สวัสดีค่ะ วันนี้มีประสบการณ์ชีวิตทางด้านการศึกษาของตัวเองมาเล่าให้ฟังค่ะ
เราเป็นเด็กที่บ้านนั้นเรียกได้ว่ายากจนเลย เพราะยากจนเลยต้องดิ้นรนกว่าเด็กบ้านอื่น เรียนโรงเรียนรัฐมาตลอด
แถวบ้านจะมีโรงเรียนจีนสอนหลังเลิกเรียนค่ะ เด็กแถวนั้นเลยมักจะเลิกเรียนโรงเรียนไทยแล้วไปเรียนต่อโรงเรียนจีนแบบนี้ทุกๆวัน จนเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กบนดอยเลยค่ะ เราก็เป็นหน่งในนั้นเช่นกัน แต่การเรียนภาษาจีนนั้นมีค่าใช้จ่ายค่ะ เท่าที่จำได้ประมาณ2200-3500ตามระดับชั้นค่ะ เราก็เรียนมาเรื่อยๆจนกระทั่งพ่อกับแม่แยกทางกัน จนทำให้พ่อเป็นหัวหน้าหลักของครอบครัว ทั้งบ้านเลยมีปัญหาด้านการเงินมากค่ะ เกือบจะไม่ได้เรียนต่อจีนแล้ว ทางโรงเรียนรับทราบปัญหา เลยมอบทุนการศึกษาให้เราเรียนฟรี เพราะในขณะนั้นเราเองก็เป็นเด็กเรียนดีมากๆเช่นกัน จนจบม.ต้น เราเลยไปเรียนต่อม.ปลายก็เรียนภาษาจีนเช่นกัน ทีนี้ก็หนักเลยค่ะ เพราะว่าต้องจ่ายค่าหอด้วย ราวๆ8500+4500ต่อเทอม ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินที่เยอะมากสำหรับบ้านเรา แต่เราดนโชคดีที่ได้ทุนกันศึกษาต่อ หรีทั้งค่าเทอมและค่าหอ ซึ่งเราดีใจมากๆ
จุดพีคจะอยู่ที่หลังจบม.ปลายนี่แหละค่ะ ที่บ้านด้วยความที่ไม่ได้ซัพพอร์ตเรามาตั้งแต่เด็กทีนี้ก็ไม่มีทุนให้เราเรียนต่อเลย แม้กระทั่งค่าสมัครสอบวัดระดับภาษา หรือแกทแพท เราจนมุมมากไม่รู้จะยังไงต่อ เลยมีครูที่โรงเรียนจีนแนะนำโครงการนึงมา เป็นการเรียนแบบทำงานไปด้วนเรียนไปด้วยที่ต่างประเทศ แต่เป็นโครงการสำหรับเด็กม.ปลาย ความหมายคือหากเราจะไปต้องไปเรียนซ้ำม.ปลาย3ปีถึงจะต่อมหาลัยที่นั่นได้ ที่บ้านไม่สนับสนุนเลยแต่ตอนนั้นที่บ้านก็ไม่ได้สนับสนุนแม้กระทั่งค่าสอบเข้ามหาลัยด้วยเช่นกัน จริงเรามียื่นรอบพอร์ตผ่านด้วยนะ แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมก้อนแรก เราไม่มีเงินเลยสักบาท ขอพ่อแม่ก็แล้ว เราเลยตัดสินใจไปต่างประเทศ ด้วยเงินทุนที่ครูให้มา15000บาท เพื่อไปทำงานส่งตัวเองเรียน
ตอนนี้เราเรียนหลักสูตรม.ปลายมาได้1ปีแล้ว กลับมาอยู่ที่ไทย รู้สึกสับสนกับชีวิตตัวเองมากๆ ตอนอยู่ที่นั่นเราไม่เคยขอเงินพ่อแม่เลย หาเองทุกบาท และยังนำเงินมาซัพพอร์ตครอบครัวได้อีกด้วย วันที่เราจะกลับมาไทย มีแต่คนซ้ำเติมว่าบอกแล้วว่าอย่าไป เเล้วเราเลือกอะไรได้ล่ะ เราไม่มีต้นทุนเลยหนิ
ตอนนี้เราอายุ23ปีแล้ว มีการงานที่ดี รายได้ที่มั่นคง ด้วยวุฒิม.6ที่เราพยายามทุกวิธีทางเพื่อได้มันมา เเละเราก็ตัดสินใจเรียนต่อม.หาลัย นั่นคือม.ราม สัญญาว่าจะเรียนให้จบ ถึงจะจบช้า แต่คงไม่สายไปที่จะเรียน ใช่ไหม?
