วันที่
18 พ.ค. 2568 เวลา 11.06 น.
ได้รับ SMS แจ้งว่ามีการชำระเงินผ่านบัตร
UOB เป็นเงิน
VND 49,850,000 (ประมาณ 66,077 บาท) ที่ร้านในเวียดนาม ทั้งที่
ไม่ได้รับ OTP หรือแจ้งเตือนใด ๆ ก่อนยอดถูกตัด
ตอนแรกคิดว่าเป็น SMS ปลอม จึงไม่ได้สนใจ 20 นาทีผ่านไป เอะใจ เลยลองเช็คแอป UOB ปรากฏว่ามียอดจริง!
เลยรีบโทรแจ้งธนาคารเพื่อ
ปฏิเสธการชำระและระงับบัตร ซึ่งทางธนาคารก็ยกเลิกบัตรและออกใบใหม่ให้
ต่อมา
21 พ.ค. 2568 ธนาคารโทรกลับมาบอกว่า
“
ไม่สามารถปฏิเสธยอดได้ เพราะตรวจสอบแล้วบัตรถูกใช้จริง” โดยอ้างว่าเป็นการรูดซื้อของที่ร้านค้า ไม่ใช่ธุรกรรมออนไลน์
ดิฉันยืนยันว่า
ไม่ได้ใช้บัตรแน่นอน เพราะอยู่กรุงเทพฯ และบัตรอยู่กับตัวตลอดเวลา
ด้วยความไม่แน่ใจจึงติดต่อกลับ CC เพื่อปฏิเสธอีกรอบและขอแนวทางดำเนินการต่อจากนี้ ซึ่ง พนง.ให้ข้อมูลไม่ตรงกันสักรอบ ดูมีปัญหาการประสานงานภายในเป็นอย่างมาก
ในวันเดียวกัน ได้เดินทางไปลงบันทึกประจำกันที่สถานีตำรวจ
และนำหลักฐานทั้งหมดไปยื่นที่สำนักงานใหญ่ UOB โดยพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ 2 คน
ระหว่างพูดคุย พนง. พยายามโยนความผิดให้ลูกค้าตลอดเวลา พร้อมอ้างว่าระบบป้องกันธนาคารดี ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อน
ซึ่งบทสนทนาจะเป็นทำนองว่า
"เจ้าหน้าที่ยืนยันเช่นเดิมว่าการใช้งานลักษณะดังกล่าว อนุมานได้ว่าเป็นเจ้าของบัตร เนื่องจากการหลอกลวงส่วนใหญ่จะใช้งานผ่านออนไลน์ ซึ่งดิฉันแย้งว่าบัตรถูกใช้ที่เวียดนาม ซึ่งขณะนั้นดิฉันอยู่ที่กรุงเทพฯ และบัตรอยู่กับตัวเองตลอดเวลา พร้อมโชว์บัตรเครดิตดังกล่าว หนังสือเดินทาง และวิดิโอขณะอยู่ที่พักแต่เจ้าหน้าที่กลับสงสัยว่าอาจให้เพื่อนที่อยู่เวียดนามใช้แทน ไปอีกกกก และยังให้ดิฉันพิสูจน์ว่าขณะนั้นบัตรอยู่กับตัวเองตลอดเวลาจริงหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่เองก็ไม่รู้ว่าต้องพิสูจน์ยังไง ดิฉันจึงพยายามแย้งว่าการใช้บัตรทุกครั้งต้องมีลายเซ็น ถ้ายืนยันจะเรียกเก็บเงินให้ส่งหลักฐานมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตอบว่าการใช้งานบัตรบางครั้งไม่มีลายเซ็นก็ได้ ดิฉันจึงแย้งไปอีกว่า ยอดการใช้ดังกล่าวค่อนข้างเยอะและใช้งานที่ต่างประเทศ แต่ธนาคารไม่มีการโทรฯแจ้งลูกค้าหรือส่ง OTP มายังเบอร์มือถือก่อนจะรับการชำระด้วยซ้ำ ซึ่งถือว่า เป็นความผิดพลาดของระบบการดูแลความปลอดภัยของของธนาคารเอง แต่พยายามจะโยนความผิดให้ผู้เสียหาย และตามที่ จนท.แจ้งว่าบัตรถูกใช้ที่ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติที่คนทั่วไปจะใช้จ่ายด้วยยอดเยอะขนาดนั้น เจ้าหน้าที่พยายามแย้งด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ สุดท้ายรู้สึกผิดหวังกับการแก้ปัญหาของ จนท.เป็นอย่างมาก ดิฉันจึงแจ้งว่าต้องการจะปิดการใช้งานบัตรทั้งหมด เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัยและไม่ไว้ใจการบริการของธนาคารอีกต่อไป ทางเจ้าหน้าที่ถึงได้ยอมแจ้งว่าจะดำเนินการตรวจสอบให้"
