เฉลยแล้ว! สถานที่ใดในโลก เกิดฟ้าผ่า "ถี่ที่สุด" อาจถึง 40 ครั้ง/นาที อยู่ห่างจากไทยแค่ไหน?


เฉลยแล้ว! สถานที่ใดในโลก เกิดฟ้าผ่า "ถี่ที่สุด" อยู่ห่างจากไทยแค่ไหน?

ฟ้าผ่าเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ทั้งน่าทึ่งและอันตราย แต่คุณรู้หรือไม่ว่า สถานที่ที่เกิดฟ้าผ่าถี่ที่สุดในโลก ไม่ได้อยู่ในทวีปเอเชีย และอยู่ห่างจากประเทศไทยไปหลายพันกิโลเมตร บทความนี้จะพาไปรู้จักกับจุดที่ฟ้าผ่าบ่อยที่สุดในโลก พร้อมข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ที่น่าสนใจ

ทะเลสาบมาราไกโบ เวเนซุเอลา ฟ้าผ่าบ่อยที่สุดในโลก

สถานที่ที่เกิดฟ้าผ่าถี่ที่สุดในโลก คือ ทะเลสาบมาราไกโบ (Lake Maracaibo) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเวเนซุเอลา
โดยเฉพาะบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำคาตาตุมโบ เป็นจุดที่เกิดฟ้าผ่ามากถึง มากกว่า 260 วันต่อปี หรือเฉลี่ยเกือบทุกคืน

ในบางช่วงของปี ที่นี่อาจเกิดฟ้าผ่าถึง 40 ครั้งต่อนาที โดยไม่มีเสียงฟ้าร้อง
ส่งผลให้ปรากฏการณ์นี้ได้รับชื่อเรียกเฉพาะว่า "สายฟ้าแห่งคาตาตุมโบ" หรือ Relámpago del Catatumbo ที่โด่งดังไปทั่วโลก

อยู่ไกลจากไทยแค่ไหน?

ทะเลสาบมาราไกโบตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ ห่างจากประเทศไทยไปประมาณ 17,000 กิโลเมตร 
โดยทางอากาศ หากต้องการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังเมืองมาราไกโบ ต้องต่อเครื่องบินหลายต่อ และใช้เวลาเดินทางโดยเฉลี่ยมากกว่า 30 ชั่วโมง

แม้จะอยู่ไกลจากไทย แต่ทะเลสาบแห่งนี้กลับเป็นจุดสนใจของนักวิทยาศาสตร์ นักสิ่งแวดล้อม
และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เนื่องจากปรากฏการณ์ฟ้าผ่าที่นี่มีลักษณะเฉพาะ และเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอในระดับที่ไม่เคยพบที่ใดมาก่อน

ทำไมถึงเกิดฟ้าผ่าถี่ที่ทะเลสาบมาราไกโบ?

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้พื้นที่นี้มีฟ้าผ่าถี่มาก มาจากลักษณะทางภูมิศาสตร์และภูมิอากาศ ทะเลสาบมาราไกโบล้อมรอบด้วยภูเขาสูง
ทำให้เกิดกระแสลมที่หมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง ความชื้นสูงจากผิวน้ำทะเลสาบรวมกับอากาศร้อน
ทำให้เกิดการยกตัวของอากาศ (convection) และก่อให้เกิดพายุฟ้าคะนองเกือบทุกคืน

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization - WMO) ได้ระบุว่า บริเวณนี้มีความหนาแน่นของฟ้าผ่าสูงถึง 233 ครั้งต่อตารางกิโลเมตรต่อปี ถือเป็นจุดที่มีฟ้าผ่าบ่อยที่สุดในโลกอย่างเป็นทางการ

คำตอบของคำถามที่ว่า "สถานที่ใดในโลกเกิดฟ้าผ่าถี่ที่สุด?" ก็คือ ทะเลสาบมาราไกโบ ในเวเนซุเอลา
ซึ่งอยู่ห่างจากประเทศไทยประมาณ 17,000 กิโลเมตร ที่นี่เกิดฟ้าผ่าบ่อยถึงขั้นเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลก
และยังถูกใช้เป็นกรณีศึกษาทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับฟ้าผ่าและภูมิอากาศอีกด้วย


ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง
1. World Meteorological Organization
2. NASA Earth Observatory
3. BBC Travel



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่