ปัจจุบันศูนย์นี้กำลังตรวจสอบเรื่องร้องเรียนกว่า 600 กรณี โดยเป็นเรื่องพฤติกรรมไม่เหมาะสมพระสงฆ์ถึง 64% เรื่องความผิดทางอาญากว่า 10% ความผิดขั้นปาราชิก 5-6% และเรื่องที่ยังไม่มีมูลประมาณ 20% โดยมีพระสงฆ์ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมาย เป้าหมายทั้งหมด 181 รูป รวมถึงกรณีล่าสุด การสืบสวนหาข้อเท็จจริง พระอาจารย์คึกฤทธิ์ เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาวงการพระพุทธศาสนามีความซับซ้อนและต้องการแก้ไขอย่างจริงจังและเร่งด่วน
ศูนย์นี้จึงเป็นหน่วยเสริม เพื่อให้แก้ปัญหาทันสถานการณ์
โดยเฉพาะบางกรณีมีพระผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องทำให้เรื้อรัง
อีกทั้งที่สำคัญได้รับความเห็นชอบจากเลขาธิการสมเด็จพระสังฆราช มีมติให้จัดตั้งศูนย์เพื่อแยกแยะน้ำดีน้ำเสียในวงการสงฆ์และแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด
“ศูนย์พระฯ นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา ภายหลังมีการจับกุมและตรวจสอบหลายคดีเกี่ยวกับสงฆ์โดยมีเลขาธิการสมเด็จพระสังฆราช เป็นผู้สั่งให้ศูนย์นี้เป็นผู้รวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่มหาเถรสมาคมมีมติแก้ปัญหาเกี่ยวกับพระสงฆ์ แล้วรายงานต่อเลขาธิการสมเด็จพระสังฆราช ว่ามีเรื่องอะไรน่าสนใจ ผมก็จะไปปรึกษา” พล.ต.ต.จรูญเกียรติระบุ
รอง ผบช.ก.ยังกล่าวอีกว่า การจัดตั้งศูนย์เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปการดูแลพระพุทธศาสนาในมิติใหม่ เน้นความร่วมมือระหว่างตำรวจ พศ. และคณะสงฆ์ หากทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจัง ปัญหาที่เคยสะสมมายาวนานจะค่อยๆ คลี่คลายได้
ที่สำคัญการแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ต้องทำอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้กระทบต่อภาพลักษณ์พระพุทธศาสนา
“ผมอยากฝากถึงประชาชนว่า การดำเนินการพระสงฆ์ไม่ได้หมายความว่าเรากำลังทำลายศาสนา พระกว่า 99% น่าเคารพกราบไหว้ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ประพฤติผิด เรากำลังแยกแยะ เพื่อให้พระพุทธศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจคนไทย” บิ๊กเต่ากล่าว
จึงเป็นจุดเริ่มต้นการดูแลพระพุทธศาสนาในมิติใหม่ เป็นสัญลักษณ์ของความพยายามในการปกป้องศรัทธาประชาชน และสร้างความโปร่งใสในวงการพระสงฆ์ให้กลับคืนมา
แต่กฎหมายก็สู้กฎแห่งกรรมไม่ได้ เพราะกฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ
อ่านต่อ
https://www.matichon.co.th/weekly/column/article_862163
บิ๊กเต่า" เร่งสอบเส้นทางการเงิน "วัดนาป่าพง" เล็งฟันคดีวัดพระบาทน้ำพุ ล็อต 2
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาวงการพระพุทธศาสนามีความซับซ้อนและต้องการแก้ไขอย่างจริงจังและเร่งด่วน
ศูนย์นี้จึงเป็นหน่วยเสริม เพื่อให้แก้ปัญหาทันสถานการณ์
โดยเฉพาะบางกรณีมีพระผู้ใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องทำให้เรื้อรัง
อีกทั้งที่สำคัญได้รับความเห็นชอบจากเลขาธิการสมเด็จพระสังฆราช มีมติให้จัดตั้งศูนย์เพื่อแยกแยะน้ำดีน้ำเสียในวงการสงฆ์และแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด
“ศูนย์พระฯ นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหา ภายหลังมีการจับกุมและตรวจสอบหลายคดีเกี่ยวกับสงฆ์โดยมีเลขาธิการสมเด็จพระสังฆราช เป็นผู้สั่งให้ศูนย์นี้เป็นผู้รวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่มหาเถรสมาคมมีมติแก้ปัญหาเกี่ยวกับพระสงฆ์ แล้วรายงานต่อเลขาธิการสมเด็จพระสังฆราช ว่ามีเรื่องอะไรน่าสนใจ ผมก็จะไปปรึกษา” พล.ต.ต.จรูญเกียรติระบุ
รอง ผบช.ก.ยังกล่าวอีกว่า การจัดตั้งศูนย์เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปการดูแลพระพุทธศาสนาในมิติใหม่ เน้นความร่วมมือระหว่างตำรวจ พศ. และคณะสงฆ์ หากทุกฝ่ายร่วมมือกันอย่างจริงจัง ปัญหาที่เคยสะสมมายาวนานจะค่อยๆ คลี่คลายได้
ที่สำคัญการแก้ไขปัญหาพระสงฆ์ต้องทำอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้กระทบต่อภาพลักษณ์พระพุทธศาสนา
“ผมอยากฝากถึงประชาชนว่า การดำเนินการพระสงฆ์ไม่ได้หมายความว่าเรากำลังทำลายศาสนา พระกว่า 99% น่าเคารพกราบไหว้ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ประพฤติผิด เรากำลังแยกแยะ เพื่อให้พระพุทธศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจคนไทย” บิ๊กเต่ากล่าว
จึงเป็นจุดเริ่มต้นการดูแลพระพุทธศาสนาในมิติใหม่ เป็นสัญลักษณ์ของความพยายามในการปกป้องศรัทธาประชาชน และสร้างความโปร่งใสในวงการพระสงฆ์ให้กลับคืนมา
แต่กฎหมายก็สู้กฎแห่งกรรมไม่ได้ เพราะกฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ
อ่านต่อ
https://www.matichon.co.th/weekly/column/article_862163