โดยธนาคารตั้งข้อสังเกต 2 ทาง คือ
- อาจมีคนรู้จักนำบัตรไปใช้ (ยังจะให้ผู้เสียหายผิดให้ได้ ไปอีกกก)
- บัตรถูกแฮ็กจริง
และขอเวลา
ตรวจสอบ 90-120 วัน โดยพักยอดไว้ไม่คิดดอกเบี้ย
ต่อมา ด้วยกังวลว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม ดิฉันจึงร้องเรียนไปที่
ธปท. และส่งหลักฐานทั้งหมดให้
(ใบแจ้งความ, พาสปอร์ต, วิดีโอ, SMS)
จากนั้นไม่นาน ฝ่าย Fraud Scam ของ UOB จึงติดต่อกลับมารับเรื่องและแจ้งว่าจะใช้เวลาสอบสวน
90-120 วัน
ระหว่างนั้นดิฉันได้ติดตามเรื่อย ๆ แต่ได้คำตอบเดิมตลอดว่า “อยู่ระหว่างดำเนินการ” ซึ่งทุกครั้งดิฉันจะแจ้งให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องติดต่อกลับมาอัพเดตทุกรอบแต่ ธ.ไม่เคยติดต่อกลับมาเลย
จนกระทั่ง
29 ก.ย. 2568 ครบกำหนด 120 วัน
ดิฉันจึงได้ติดต่อ CC ไปและธนาคารแจ้งว่าบัตรถูกแฮกจากมิจฉาชีพจริง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดในอนาคต ดิฉันจึงขอให้ ธ.ส่งสรุปผลเป็นลายลักษณ์อักษรทางอีเมลอีกครั้ง และขอปิดการใช้งานบัตรถาวร แต่จนท.กลับบอกว่า “ทำให้ไม่ได้” และขอขยายเวลาสอบสวนอีก 90 วัน What??
ขอเหตุผลก็ไม่ยอมบอก ปล่อยเบลอ แบบงงๆ
ในความรู้สึกตอนนั้นเรื่มไม่ไว้ใจ และกลัว ธ.ตุกติกเป็นอย่างมาก อีกทั้งกังวลว่าเรื่องจะยืดเยื้อไม่จบไม่สิ้น และไม่รู้จะขอขยายเวลาสอบสวนไปถึงเมื่อไร เลวร้ายกว่านั้น หากธนาคารเรียกเงินคืนจากร้านค้าที่รับชำระบัตรไม่ได้ จะทำเนียนเรียกเก็บเงินจากดิฉันหรือไม่ ในวันที่
6 ต.ค. 2568 ดิฉันจึงร้องเรียน ธปท. อีกครั้ง โดยขอให้ธนาคารส่งผลสรุปทางอีเมลและขอปิดบัตรถาวร
ตอนนี้ผ่านมา
5 เดือนแล้ว ที่ต้องวุ่นวายกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง!
เสียทั้งเวลา เสียทั้งสุขภาพจิต ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเองแม้แต่น้อย
ด้วยความที่กลัวว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม จึงยื่นขอความช่วยเหลือจาก
สภาองค์กรของผู้บริโภค ไปอีก(รอติดต่อกลับ)
และวันนี้ธนาคารติดต่อกลับมา พร้อมข้อเสนอสุดจะบรรยาย โดยให้ดิฉันจ่ายหนี้ที่ไม่ได้ก่อ 50% จากยอดเต็ม แน่นอนดิฉันปฏิเสธไป
Updated!! 11/10/2025 ธ.ได้ส่งอีเมลพร้อมหนังสือชี้แจง เรื่อง การปฏิเสธยอดเพราะโดนแฮกบัตรเครดิตเรียบร้อย และจะคืนเงินทั้งหมดภายใน 1-2 รอบบิลขอบพระคุณ ธปท. ที่ช่วยเหลือค่ะ
เตือนภัย!! ธ.UOB บัตรเครดิตโดนแฮก หนีไปปปปป ก่อนจะโดนแบบดิฉัน
ได้รับ SMS แจ้งว่ามีการชำระเงินผ่านบัตร UOB เป็นเงิน VND 49,850,000 (ประมาณ 66,077 บาท) ที่ร้านในเวียดนาม ทั้งที่ ไม่ได้รับ OTP หรือแจ้งเตือนใด ๆ ก่อนยอดถูกตัด
ตอนแรกคิดว่าเป็น SMS ปลอม จึงไม่ได้สนใจ 20 นาทีผ่านไป เอะใจ เลยลองเช็คแอป UOB ปรากฏว่ามียอดจริง!
