เหตุเกิดจากการที่เรามีเพื่อนร่วมงานที่สนิท แต่แฟนเพื่อนเป็นคนแปลกประหลาด ทำตัวเป็นจุดสูญกลางความถูกต้อง เป็นกรมอนามัยเคลื่อนที่ และมีพฤติกรรมเอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน
1.ทำตัวเป็นจุดสูญกลางความถูกต้อง
เขามักจะชอบบอกคนนั้นคนนี้ว่าที่ทำอยู่มันผิด ต้องทำแบบนั้นแบบนี้ เรื่องเล็กๆก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ เช่น รถเขาไม่ได้ล้าง จอดอยู่ตรงสนามเข้าแถวสวดมตร์ตอนเช้า แล้วมีพนักงงานคนนึงใช้นิ้ววาดรูปเล็กๆตรงรถของเขาที่ไม่ได้ล้างซึ่งมันจะมีฝุ่นเกาะ ก็คือการเอานิ้วถูฝุ่นออกให้มันเป็นรูป แต่เล็กๆนิดเดียว แฟนเพื่อนกลับโมโหมาก และพูดต่อหน้าแถวว่าเฮ้ยทำไร และฟึดฟัดฮึดฮัดว่ารถจะเป็นรอย (บอกก่อนว่าเป็นรถของบริษัทที่ให้เขาไว้ได้ใช้ขับไปไหนมาไหน แต่เขาดันขับกลับบ้าน แล้วขับมาทำงานทุกวันจนคิดว่าเป็นรถตัวเอง หรือรถประจำตำแหน่งไปแล้ว)
2.เป็นกรมอนามัยเคลื่อนที่
เขาจะไม่ต้องการที่จะสกปรกเลยแม้แต่นิดเดียว บนรถเขา (รถบริษัทคันเดิม) ก็ห้ามใครกินอะไรบนรถเขาเลย ถ้ากินก็ต้องไปกินข้างนอก กับแฟนตัวเองที่เป็นเพื่อนเราก็ไม่ให้กิน บางทีให้ไปรับคนงาน คนงานทำงานหน้างานเหงื่อๆมาก็ให้นั่งหลังกระบะเลย ไม่ให้ขึ้นรถ (อันนี้พอเข้าใจได้ถ้าเลอะมาก) บางทีไปกินข้าวข้างนอกด้วยกัน โต๊ะก็ต้องอย่าฝุ่นเยอะ อย่าเป็นร้านอาหารข้างทางเพราะจะไม่กิน ฝุ่นลงอาหาร ตะเกียบก็ไม่ใช้ ต้องเป็นช้อนส้อมที่ต้องโคตรสะอาดเท่านั้น โต๊ะก็ต้องสะอาดมากๆๆๆๆถึงจะโอเค เคยกินหมูกระทะด้วยกัน ต้องแยกตะเกียบคีบหมูกับตะเกียบคีบอาหาร เพราะจะหูดับ (อันนี้พอเข้าใจได้) แต่ย่างหมูก็ต้องมีสเตปต้องย่างด้านนึงเวลาเท่านี้ๆๆ แล้วค่อยพลิกอีกด้าน เท่านี้ๆๆ ทุกอย่างต้องสุกพอดี จะกินอะไรก็เกร็ง จะเอาอะไรใส่ชามไหนก็ต้องถาม เลยไม่มีใครอยากจะไปกินข้าวรวมด้วย แต่ถ้าชวนเพื่อนสนิทเราไป เพื่อนสนิทเราก็จะชวนแฟนคนนี้ไปด้วยทุกครั้ง (ทำงานที่เดียวกัน) และเขาจะมีสเปรย์แอลกอล์ฮอร์ส่วนตัวขวดใหญ่ พกไปทุกที่ จะต้องคอยฉีดสเปรย์ตลอด อนามัยจ๋ามาก โต๊ะเขาก็จะแยกทางขวาเป็กองเอกสาร ใครเอาเอกสารอะไรมาให้ก็ต้องวางไว้ทางขวา ห้ามวางโซนอื่น เพราะเอกสารมาจากที่อื่น มีเชื้อโรค โซนอื่นจะปลอดเชื้อ
3.มีพฤติกรรมเอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน
