เปลี่ยนไมโครสวิทช์ให้เมาส์เก่าๆ ให้คุ้มค่าใช้งานได้อีกยาวๆ ครับ

เมื่อกลางปีที่แล้วผมเคยตั้งกระทู้ปรึกษาเกี่ยวกับการซื้อไมโครสวิทช์เนื่องจากร้านค้าออนไลน์ไม่ระบุขนาดของไมโครสวิทช์จึงไม่กล้าซื้อมาเปลี่ยน  คือกระทู้นี้ https://pantip.com/topic/42702131 หลังจากหาข้อมูลมานาน 1 ปี ระหว่างนี้ก็ใช้เมาส์ตัวอื่นไปก่อนผมก็ตัดสินใจซื้อไมโครสวิทช์ยี่ห้อ Omron ปุ่มกดสีฟ้าที่เขาเคลมว่าใช้งานได้ 50 ล้านคลิก  เนื่องจากไม่ได้รีบใช้ผมจึงสั่งซื้อจากร้านในประเทศจีนโดยสั่งไปทั้งหมด 6 ตัว พร้อมอะไหล่อื่นๆ เพื่อให้ครบยอด 300 บาทจะได้ส่วนลดและส่งฟรี  ในส่วนของไมโครสวิทช์เมื่อหักค่าส่วนลดต่างๆ แล้วเหลือตัวละ 22 บาท เมื่อวานของมาถึงผมจัดการเปลี่ยนให้เมาส์ Dell ทันทีโดยเปลี่ยนทั้งตัวคลิกซ้ายและคลิกขวาตัวกลางยังใช้ได้ดีอยู่ไม่ต้องเปลี่ยน  เมื่อเปลี่ยนเสร็จทดสอบใช้งานพบว่าใช้ดีมากเหมือนได้เมาส์ใหม่วันนี้ก็เลยมาซ่อมตัวอื่นมีทั้งตัวที่เสียแล้วและตัวที่ยังใช้ได้แต่อาการเริ่มไม่ค่อยดี



2 ตัวนี้ตัวสีดำด้านซ้ายมือเป็นของไม่มียี่ห้อราคาถูกที่สุดที่ผมเคยซื้อคือตัวละ 50 บาท ตัวสีขาวด้านขวาเป็นเมาส์ไร้สายยี่ห้อ OKER ใช้งานมานาน 5 ปีแล้ว  ตัวราคาถูกสีดำผมตั้งใจซื้อมาใช้กับกล่องแอนดรอยด์แต่งบร้อยเดียวได้ 2 ตัวก็เลยนำอีกตัวมาใช้กับคอมพิวเตอร์พบว่ามันพังเร็วมากใช้งานแค่ครึ่งปีก็เกิดอาการดับเบิ้ลคลิกแล้ว  ปกติเมื่อเกิดอาการดับเบิ้ลคลิกถ้าเป็นของยี่ห้อทั่วไปผมจะสลับไมโครสวิทช์ตัวซ้ายกับตัวขวาก็ใช้งานต่อได้แต่ตัวนี้คุณภาพห่วยเกินไปหากสลับก็จะใช้งานได้ครึ่งปีก็จะเกิดอาการอีกจึงเก็บไว้รอเปลี่ยนไมโครสวิทช์ตัวใหม่จะใช้งานได้ยาวนานกว่า



ในเรื่องของขนาดไมโครสวิช์ของเมาส์จะนิยมใช้อยู่ 2 ขนาด คือ แบบตัวยาว 3 ขา จะมีขนาดกว้าง 5.5 มิล ยาว 8 มิล สูง 6 มิล และแบบตัวสั้น 2 ขา มีขนาดกว้าง ยาว สูง ด้านละ 6 มิล แม้จะมีขนาดต่างกันแต่เมาส์หลายรุ่นสามาถใช้แบบ 2 ขา 3 ขา ร่วมกันได้ เช่น เมาส์ OKER เดิมจากโรงงานใช้แบบ 2 ขาแต่ผมก็ซื้อแบบ 3 ขา Omron สีฟ้ามาใส่ได้เพราะแผ่นปริ๊นเขาออกแบบให้ใช้แบบ 3 ขามาแต่แรก  เนื่องจากเราใช้งานเมาส์จะคลิกซ้ายมากกว่าคลิกขวาไมโครสวิทช์ตัวที่เสียเร็วที่สุดก็คือตัวซ้าย ตัวขวาไม่ค่อยได้คลิกจะใช้งานได้นานกว่าส่วนตัวกลางแทบไม่ได้คลิกเลยจึงมีอายุการใช้งานยาวนานที่สุด  เมื่อเรารู้ว่าตัวซ้ายเสียบ่อยที่สุดเราก็เปลี่ยนอย่างดีเฉพาะตัวซ้ายตัวขวาใช้อะไหล่ทั่วไปหรือของเดิมโรงงานได้ทำแบบนี้จะประหยัดเงินที่สุดครับ