เลยรีบโทรแจ้งธนาคารเพื่อ ปฏิเสธการชำระและระงับบัตร ซึ่งทางธนาคารก็ยกเลิกบัตรและออกใบใหม่ให้
ต่อมา 21 พ.ค. 2568 ธนาคารโทรกลับมาบอกว่า
“ไม่สามารถปฏิเสธยอดได้ เพราะตรวจสอบแล้วบัตรถูกใช้จริง” โดยอ้างว่าเป็นการรูดซื้อของที่ร้านค้า ไม่ใช่ธุรกรรมออนไลน์
ดิฉันยืนยันว่า ไม่ได้ใช้บัตรแน่นอน เพราะอยู่กรุงเทพฯ และบัตรอยู่กับตัวตลอดเวลา
ด้วยความไม่แน่ใจจึงติดต่อกลับ CC เพื่อปฏิเสธอีกรอบและขอแนวทางดำเนินการต่อจากนี้ ซึ่ง พนง.ให้ข้อมูลไม่ตรงกันสักรอบ ดูมีปัญหาการประสานงานภายในเป็นอย่างมาก
ในวันเดียวกัน ได้เดินทางไปลงบันทึกประจำกันที่สถานีตำรวจ
และนำหลักฐานทั้งหมดไปยื่นที่สำนักงานใหญ่ UOB โดยพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ 2 คน
ระหว่างพูดคุย พนง. พยายามโยนความผิดให้ลูกค้าตลอดเวลา พร้อมอ้างว่าระบบป้องกันธนาคารดี ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อน
ซึ่งบทสนทนาจะเป็นทำนองว่า
"เจ้าหน้าที่ยืนยันเช่นเดิมว่าการใช้งานลักษณะดังกล่าว อนุมานได้ว่าเป็นเจ้าของบัตร เนื่องจากการหลอกลวงส่วนใหญ่จะใช้งานผ่านออนไลน์ ซึ่งดิฉันแย้งว่าบัตรถูกใช้ที่เวียดนาม ซึ่งขณะนั้นดิฉันอยู่ที่กรุงเทพฯ และบัตรอยู่กับตัวเองตลอดเวลา พร้อมโชว์บัตรเครดิตดังกล่าว หนังสือเดินทาง และวิดิโอขณะอยู่ที่พักแต่เจ้าหน้าที่กลับสงสัยว่าอาจให้เพื่อนที่อยู่เวียดนามใช้แทน ไปอีกกกก และยังให้ดิฉันพิสูจน์ว่าขณะนั้นบัตรอยู่กับตัวเองตลอดเวลาจริงหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่เองก็ไม่รู้ว่าต้องพิสูจน์ยังไง ดิฉันจึงพยายามแย้งว่าการใช้บัตรทุกครั้งต้องมีลายเซ็น ถ้ายืนยันจะเรียกเก็บเงินให้ส่งหลักฐานมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตอบว่าการใช้งานบัตรบางครั้งไม่มีลายเซ็นก็ได้ ดิฉันจึงแย้งไปอีกว่า ยอดการใช้ดังกล่าวค่อนข้างเยอะและใช้งานที่ต่างประเทศ แต่ธนาคารไม่มีการโทรฯแจ้งลูกค้าหรือส่ง OTP มายังเบอร์มือถือก่อนจะรับการชำระด้วยซ้ำ ซึ่งถือว่า เป็นความผิดพลาดของระบบการดูแลความปลอดภัยของของธนาคารเอง แต่พยายามจะโยนความผิดให้ผู้เสียหาย และตามที่ จนท.แจ้งว่าบัตรถูกใช้ที่ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติที่คนทั่วไปจะใช้จ่ายด้วยยอดเยอะขนาดนั้น เจ้าหน้าที่พยายามแย้งด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ สุดท้ายรู้สึกผิดหวังกับการแก้ปัญหาของ จนท.เป็นอย่างมาก ดิฉันจึงแจ้งว่าต้องการจะปิดการใช้งานบัตรทั้งหมด เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัยและไม่ไว้ใจการบริการของธนาคารอีกต่อไป ทางเจ้าหน้าที่ถึงได้ยอมแจ้งว่าจะดำเนินการตรวจสอบให้"