เขามักจะออกไปข้างนอกในเวลางาน และทำเรื่องส่วนตัวโดยไม่เกรงใจคนอื่นที่ทำงานอยู่ที่นี่ เนื่องด้วยเขาเป็นเซลล์ เขามันจะอ้างว่าไปดูหน้างาน (ซึ่งบริษัทมีเวอร์เวย์ไปดูหน้างานอยู่แล้ว 2 ทีม) และพอกลับมาเขาก็จะหิ้วของกินเวลาพักเที่ยงกับมาเต็มมือ ซึ่งซื้อมาให้เพื่อนสนิทเรา ที่เป็นแฟนเขาด้วยนั่นแหล่ะ และบางทีคนในออฟฟิศก็ฝากเขาซื้อของหากรู้ว่าเขาผ่านร้านไหน (เลยเป็นเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปเพราะทุกคนก็มีส่วนฝากเขาซื้อของด้วย แม้กระทั่งหัวหน้าของเราด้วย) เคยมีครั้งนึงเขาไปงานศฑเพื่อนเขา ครึ่งวัน ไปตั้งแต่เช้าก่อนเริ่มงาน กลับมาถึงบริษัทก็เที่ยงพอดี พักกินข้าว แล้วก็ทำงานต่อช่วงบ่าย แต่เขาไม่เขียนใบลา และแสกนนิ้วเข้างานเต็มวัน (เราทราบเพราะเราเป็นคนสรุปค่าแรง และได้เห็นเวลาแสกนนิ้วของเขา) หงุดหงิดอยู่ในใจแต่ก็พูดอะไรยาก และเรื่องที่แย่ที่สุดก็คือ เขามาทำงานสายแต่เปลี่ยนเวลาเครื่องแสกนนิ้วให้ตัวเองไม่สาย อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเพื่อนของเราก็รับรู้เรื่องนี้ และแสกนนิ้วเขางานไม่สายเวลาเดียวกัน
ทำให้เราไม่สนิทใจกับเพื่อนคนนี้เหมือนเดิม แต่ไม่ได้พูดออกไปตรงๆ เราเลือกวิธีระบายโดยการนินทาในไลน์ แต่เรื่องที่นินทาไม่มีเรื่องใส่สีตีไข่ คือเรื่องจริงที่พวกเขากระทำ และเพื่อนร่วมงานคนอื่นก็คิดเห็นเหมือนกัน เรานินทากันเท่านั้นเพื่อระบายความอึดอัด แล้วฉันกับทุกคนก็คุยเล่นและคุยงานกับเขา 2 คนเหมือนเดิม
แต่มีวันนึงที่เขามาทำงานสายและเปลี่ยนเวลาเครื่องแสกนนิ้วเหมือนเคย เราก็เลยพิมพ์หาคนอื่นในไลน์ว่าเปลี่ยนเวลาเครื่องแสกนนิ้วอีกแล้ว และพูดคุยแสดงความเห็นต่อกันปกติ แต่แฟนเพื่อนมาแอบดูไลน์ส่วนตัวของเราที่เราล็อคอินไว้ในคอมพิวเตอร์ที่ทำงาน และเห็นว่าเราพูดเรื่องที่รู้ว่าเขาเปลี่ยนเวลาเครื่องแสกนนิ้ว
หลังจากนั้นเขาก็นิ่งไป ไม่ไปข้างนอกเลย ทำงานอยู่แต่ออฟฟิศ มาเช้ามากๆ และนำสวดมนตร์+ออกกำลังกาย เข้าแถวตอนเช้า ทุกวัน ทั้งที่บางวันเป็นเวรคนอื่นนำ เขาก็มานำแทนเลย
