี้ได้จุดกระแสชาเลนจ์บน TikTok นับพันคลิป และกลายเป็นเพลงที่ “ติดหู” จนทำให้ชื่อของ CORTIS ถูกพูดถึงในวงการเพลงชาร์ตหลักของปีนี้อย่างมั่นคงตั้งแต่ช่วงแรก

จากจุดเริ่มต้นเพียงไม่นาน ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเด็กหนุ่มทั้งห้าคนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะพิชิตเส้นทางนี้ พวกเขาเดินอยู่บนเส้นบาง ๆ ระหว่างความกล้าและความฝัน ถ่ายทอดพลังออกมาผ่านทุกท่อนของเพลงราวกับจะบอกว่า

“Bring the new energy — we’rยิ้ม to stay.”
(เรานำพลังใหม่มาแล้ว และเราจะอยู่ตรงนี้ต่อไป)


ในเพลงที่เต็มไปด้วยพลังอย่าง “FaSHiON” เหล่าวัยรุ่นจาก CORTIS ปล่อยท่อนแร็ปเกี่ยวกับการเดินตลาดมือสอง Dongmyo ในโซล และการค้นพบเสื้อผ้าวินเทจที่ “อองแด” (ongdae) เพลงแนว EDM ที่มีจังหวะติดหูอย่างปฏิเสธไม่ได้นี้สะท้อนถึงสไตล์ของโซล ทั้งความแฟชั่นที่สนุกสนาน แปลกตา และรสนิยมการแต่งตัวของวงอย่างสนุกสนาน เช่น การใส่กางเกงเอวหลวมต่ำ ที่กลายเป็นหนึ่งในลายเซ็นของพวกเขา


เพลง “JoyRide” พาผู้ฟังไปนั่งรถครุ่นคิดไปตามชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย ครุ่นคิดถึงการสร้างสรรค์ดนตรีท่ามกลางเสียงเบสที่เบาสบายและกีตาร์อะคูสติกที่นุ่มนวล เนื้อเพลงที่ไหลลื่นราวกับสายธารแห่งจิตสำนึกนั้น สะท้อนภาพของวัยรุ่นที่ไร้ความกลัวและชอบท้าทายโลก ขณะที่หนุ่มๆ คุยกันถึง "การกระโดดข้ามกำแพง" และ "การพลิกตัวเหมือนไข่ดาว แพนเค้ก" เปรียบเปรยถึงความขบถ สนุก และสดใหม่ของช่วงวัย


เพลงรองสุดท้ายของอัลบั้มนี้ “Lullaby” มาในโทนที่ตรงข้ามโดยสิ้นเชิง เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยอารมณ์ เพลงนี้เป็นเหมือนการรำพึงถึงคืนที่อดหลับอดนอนขณะทำอัลบั้มแรกของพวกเขา เนื้อเพลงอย่าง

“I got work, you got work, but in this moment, quiet first,”
(ฉันมีงานต้องทำ นายก็มีงานต้องทำ แต่ตอนนี้ ขอเงียบก่อน)

เป็นประโยคที่เรียบง่ายแต่กินใจ และกลายเป็นถ้อยคำที่สะท้อนตัวตนของพวกเขาในช่วงเวลาแห่งความมุ่งมั่นได้อย่างลึกซึ้ง


สมาชิกทั้งห้าคนของวงมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์อัลบั้มนี้ทั้งหมด ซึ่งถือเป็นสิ่งที่หาได้ยากในวงการ K-pop แต่ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจสำหรับแฟน ๆ ที่ติดตามพวกเขาตั้งแต่ก่อนเดบิวต์ โดยเฉพาะ Martin หัวหน้าวงวัย 17 ปี ซึ่งเคยมีประสบการณ์ในการแต่งเพลงที่ติดชาร์ตมาแล้วหลายเพลง และเคยมีส่วนร่วมในงานเพลงของวงรุ่นพี่ในค่ายอย่าง TXT’s “Deja Vu” และ ILLIT’s “Magnetic” ซึ่งทั้งคู่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในเพลง K-pop ที่ดีที่สุดของปีที่แล้ว
ในขณะเดียวกัน James หนึ่งในสมาชิกของวง ซึ่งเคยเป็นอดีตสมาชิกของโปรเจกต์กรุ๊ป Trainee A (ที่ปัจจุบันยุติการทำกิจกรรมไปแล้ว) ก็ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบท่าเต้นให้กับวง CORTIS ด้วยเช่นกัน


