ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการดำเนินการปรับสินทรัพย์ภายในกลุ่มด้วยการให้ “บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด” หรือ PTT Tank เป็นบริษัทเรือธงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทำการเข้าซื้อทรัพย์สินและให้เช่ากลับ จาก “บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)” หรือ PTTGC และ “บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)” หรือ TOP ในช่วงไตรมาส 3/2568 ที่ผ่านมา
@ ต้นทุนการเงินต่ำลง
ซึ่งนับเป็น กลยุทธ์ Asset Monetization กับบริษัทภายในกลุ่ม จะส่งผลดีทำให้กลุ่มทั้ง PTT และบริษัทในเครือมีความแข็งแกร่ง โดย PTTGC และ TOP ได้ประโยชน์จากกระแสเงินสดที่เพิ่มขึ้น หนี้สินลดลง และได้กำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ ทำให้หนี้สินต่อทุนต่ำลง สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมถึงนักลงทุน
ที่สำคัญยังจะทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง เนื่องจาก PTT มีความแข็งแกร่งค่อนข้างมากและมีเรตติ้งที่สูง ดังนั้นการที่เข้าซื้อสินทรัพย์ของ TOP และ PTTGC จะทำให้ต้นทุนการเงินหรือดอกเบี้ยลดลงตามด้วย ซึ่งจะส่งผลดีต่อกลุ่มโดยรวม
“เราจะมีประโยชน์ด้านต้นทุนทางการเงิน เพราะการที่บริษัทหลักคือ PTT มีความแข็งแกร่ง ทำให้ได้เปรียบด้าน ภาระต้นทุนทางการเงินที่ลดลง ขณะที่บริษัทในเครือก็จะมีความแข็งแกร่งมากขึ้นตามจากการขายสินทรัพย์”
@ พันธมิตรชัดปีหน้า
ส่วนการหาพันธมิตรเข้ามาเพื่อที่จะเข้าร่วมลงทุนกลุ่มธุรกิจปลายน้ำ เช่น TOP และ PTTGC นั้น ย้ำว่าภาพจะชัดเจนขึ้นในปีหน้า โดยยืนยันว่าจะต้องเป็นพันธมิตรที่มีความสามารถเข้ามาช่วยผลักดันให้บริษัทแข็งแกร่งมากขึ้นและมีการเติบโตต่อไปได้
@ ปูทางอนาคต
ด้านฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุว่า การจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ภายใต้บริษัท PTT Tank เพื่อทำสัญญาเช่าและซื้อสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานกับ TOP และ PTTGC ประเมินว่ากำไรสุทธิที่จะเพิ่มขึ้นจากการทำธุรกรรมดังกล่าวไม่ถึง 1% ของกำไรสุทธิในปี 2569 ของ PTT
อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์หลักคือการสนับสนุนแผน Asset Monetization ของ TOP และ PTTGC อีกทั้ง PTT มีแผนจะทำให้สินทรัพย์ของบริษัทย่อยใหม่นี้ เกิดประโยชน์สูงสุดในภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นการขาย หรือหาพันธมิตรใหม่ เพื่อทำให้ PTT มีเงินทุนเพิ่มขึ้นสำหรับการลงทุนในโครงการอื่น
ส่วนแผน Asset Monetization ของบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบสถานะ (Due Diligence) และบริษัทไม่แน่ใจว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ เพราะโครงสร้างสินทรัพย์มีความซับซ้อน
@ ปรับเป้าสู่ 37.50 บาท
ทั้งในการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลดีทำให้ PTTGC ยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน ยกเว้นว่าอุตสาหกรรมปิโตรเคมีอยู่ในระยะตกต่ำนานกว่าที่คาดการณ์ ส่วน TOP ต้องติดตามโครงการพลังงานสะอาด (CFP) หรือหน่วย RHCU (Residue Hydrocracking Unit) ว่าจะเปิดดำเนินงานอย่างราบรื่นภายในปี 2571 หรือไม่
โดยรวมฝ่ายวิเคราะห์ปรับราคาเป้าหมาย PTT ขึ้นเล็กน้อยเป็น 37.50 บาท จาก 36.50 บาท สะท้อนการประเมินมูลค่าที่สูงขึ้นของบริษัทย่อย แนะนำซื้อ PTT เนื่องจากต้นทุน Pool Gas ที่ลดลงน่าจะช่วยหนุน EBITDA ของกลุ่มธุรกิจก๊าซ นอกจากนี้คาดว่าบริษัทจะยังคงจ่ายเงินปันผล 2 บาทต่อหุ้นต่อปี ระหว่างปี 2568-2570
มองลึกฉบับซีอีโอ PTT ต้นทุนลด-แกร่งยกกลุ่ม