ผมอายุ
19 ปี และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็น
ข้าราชการ แต่ความฝันของผมกลับถูก
กีดกัน โดยพ่อแม่ ซึ่งมาจากมุมมองที่ว่าอาชีพเหล่านี้
ไม่คู่ควร กับผม และเป็นทางที่
เสียเวลา ในการรอคอยกว่าจะได้เงินเลี้ยงชีพ ครอบครัวของผมมีฐานะที่ค่อนข้าง
ยากจน ทำให้พ่อแม่มุ่งเน้นไปที่การหารายได้ที่รวดเร็วทันใจ
ด้วยเหตุผลนี้ พ่อแม่จึงพยายาม
บังคับและผลักดัน ให้ผมไปทำงานในอาชีพที่พวกเขามองว่าทำเงินได้เร็ว เช่น การทำงานตาม
เธค ผับ บาร์ หรือเป็นแดนเซอร์ พวกเขาเห็นว่าช่องทางเหล่านี้ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการสอบแข่งขันเหมือนข้าราชการ
นอกจากความขัดแย้งเรื่องอาชีพแล้ว ตอนนี้ผมยังต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องการเกณฑ์ทหาร เมื่อถึงกำหนดที่ต้อง
ลงบัญชีทหารกองเกิน พ่อแม่กลับ
ไม่ยอมให้ผมไปดำเนินการ โดยขู่ว่าถ้าไปลง ผมจะโดนตัดออกจากครอบครัวและไม่ต้องกลับมาเหยียบที่บ้านอีก ทำให้สถานการณ์ยิ่งซับซ้อนขึ้น
สถานการณ์ความยากจนในวัยเรียน
ชีวิตวัยเรียนของผมสะท้อนถึงความยากลำบากทางการเงินของครอบครัวอย่างชัดเจน ผมใส่ได้เพียงแค่
ชุดนักเรียน ไปโรงเรียนเท่านั้น
ชุดลูกเสือ เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยมีโอกาสได้ใส่เลยเพราะ
ไม่มีเงินซื้อ ทางโรงเรียนเองก็เข้าใจสถานการณ์ของครอบครัว และ
ผ่อนปรน ให้ผม โดยอนุญาตให้ใส่แค่ชุดนักเรียนเท่านั้นได้ เนื่องจากเห็นว่าฐานะค่อนข้างยากจน
พ่อแม่ห้ามกีดกันไม่ให้ผมเป็นข้าราชการทุกประเภท พลเรือน ครู ทหาร ตำรวจ
ด้วยเหตุผลนี้ พ่อแม่จึงพยายาม บังคับและผลักดัน ให้ผมไปทำงานในอาชีพที่พวกเขามองว่าทำเงินได้เร็ว เช่น การทำงานตาม เธค ผับ บาร์ หรือเป็นแดนเซอร์ พวกเขาเห็นว่าช่องทางเหล่านี้ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการสอบแข่งขันเหมือนข้าราชการ
นอกจากความขัดแย้งเรื่องอาชีพแล้ว ตอนนี้ผมยังต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องการเกณฑ์ทหาร เมื่อถึงกำหนดที่ต้อง ลงบัญชีทหารกองเกิน พ่อแม่กลับ ไม่ยอมให้ผมไปดำเนินการ โดยขู่ว่าถ้าไปลง ผมจะโดนตัดออกจากครอบครัวและไม่ต้องกลับมาเหยียบที่บ้านอีก ทำให้สถานการณ์ยิ่งซับซ้อนขึ้น
สถานการณ์ความยากจนในวัยเรียน
ชีวิตวัยเรียนของผมสะท้อนถึงความยากลำบากทางการเงินของครอบครัวอย่างชัดเจน ผมใส่ได้เพียงแค่ ชุดนักเรียน ไปโรงเรียนเท่านั้น ชุดลูกเสือ เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยมีโอกาสได้ใส่เลยเพราะ ไม่มีเงินซื้อ ทางโรงเรียนเองก็เข้าใจสถานการณ์ของครอบครัว และ ผ่อนปรน ให้ผม โดยอนุญาตให้ใส่แค่ชุดนักเรียนเท่านั้นได้ เนื่องจากเห็นว่าฐานะค่อนข้างยากจน