โดยธนาคารตั้งข้อสังเกต 2 ทาง คือ
- อาจมีคนรู้จักนำบัตรไปใช้ (ยังจะให้ผู้เสียหายผิดให้ได้ ไปอีกกก)
- บัตรถูกแฮ็กจริง
และขอเวลา ตรวจสอบ 90-120 วัน โดยพักยอดไว้ไม่คิดดอกเบี้ย
ต่อมา ด้วยกังวลว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม ดิฉันจึงร้องเรียนไปที่ ธปท. และส่งหลักฐานทั้งหมดให้
(ใบแจ้งความ, พาสปอร์ต, วิดีโอ, SMS)
จากนั้นไม่นาน ฝ่าย Fraud Scam ของ UOB จึงติดต่อกลับมารับเรื่องและแจ้งว่าจะใช้เวลาสอบสวน 90-120 วัน
ระหว่างนั้นดิฉันได้ติดตามเรื่อย ๆ แต่ได้คำตอบเดิมตลอดว่า “อยู่ระหว่างดำเนินการ” ซึ่งทุกครั้งดิฉันจะแจ้งให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องติดต่อกลับมาอัพเดตทุกรอบแต่ ธ.ไม่เคยติดต่อกลับมาเลย
จนกระทั่ง 29 ก.ย. 2568 ครบกำหนด 120 วัน
ดิฉันจึงได้ติดต่อ CC ไปและธนาคารแจ้งว่าบัตรถูกแฮกจากมิจฉาชีพจริง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดคิดในอนาคต ดิฉันจึงขอให้ ธ.ส่งสรุปผลเป็นลายลักษณ์อักษรทางอีเมลอีกครั้ง และขอปิดการใช้งานบัตรถาวร แต่จนท.กลับบอกว่า “ทำให้ไม่ได้” และขอขยายเวลาสอบสวนอีก 90 วัน What??
ขอเหตุผลก็ไม่ยอมบอก ปล่อยเบลอ แบบงงๆ
ในความรู้สึกตอนนั้นเรื่มไม่ไว้ใจ และกลัว ธ.ตุกติกเป็นอย่างมาก อีกทั้งกังวลว่าเรื่องจะยืดเยื้อไม่จบไม่สิ้น และไม่รู้จะขอขยายเวลาสอบสวนไปถึงเมื่อไร เลวร้ายกว่านั้น หากธนาคารเรียกเงินคืนจากร้านค้าที่รับชำระบัตรไม่ได้ จะทำเนียนเรียกเก็บเงินจากดิฉันหรือไม่ ในวันที่ 6 ต.ค. 2568 ดิฉันจึงร้องเรียน ธปท. อีกครั้ง โดยขอให้ธนาคารส่งผลสรุปทางอีเมลและขอปิดบัตรถาวร
ตอนนี้ผ่านมา 5 เดือนแล้ว ที่ต้องวุ่นวายกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง!
เสียทั้งเวลา เสียทั้งสุขภาพจิต ทั้งๆที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเองแม้แต่น้อย
ด้วยความที่กลัวว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม จึงยื่นขอความช่วยเหลือจาก สภาองค์กรของผู้บริโภค ไปอีก(รอติดต่อกลับ)
และวันนี้ธนาคารติดต่อกลับมา พร้อมข้อเสนอสุดจะบรรยาย โดยให้ดิฉันจ่ายหนี้ที่ไม่ได้ก่อ 50% จากยอดเต็ม แน่นอนดิฉันปฏิเสธไป
Updated!! 11/10/2025 ธ.ได้ส่งอีเมลพร้อมหนังสือชี้แจง เรื่อง การปฏิเสธยอดเพราะโดนแฮกบัตรเครดิตเรียบร้อย และจะคืนเงินทั้งหมดภายใน 1-2 รอบบิลขอบพระคุณ ธปท. ที่ช่วยเหลือค่ะ