มิโลเชวิช: จากวีรบุรุษสู่จำเลยสงคราม | วันที่ 6 ตุลาคม 2001 ประวัติศาสตร์บอลข่าน
เรื่องราวของสโลโบดาน มิโลเชวิช ผู้นำยูโกสลาเวียที่กลายเป็นจำเลยสงครามคนแรกในตำแหน่งประมุขของรัฐ วันที่ 6 ตุลาคม 2001 วันที่เขาขึ้นศาลกรุงเฮก พร้อมบทเรียนจากสงครามบอลข่าน
วันที่โลกจับตามอง
วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) เป็นวันที่ประวัติศาสตร์โลกจารึกไว้อย่างไม่อาจลืมเลือน นี่คือวันที่ชายคนหนึ่งซึ่งเคยเป็นผู้นำที่ทรงอำนาจที่สุดในภูมิภาคบอลข่าน ต้องขึ้นเครื่องบินมุ่งหน้าสู่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ไม่ใช่เพื่อการเยือนทางการ แต่เพื่อยืนพิจารณาคดีในฐานะ "จำเลยสงคราม" คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ดำรงตำแหน่งประมุขของรัฐ
สโลโบดาน มิโลเชวิช (Slobodan Milošević) ชายที่ถูกขนานนามว่า "คนฆ่าโหดแห่งบอลข่าน" เคยเป็นผู้นำที่คนนับล้านเทิดทูน แต่กลับกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความโหดร้ายที่สุดของมนุษยชาติในศตวรรษที่ 20
บทความนี้จะพาคุณย้อนรอยเส้นทางชีวิตของเขา ตั้งแต่การขึ้นสู่อำนาจ สงครามบอลข่านที่ทำให้ผู้คนนับแสนเสียชีวิต จนถึงการตกจากบัลลังก์และวันประวัติศาสตร์ที่เขาต้องเผชิหน้ากับความยุติธรรมระหว่างประเทศ
1. จากเศรษฐีธนาคารสู่ผู้นำชาตินิยมเซอร์เบีย
ต้นกำเนิดของผู้นำ
มิโลเชวิชเกิดเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 1941 ที่เมืองโปซาเรวัช (Požarevac) ในสาธารณรัฐเซอร์เบีย ซึ่งขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของยูโกสลาเวียภายใต้การปกครองของมาร์แชล ติโต
ครอบครัวของเขาไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่มีความสุข บิดาเป็นบาดหลวงคริสต์ออร์โธดอกซ์ มารดาเป็นครู แต่ทั้งสองต่างฆ่าตัวตายเมื่อเขายังเยาว์วัย เหตุการณ์นี้มีผลต่อจิตใจและบุคลิกภาพของเขาอย่างลึกซึ้ง
เส้นทางสู่อำนาจ
มิโลเชวิชสำเร็จการศึกษาด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยเบลเกรด และก้าวเข้าสู่แวดวงธุรกิจ โดยทำงานในธนาคารและบริษัทน้ำมันขนาดใหญ่ เขาสะสมความมั่งคั่งอย่างรวดเร็ว
แต่สิ่งที่สำคัญกว่าเงินทอง คือการเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ยูโกสลาเวีย ซึ่งในยุคนั้นถือเป็นบันไดสู่อำนาจทางการเมือง
ยูโกสลาเวีย: ประเทศหลากชาติพันธุ์
เพื่อเข้าใจเรื่องราวของมิโลเชวิช เราต้องเข้าใจยูโกสลาเวียก่อน
ยูโกสลาเวียเป็นประเทศสหพันธรัฐที่ประกอบด้วย:
🇷🇸 เซอร์เบีย (Serbia)
🇭🇷 โครเอเชีย (Croatia)
🇧🇦 บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา (Bosnia and Herzegovina)
🇸🇮 สโลวีเนีย (Slovenia)
🇲🇰 มาซิโดเนีย (Macedonia)
🇲🇪 มอนเตเนโกร (Montenegro)
และเขตปกครองพิเศษ 2 แห่ง: โคโซโว (Kosovo) และ โวจโวดินา (Vojvodina)
ประเทศนี้ถูกปกครองโดย โจซิป บรอซ ติโต (Josip Broz Tito) ด้วยมือเหล็ก เขาสามารถรักษาความสามัคคีของชนชาติต่างๆ ไว้ได้ แต่เมื่อติโตเสียชีวิตในปี 1980 ความแตกแยกก็เริ่มปรากฏ
จุดเปลี่ยนที่โคโซโว (1987)
ปี ค.ศ. 1987 มิโลเชวิชเดินทางไปโคโซโว พื้นที่ที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวแอลเบเนียน (มุสลิม) แต่ชาวเซอร์บ (คริสต์ออร์โธดอกซ์) ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยกำลังประท้วงว่าถูกกดขี่
เมื่อตำรวจใช้กำลังกับผู้ชุมนุม มิโลเชวิชได้พูดประโยคที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์:
"ไม่มีใครมีสิทธิ์ทำร้ายพวกคุณ!"