ในขณะที่ CORTIS แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของยุค MTV-era อย่างชัดเจน ด้วยแนวคิดแบบอิสระและการเลือกเส้นทางที่แตกต่างจากกระแสหลัก พวกเขาก็ยังได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญระดับมืออาชีพของค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง HYBE รวมถึงการได้ร่วมงานกับโปรดิวเซอร์ระดับโลกอย่าง Juicy J และ Teezo Touchdown ซึ่งช่วยเพิ่มความแวววาวและมาตรฐานระดับสูงให้กับงานเพลงของพวกเขา


อัลบั้ม ชุดนี้แม้จะมีบางช่วงที่ดูได้รับอิทธิพลมาจากศิลปินฮิปฮอปแถวหน้าอย่าง Travis Scott, Playboi Carti และ A$AP Rocky แต่ก็สะท้อนความจริงใจในแบบที่เด็กวัย 17 ปีคนหนึ่งอยากจะฟังหรืออยากจะสร้างขึ้นมาเอง เพลงของพวกเขาเต็มไปด้วยความสดใหม่ ความดิบ และความเป็นธรรมชาติที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งเกินไป

มีหลายเพลงที่ได้ยินชัดเจนว่า เหล่าศิลปินกำลังสนุกสนานกันอย่างสุดเหวี่ยงในสตูดิโอ ตื่นเต้นเร้าใจไปกับทุกจังหวะ พวกเขาปลุกพลังให้กันและกันระหว่างการอัดเสียง เห็นได้ชัดว่า CORTIS สนุกกับผลงานชิ้นนี้ ซึ่งทำให้ผู้ฟังรู้สึกถึงความสนุกนั้นไปพร้อมกันด้วย

ความโดดเด่นของอัลบั้มนี้อยู่ที่ “ความฉลาดแบบกวน ๆ”  ของเนื้อเพลงที่ตรงไปตรงมาและเต็มไปด้วยอารมณ์ขันของเด็กหนุ่มในเพลง “FaSHiON”

Martin แซวสมาชิกวง Keonho แบบขำ ๆ เกี่ยวกับรสนิยมการแต่งตัวของเขา
Keonho ก็ไม่ยอมแพ้ ตอบกลับด้วยการเอ่ยชื่อโปรดิวเซอร์พันล้านของพวกเขาอย่าง Bang Si-hyuk (Hitman Bang) ในท่อน
“I’m in hit mode / Wanna make a hit like a Hitman, so I reload.”
(ฉันอยู่ในโหมดฮิต / อยากทำเพลงให้ปังเหมือน Hitman ก็ต้องรีโหลดพร้อมลุย)


ส่วนในเวอร์ชันภาษาอังกฤษของเพลง “What You Want” James ก็ปล่อยท่อนเด็ดไว้ว่า

“Well, I want to ball like it’s LeBron game.”
(ฉันอยากเล่นให้สุด เหมือนอยู่ในเกมของเลอบรอนเลยล่ะ)


เนื้อเพลงเหล่านี้สะท้อนจิตวิญญาณของคนรุ่น Gen Z อย่างแท้จริง อิสระ มีชีวิตชีวา ซื่อสัตย์กับความฝันของตัวเอง เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานในแบบบริสุทธิ์ของวัยรุ่นไม่มีร่องรอยของความเยาะเย้ย ความโหดร้าย หรือความเศร้าในโลกใบนี้ มีเพียงพลังงานสดใหม่ ความจริงใจ และไฟแห่งวัยเยาว์ที่พร้อมจะพา CORTIS ก้าวสู่บทต่อไปของวงการ K-pop


ที่มา : https://www.koreatimes.co.kr/entertainment/k-pop/20251011/rookie-group-cortis-shows-off-teen-swagger-on-debut-ep
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่