ส่วนนึงเราก็คิดว่าเป็นเรื่องดีที่เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น กลับมาอยู่ในลู่ในทาง ไม่เอาเปรียบเพื่อนร่วมงานคนอื่น เพราะทุกคนมาทำงาน 8 ชม.เหมือนกัน ลาก็คือลา ขาดก็คือขาด สายก็คือสาย และเวลาเขาไปข้างนอกบ่อยๆวันๆนึงกลับมานั่งในออฟฟิศแค่ 1-2 ชม. เขาก็ไม่ได้ทำใบเสนอราคา ต้องให้แฟนที่เป็นเพื่อนสนิทเรานี่แหลาะทำให้ และพอเพื่อนเราเอาเลาไปทำงานให้เขา ก็ทำงานตัวเองไม่ทัน เราก็ต้องช่วยทำต่อบ้างเพราะเราต้องรับงานมาทำต่ออยู่แล้ว และบางอย่างมันเร่งต้องใช้ เราเลยตัดปัญหาทำให้เลย ทั้งที่จริงๆเราไม่ต้องทำก็ได้ กลายเป็นพาลเวลางานคนอื่นมาอีก
ตอนนี้ก็จบเรื่องนั้นไป เพราะเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว แต่เรื่องที่ตั้งกระทู้เพราะเราก็โกรธที่เขามาดูแชทส่วนตัวเรา แล้วเพื่อนสนิทเราก็ทำเป็นเฉย ตอนแรกเราก็คิดว่าเพื่อนเราคงไม่รู้ แต่เราก็ทักหา บอกตรงๆว่าเรื่องเป็นยังไง และบอกว่า แฟนเธอมาดูแชทส่วนตัวเรา แต่แฟนก็ไม่ให้ความยุติธรรมเท่าที่ควร เราไม่ได้อยากให้เขาเลิกกัน แต่อย่างน้อยก็น่าจะมีคำอธิบายอะไรบ้างว่า เราบอกไปแล้วว่ามันไม่ดี ไม่มีมารยาท ที่ไปดูของคนอื่น หรืออะไรบ้างเพื่อถนอมน้ำใจเพื่อนอย่างเรา แต่เพื่อนกลับเลือกเงียบไม่ตอบ เราถามว่ามีความเห็นว่ายังไง ในเมื่อตอนนี้เราบอกแล้วว่าแฟนเธอทำแบบนี้กับฉัน เพื่อนเรากลับบอกว่า เครียดอ่า ไม่รู้จะตอบว่าอะไร แต่พอวันต่อมาก็มาทำงาน และเล่นหัวเราะคิกคักกับแฟนปกติ เราเลยเลิกคบเพื่อนคนนี้เลย
เพื่อนๆมีความเห็นว่ายังไงกันบ้าง เรางี่เง่าเกินไปรึเปล่า
ไม่ชอบแฟนเพื่อน จนตอนนี้เลิกคบเพื่อนไปด้วย
1.ทำตัวเป็นจุดสูญกลางความถูกต้อง
เขามักจะชอบบอกคนนั้นคนนี้ว่าที่ทำอยู่มันผิด ต้องทำแบบนั้นแบบนี้ เรื่องเล็กๆก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ เช่น รถเขาไม่ได้ล้าง จอดอยู่ตรงสนามเข้าแถวสวดมตร์ตอนเช้า แล้วมีพนักงงานคนนึงใช้นิ้ววาดรูปเล็กๆตรงรถของเขาที่ไม่ได้ล้างซึ่งมันจะมีฝุ่นเกาะ ก็คือการเอานิ้วถูฝุ่นออกให้มันเป็นรูป แต่เล็กๆนิดเดียว แฟนเพื่อนกลับโมโหมาก และพูดต่อหน้าแถวว่าเฮ้ยทำไร และฟึดฟัดฮึดฮัดว่ารถจะเป็นรอย (บอกก่อนว่าเป็นรถของบริษัทที่ให้เขาไว้ได้ใช้ขับไปไหนมาไหน แต่เขาดันขับกลับบ้าน แล้วขับมาทำงานทุกวันจนคิดว่าเป็นรถตัวเอง หรือรถประจำตำแหน่งไปแล้ว)
2.เป็นกรมอนามัยเคลื่อนที่
