== Wakefield (2016) ..ชายผู้ขังตัวเอง..ในห้องใต้หลังคา.. ==



ฮาเวิร์ด เวกฟิลด์ (ไบรอัน แครนสตัน) ทนายความในนครนิวยอร์คที่มีทุกอย่างในชีวิตดีงามไปหมด
การงานที่ดี ภรรยาที่สวยอย่างไดอาน่า ภัณฑารักษ์ศิลปะ (เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์) และลูกๆ ที่น่ารัก



คืนหนึ่ง ฮาวเวิร์ดกลับบ้านดึก เขาเจอกับแรคคูนที่ชอบบุกเข้ามาในบ้านเขาเป็นประจำ
มันหนีเขาไปยังโรงรถซึ่งแยกตัวออกจากตัวบ้าน เขาไล่แรคคูนไปจนกระทั่งพบว่ามีห้องใต้หลังคาอยู่ในโรงรถของเขา
ซึ่งที่นั่นมีมุมมองที่เขาสามารถมองเห็นภายในบ้านที่เขาอยู่อาศัยได้อย่างชัดเจน
ซึ่งภรรยาและลูกสาวสองคนของเขา เทย์เลอร์และจิเซลล์กำลังรับประทานอาหารเย็น
เขาเฝ้ามองทุกอย่างอยู่จนกระทั่งเผลอหลับไป..



เช้าวันต่อมา ฮาเวิร์ด ตื่นขึ้นและพบว่า ไดอาน่าโทรหาตำรวจเพื่อแจ้งความว่าเขาหายตัวไป
ฮาวเวิร์ดรู้สึกแย่เมื่อเห็นไดอาน่าร้องไห้ จึงคิดจะกลับเข้าไปในบ้าน
แต่จังหวะนั้นเอง แม่ยายจอมเอาแต่ใจของเขาก็โผล่เข้ามาปลอบเธอ



ฮาร์เวิร์ดรอดูทีท่าต่อไปอีกสักระยะ ก่อนที่เขาจะเริ่มไม่พอใจ..
เมื่อเห็นว่า ภรรยาของเขายังคงทำกิจวัตรประจำวันต่อไปตามเดิมหลังจากที่เขาหายตัวไป
เหมือนไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเกิดขึ้น ฮาร์เวิร์ดผิดหวังและเสียใจที่เหมือนกับว่าตัวเขาไม่มีค่าอะไรเลยสักนิด....
เขาตัดสินใจประชดเมีย ว่าจะไม่ออกจากห้องนี้ล่ะ จะเฝ้ามองคนในบ้านไปเรื่อยๆ พวกเขาจะได้สำนึกว่าถ้าไม่มีเขาแล้วจะเป็นยังไง



แรกๆ ชีวิตห้องใต้หลังคาของฮาเวิร์ดเป็นอะไรที่สนุกมาก
เขาเหมือนกลับไปเป็นเด็กชายอีกครั้ง ได้อ่านหนังสือที่เคยซื้อมานานแล้วไม่ได้อ่านสักที
ได้เล่นเกมเก่าๆที่แสนคิดถึง ชีวิตที่ไม่ต้องไปทำงาน ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆอีกมันสบายอย่างนี้นี่เอง
และเมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป ..เขาก็เริ่มคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง
ชายหนุ่มตัดสินใจแน่วแน่ว่าเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในห้องใต้หลังคาบนโรงรถแห่งนี้ ไม่ไปไหนอีก...



Wakefield เป็นภาพยนตร์ดราม่าอเมริกันปี 2016 เขียนบทและกำกับโดย Robin Swicord
สร้างจากเรื่องสั้นชื่อเดียวกันในปี 2008 ของ E. L. Doctorow ที่ตีพิมพ์ใน The New Yorker
ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องสั้นชื่อเดียวกันย้อนไปนู่นในปี 1835 ของ Nathaniel Hawthorne
เรื่องของชายผู้ตั้งใจปลีกตัวเองออกจากสังคมและทุกสิ่งทุกอย่าง



เคยเป็นกันมั้ยครับ ทุกวันที่เราใช้ชีวิต (อย่าเรียกว่าใช้เลย เรียกว่าอยู่ในกรอบชีวิตดีกว่า)
ต้องทำตามทุกอย่างที่ถูกกำหนดไว้จะโดยใครตามแต่ที่มีบทบาทต่อตัวตนของเรา
แน่นอนล่ะว่าเราทำงานเป็นลูกน้องเขา จะไปทำอะไรได้มากกว่าการทำตามที่เขาสั่งใช่มะ ..



ค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่ากินค่าอยู่ค่าเทอม ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ต้องมีเงินเป็นตัวขับเคลื่อนทั้งสิ้น
ถึงแม้ว่าตำแหน่งงานจะสูงขึ้น มีชีวิตที่ดูดีในสายตาคนรอบข้าง แต่แน่นอนว่าทุกอย่างย่อมต้องมีราคาของมัน..
ภาษีสังคมย่อมสูงตามไปด้วย การรักษาภาพลักษณ์ในสังคมของตัวเองและครอบครัวเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้



ไหนจะชีวิตครอบครัวอีก ความรับผิดชอบต่างๆมันก็ต้องมีเป็นของธรรมดา
และชีวิตคู่มันก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป.. มันต้องมีวันที่เบื่อกันบ้าง เข้าใจกันน้อยลง มันคือเรื่องปกติของทุกบ้าน
หากแต่ตัวของเวกฟิลด์ เขาดันเลือกหาทางออกที่แสนแปลก ด้วยการขังตัวเองในห้องไม่ให้ใครพบเห็นอีก...



ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอถึงความทุกข์ใจของชายวัยกลางคนที่เหมือนจะมีทุกอย่างพร้อมสรรพ
แต่ในใจของเขากลับไม่เคยมีความสุข เขาไม่สามารถปล่อยวางจากความทุกข์ใจในสิ่งที่ยังไม่เกิด
เวกฟิลด์คิดเองเออเองหลายต่อหลายอย่างจนนำไปสู่การหนีตัวตน
โดยคิดแต่เพียงสั้นๆว่า ทำไปแล้วทุกอย่างมันจะดีกว่าที่เป็น..



เป็นการสะท้อนถึงปัญหาสังคมในปัจจุบันได้อย่างแยบคาย เราทุกคนมีความกดดันกันทั้งนั้น
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นการเผชิญหน้ากับปัญหาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
และมันเป็นการแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญในตัวของเรา ไม่ว่ายังไงเราจะไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่างๆที่เข้ามา ..
การเลือกที่จะอยู่ในเซฟโซนของตัวเองมันไม่ได้ช่วยอะไร..
ขอให้คิดซะว่าปัญหาที่มีเข้ามา ถ้าเราแก้ได้มันจะทำให้เราแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น..
และเมื่อถึงเวลานั้นเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหนีจากอะไรอีกเลย


เพราะหนังมันฝังใจ

=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่