ภาพสุดท้ายเป็นเมาส์ที่ผมมีตอนนี้ 3 ตัวด้านซ้ายมือเป็นเมาส์ไร้สาย ตัวแรกแถมมากับโน๊ตบุคกินแบตที่สุดถ่าน EVOTA ใช้ได้ประมาณ 1 เดือนไม่มีสวทช์ปิดเปิด ไม่มีโหมดสลีปจึงตอบสนองได้รวดเร็วเหมือนเมาส์มีสายเนื่องจากมันกินถ่านผมจึงไม่ได้ใช้งานจะเก็บไว้สำรอง  ตัวที่ 2 จากซ้ายเป็นยี่ห้อ RAPOO ซื้อมาพร้อมคีย์บอร์ด ตัวนี้มีโหมดสลีปจึงประหยัดถ่านกว่าตัวแรกถ่าน EVOTA จะใช้งานได้ 6 เดือน ถ้ามันกำลังสลีปจะทำให้การตอบสนองก็จะช้ากว่าเมาส์ตัวแรก  ตัวที่ 3 เป็นเมาส์ไร้สายยี่ห้อ OKER ตัวนี้ประหยัดถ่านที่สุดเพราะโหมดสลีปของมันหลับลึกที่สุดเมื่อมันสลีปต้องปลุกด้วยการคลิกลากเมาส์ไปมาปลุกไม่ได้ การที่มีโหมดประหยัดพลังงานหลับลึกจึงทำให้ถ่าน EVOTA ใช้งานได้นานเกือบปี  ตัวที่ 4 เป็นเมาส์สายราคา 50 บาท ตัวนี้แนะนำว่าอย่าซื้อมาใช้  ตัวที่ 5 เป็นเมาส์สายยี่ห้อ Dell ตัวนี้ผมไม่ได้ซื้อเองแต่ฝากน้องไปซื้อให้เงินไป 500 บาท แล้วมันไปซื้อเมาส์มือสองมาราคา 400 กว่าบาท ตอนนั้นผมด่ามันแต่เวลาผ่านไป 10 กว่าปีจึงรู้ว่าของมือสองราคาแพงใช้งานทนทานวัสดุดีมากใช้งานมาพร้อมกับยี่ห้อยอดฮิตในบ้านเรา 2 ยี่ห้อ 2 ตัว ตัวพังไปหมดแล้วแต่ตัวนี้สภาพยังดีอยู่  ถ้าผมเจอรุ่นนี้วางขายก็จะซื้อมาใช้อีก

สุดท้ายมาเรื่องของถ่านไฟฉาย เดิม เมาส์และคีย์บอร์ดไร้สายผมจะใช้ถ่านอัลคาไลน์ ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นแบตเตอรี่ลิเธี่ยม 1.5 โวลต์เกือบหมดแล้ว ตอนนี้ยังมีถ่านอัลคาไลน์ พานาโซนิค EVOTA อยู่ 2 ก้อนหากใช้งานจนหมดไฟก็จะเลิกใช้ถ่านอัลคาไลน์ไปใช้แบตเตอรี่ลิเธี่ยม 1.5 โวลต์ทั้งหมด แบตเตอรี่ลิเธี่ยม 1.5 โวลต์ที่ผมใช้ชาร์จครั้งเดียวใช้งานได้นานพอๆ กับพานาโซนิค EVOTA เลยครับ มีข้อเสียอย่างเดียวคือเมื่อตอนหมดไฟใช้อยู่ดีๆ มันจะตัดการทำงานไปเลยไม่มีอาการไฟอ่อนให้เรารู้สึกเหมือนตอนใช้ถ่านไฟฉาย  เรื่องนี้สำหรับผมแล้วมีหลายก้อนหลายเซลก้อนนี้หมดก็แค่เปลี่ยนก้อนใหม่แล้วเอาก้อนเดิมไปชาร์จใช้งานได้ต่อไปปัญหานี้จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับผมครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่