เขาจะไม่ต้องการที่จะสกปรกเลยแม้แต่นิดเดียว บนรถเขา (รถบริษัทคันเดิม) ก็ห้ามใครกินอะไรบนรถเขาเลย ถ้ากินก็ต้องไปกินข้างนอก กับแฟนตัวเองที่เป็นเพื่อนเราก็ไม่ให้กิน บางทีให้ไปรับคนงาน คนงานทำงานหน้างานเหงื่อๆมาก็ให้นั่งหลังกระบะเลย ไม่ให้ขึ้นรถ (อันนี้พอเข้าใจได้ถ้าเลอะมาก) บางทีไปกินข้าวข้างนอกด้วยกัน โต๊ะก็ต้องอย่าฝุ่นเยอะ อย่าเป็นร้านอาหารข้างทางเพราะจะไม่กิน ฝุ่นลงอาหาร ตะเกียบก็ไม่ใช้ ต้องเป็นช้อนส้อมที่ต้องโคตรสะอาดเท่านั้น โต๊ะก็ต้องสะอาดมากๆๆๆๆถึงจะโอเค เคยกินหมูกระทะด้วยกัน ต้องแยกตะเกียบคีบหมูกับตะเกียบคีบอาหาร เพราะจะหูดับ (อันนี้พอเข้าใจได้) แต่ย่างหมูก็ต้องมีสเตปต้องย่างด้านนึงเวลาเท่านี้ๆๆ แล้วค่อยพลิกอีกด้าน เท่านี้ๆๆ ทุกอย่างต้องสุกพอดี จะกินอะไรก็เกร็ง จะเอาอะไรใส่ชามไหนก็ต้องถาม เลยไม่มีใครอยากจะไปกินข้าวรวมด้วย แต่ถ้าชวนเพื่อนสนิทเราไป เพื่อนสนิทเราก็จะชวนแฟนคนนี้ไปด้วยทุกครั้ง (ทำงานที่เดียวกัน) และเขาจะมีสเปรย์แอลกอล์ฮอร์ส่วนตัวขวดใหญ่ พกไปทุกที่ จะต้องคอยฉีดสเปรย์ตลอด อนามัยจ๋ามาก โต๊ะเขาก็จะแยกทางขวาเป็กองเอกสาร ใครเอาเอกสารอะไรมาให้ก็ต้องวางไว้ทางขวา ห้ามวางโซนอื่น เพราะเอกสารมาจากที่อื่น มีเชื้อโรค โซนอื่นจะปลอดเชื้อ
3.มีพฤติกรรมเอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน
เขามักจะออกไปข้างนอกในเวลางาน และทำเรื่องส่วนตัวโดยไม่เกรงใจคนอื่นที่ทำงานอยู่ที่นี่ เนื่องด้วยเขาเป็นเซลล์ เขามันจะอ้างว่าไปดูหน้างาน (ซึ่งบริษัทมีเวอร์เวย์ไปดูหน้างานอยู่แล้ว 2 ทีม) และพอกลับมาเขาก็จะหิ้วของกินเวลาพักเที่ยงกับมาเต็มมือ ซึ่งซื้อมาให้เพื่อนสนิทเรา ที่เป็นแฟนเขาด้วยนั่นแหล่ะ และบางทีคนในออฟฟิศก็ฝากเขาซื้อของหากรู้ว่าเขาผ่านร้านไหน (เลยเป็นเรื่องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปเพราะทุกคนก็มีส่วนฝากเขาซื้อของด้วย แม้กระทั่งหัวหน้าของเราด้วย) เคยมีครั้งนึงเขาไปงานศฑเพื่อนเขา ครึ่งวัน ไปตั้งแต่เช้าก่อนเริ่มงาน กลับมาถึงบริษัทก็เที่ยงพอดี พักกินข้าว แล้วก็ทำงานต่อช่วงบ่าย แต่เขาไม่เขียนใบลา และแสกนนิ้วเข้างานเต็มวัน (เราทราบเพราะเราเป็นคนสรุปค่าแรง และได้เห็นเวลาแสกนนิ้วของเขา) หงุดหงิดอยู่ในใจแต่ก็พูดอะไรยาก และเรื่องที่แย่ที่สุดก็คือ เขามาทำงานสายแต่เปลี่ยนเวลาเครื่องแสกนนิ้วให้ตัวเองไม่สาย อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นก็คือเพื่อนของเราก็รับรู้เรื่องนี้ และแสกนนิ้วเขางานไม่สายเวลาเดียวกัน