อายุ23 พึ่งเริ่มเรียนป.ตรี คิดเห็นอย่างไร
เราเป็นเด็กที่บ้านนั้นเรียกได้ว่ายากจนเลย เพราะยากจนเลยต้องดิ้นรนกว่าเด็กบ้านอื่น เรียนโรงเรียนรัฐมาตลอด
แถวบ้านจะมีโรงเรียนจีนสอนหลังเลิกเรียนค่ะ เด็กแถวนั้นเลยมักจะเลิกเรียนโรงเรียนไทยแล้วไปเรียนต่อโรงเรียนจีนแบบนี้ทุกๆวัน จนเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กบนดอยเลยค่ะ เราก็เป็นหน่งในนั้นเช่นกัน แต่การเรียนภาษาจีนนั้นมีค่าใช้จ่ายค่ะ เท่าที่จำได้ประมาณ2200-3500ตามระดับชั้นค่ะ เราก็เรียนมาเรื่อยๆจนกระทั่งพ่อกับแม่แยกทางกัน จนทำให้พ่อเป็นหัวหน้าหลักของครอบครัว ทั้งบ้านเลยมีปัญหาด้านการเงินมากค่ะ เกือบจะไม่ได้เรียนต่อจีนแล้ว ทางโรงเรียนรับทราบปัญหา เลยมอบทุนการศึกษาให้เราเรียนฟรี เพราะในขณะนั้นเราเองก็เป็นเด็กเรียนดีมากๆเช่นกัน จนจบม.ต้น เราเลยไปเรียนต่อม.ปลายก็เรียนภาษาจีนเช่นกัน ทีนี้ก็หนักเลยค่ะ เพราะว่าต้องจ่ายค่าหอด้วย ราวๆ8500+4500ต่อเทอม ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนเงินที่เยอะมากสำหรับบ้านเรา แต่เราดนโชคดีที่ได้ทุนกันศึกษาต่อ หรีทั้งค่าเทอมและค่าหอ ซึ่งเราดีใจมากๆ
จุดพีคจะอยู่ที่หลังจบม.ปลายนี่แหละค่ะ ที่บ้านด้วยความที่ไม่ได้ซัพพอร์ตเรามาตั้งแต่เด็กทีนี้ก็ไม่มีทุนให้เราเรียนต่อเลย แม้กระทั่งค่าสมัครสอบวัดระดับภาษา หรือแกทแพท เราจนมุมมากไม่รู้จะยังไงต่อ เลยมีครูที่โรงเรียนจีนแนะนำโครงการนึงมา เป็นการเรียนแบบทำงานไปด้วนเรียนไปด้วยที่ต่างประเทศ แต่เป็นโครงการสำหรับเด็กม.ปลาย ความหมายคือหากเราจะไปต้องไปเรียนซ้ำม.ปลาย3ปีถึงจะต่อมหาลัยที่นั่นได้ ที่บ้านไม่สนับสนุนเลยแต่ตอนนั้นที่บ้านก็ไม่ได้สนับสนุนแม้กระทั่งค่าสอบเข้ามหาลัยด้วยเช่นกัน จริงเรามียื่นรอบพอร์ตผ่านด้วยนะ แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมก้อนแรก เราไม่มีเงินเลยสักบาท ขอพ่อแม่ก็แล้ว เราเลยตัดสินใจไปต่างประเทศ ด้วยเงินทุนที่ครูให้มา15000บาท เพื่อไปทำงานส่งตัวเองเรียน
ตอนนี้เราเรียนหลักสูตรม.ปลายมาได้1ปีแล้ว กลับมาอยู่ที่ไทย รู้สึกสับสนกับชีวิตตัวเองมากๆ ตอนอยู่ที่นั่นเราไม่เคยขอเงินพ่อแม่เลย หาเองทุกบาท และยังนำเงินมาซัพพอร์ตครอบครัวได้อีกด้วย วันที่เราจะกลับมาไทย มีแต่คนซ้ำเติมว่าบอกแล้วว่าอย่าไป เเล้วเราเลือกอะไรได้ล่ะ เราไม่มีต้นทุนเลยหนิ
ตอนนี้เราอายุ23ปีแล้ว มีการงานที่ดี รายได้ที่มั่นคง ด้วยวุฒิม.6ที่เราพยายามทุกวิธีทางเพื่อได้มันมา เเละเราก็ตัดสินใจเรียนต่อม.หาลัย นั่นคือม.ราม สัญญาว่าจะเรียนให้จบ ถึงจะจบช้า แต่คงไม่สายไปที่จะเรียน ใช่ไหม?