ทำให้เราไม่สนิทใจกับเพื่อนคนนี้เหมือนเดิม แต่ไม่ได้พูดออกไปตรงๆ เราเลือกวิธีระบายโดยการนินทาในไลน์ แต่เรื่องที่นินทาไม่มีเรื่องใส่สีตีไข่ คือเรื่องจริงที่พวกเขากระทำ และเพื่อนร่วมงานคนอื่นก็คิดเห็นเหมือนกัน เรานินทากันเท่านั้นเพื่อระบายความอึดอัด แล้วฉันกับทุกคนก็คุยเล่นและคุยงานกับเขา 2 คนเหมือนเดิม
แต่มีวันนึงที่เขามาทำงานสายและเปลี่ยนเวลาเครื่องแสกนนิ้วเหมือนเคย เราก็เลยพิมพ์หาคนอื่นในไลน์ว่าเปลี่ยนเวลาเครื่องแสกนนิ้วอีกแล้ว และพูดคุยแสดงความเห็นต่อกันปกติ แต่แฟนเพื่อนมาแอบดูไลน์ส่วนตัวของเราที่เราล็อคอินไว้ในคอมพิวเตอร์ที่ทำงาน และเห็นว่าเราพูดเรื่องที่รู้ว่าเขาเปลี่ยนเวลาเครื่องแสกนนิ้ว
หลังจากนั้นเขาก็นิ่งไป ไม่ไปข้างนอกเลย ทำงานอยู่แต่ออฟฟิศ มาเช้ามากๆ และนำสวดมนตร์+ออกกำลังกาย เข้าแถวตอนเช้า ทุกวัน ทั้งที่บางวันเป็นเวรคนอื่นนำ เขาก็มานำแทนเลย
ส่วนนึงเราก็คิดว่าเป็นเรื่องดีที่เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น กลับมาอยู่ในลู่ในทาง ไม่เอาเปรียบเพื่อนร่วมงานคนอื่น เพราะทุกคนมาทำงาน 8 ชม.เหมือนกัน ลาก็คือลา ขาดก็คือขาด สายก็คือสาย และเวลาเขาไปข้างนอกบ่อยๆวันๆนึงกลับมานั่งในออฟฟิศแค่ 1-2 ชม. เขาก็ไม่ได้ทำใบเสนอราคา ต้องให้แฟนที่เป็นเพื่อนสนิทเรานี่แหลาะทำให้ และพอเพื่อนเราเอาเลาไปทำงานให้เขา ก็ทำงานตัวเองไม่ทัน เราก็ต้องช่วยทำต่อบ้างเพราะเราต้องรับงานมาทำต่ออยู่แล้ว และบางอย่างมันเร่งต้องใช้ เราเลยตัดปัญหาทำให้เลย ทั้งที่จริงๆเราไม่ต้องทำก็ได้ กลายเป็นพาลเวลางานคนอื่นมาอีก
ตอนนี้ก็จบเรื่องนั้นไป เพราะเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว แต่เรื่องที่ตั้งกระทู้เพราะเราก็โกรธที่เขามาดูแชทส่วนตัวเรา แล้วเพื่อนสนิทเราก็ทำเป็นเฉย ตอนแรกเราก็คิดว่าเพื่อนเราคงไม่รู้ แต่เราก็ทักหา บอกตรงๆว่าเรื่องเป็นยังไง และบอกว่า แฟนเธอมาดูแชทส่วนตัวเรา แต่แฟนก็ไม่ให้ความยุติธรรมเท่าที่ควร เราไม่ได้อยากให้เขาเลิกกัน แต่อย่างน้อยก็น่าจะมีคำอธิบายอะไรบ้างว่า เราบอกไปแล้วว่ามันไม่ดี ไม่มีมารยาท ที่ไปดูของคนอื่น หรืออะไรบ้างเพื่อถนอมน้ำใจเพื่อนอย่างเรา แต่เพื่อนกลับเลือกเงียบไม่ตอบ เราถามว่ามีความเห็นว่ายังไง ในเมื่อตอนนี้เราบอกแล้วว่าแฟนเธอทำแบบนี้กับฉัน เพื่อนเรากลับบอกว่า เครียดอ่า ไม่รู้จะตอบว่าอะไร แต่พอวันต่อมาก็มาทำงาน และเล่นหัวเราะคิกคักกับแฟนปกติ เราเลยเลิกคบเพื่อนคนนี้เลย
เพื่อนๆมีความเห็นว่ายังไงกันบ้าง เรางี่เง่าเกินไปรึเปล่า