ประโยคนี้ทำให้เขากลายเป็นฮีโร่ของชาวเซอร์บในชั่วข้ามคืน
เขาใช้ ชาตินิยมเซอร์เบีย เป็นเครื่องมือทางการเมือง สร้างความรู้สึกว่าชาวเซอร์บถูกคุกคามและต้องการผู้นำที่เข้มแข็ง
ปี 1989 เขาขึ้นเป็นประธานาธิบดีสาธารณรัฐเซอร์เบีย และนี่คือจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม
2. สงครามบอลข่าน: เมื่อยูโกสลาเวียแตกสลาย
การล่มสลายของสหพันธรัฐ (1991-1992)
หลังติโตเสียชีวิต สาธารณรัฐต่างๆ เริ่มต้องการเอกราช:
📅 มิถุนายน 1991: สโลวีเนียและโครเอเชียประกาศเอกราช
📅 1992: บอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนาและมาซิโดเนียตามมา
แต่มิโลเชวิชมีความฝันที่จะสร้าง "เซอร์เบียใหญ่" (Greater Serbia) ที่รวมชาวเซอร์บทุกคนในบอลข่านเข้าด้วยกัน เขาจึงไม่ยอมให้พวกเขาแยกตัวง่ายๆ
สงครามในโครเอเชีย (1991-1995)
เมื่อโครเอเชียประกาศเอกราช ชาวเซอร์บในโครเอเชีย (12% ของประชากร) ไม่พอใจ พวกเขาได้รับอาวุธและการสนับสนุนจากกองทัพยูโกสลาเวีย (ซึ่งควบคุมโดยเซอร์เบีย)
การสู้รบรุนแรงเกิดขึ้น เมืองสำคัญต่างๆ ถูกโจมตี รวมถึงเมืองมรดกโลก Dubrovnik ที่ถูกยิงปืนใหญ่จนเสียหาย
ผลลัพธ์:
💀 ผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคน
🏚️ เมืองและหมู่บ้านนับร้อยแห่งถูกทำลาย
👥 การ "ชำระล้างชาติพันธุ์" (Ethnic Cleansing) เริ่มเกิดขึ้น
Ethnic Cleansing คือการใช้ความรุนแรงบังคับให้คนชาติพันธุ์หนึ่งอพยพออกจากพื้นที่ ผ่านการสังหาร ข่มขืน เผาบ้าน และข่มขู่
สงครามบอสเนีย (1992-1995): โศกนาฏกรรมที่โหดร้ายที่สุด
บอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนามีประชากร 3 กลุ่มหลัก:
🕌 ชาวบอสเนียก (มุสลิม) 44%
⛪ ชาวเซอร์บบอสเนีย (คริสต์ออร์โธดอกซ์) 31%
✝️ ชาวโครเอตบอสเนีย (คาทอลิก) 17%
เมื่อบอสเนียประกาศเอกราช ชาวเซอร์บบอสเนียจับอาวุธ (สนับสนุนโดยมิโลเชวิช) และเริ่มโจมตีชาวบอสเนียก
📍 การล้อมเมืองซาราเยโว
เมืองหลวงซาราเยโวถูกล้อมเป็นเวลา 1,425 วัน (เกือบ 4 ปี) นี่คือการล้อมเมืองที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่
ชาวเมืองประสบกับ:
🚫 ไม่มีอาหาร น้ำ ไฟฟ้า
🎯 ถูกยิงสไนเปอร์ทุกวัน
💣 ถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่ตลอดเวลา
💀 มีผู้เสียชีวิตกว่า 11,000 คน
📍 สเรเบรนิตซา: การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
นี่คือส่วนที่เจ็บปวดที่สุดของสงครามบอลข่าน
เดือนกรกฎาคม 1995 เมืองสเรเบรนิตซา (Srebrenica) ซึ่งเป็นเขต "ปลอดภัย" ที่สหประชาชาติประกาศ ถูกกองกำลังเซอร์บบอสเนียนำโดย ราตโก มลาดิช (Ratko Mladić) บุกยึด
สิ่งที่เกิดขึ้นคือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เลวร้ายที่สุดในยุโรปหลังสงครามโลกครั้งที่ 2:
💔 ชายและเด็กชายมุสลิมกว่า 8,372 คน ถูกสังหารหมู่ในเวลาเพียงไม่กี่วัน
😢 ผู้หญิงและเด็กหญิงหลายพันคนถูกข่มขืนอย่างเป็นระบบ
ศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศตัดสินว่านี่คือ "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" (Genocide) อย่างชัดเจน
บทบาทของมิโลเชวิช
แม้มิโลเชวิชจะไม่ได้อยู่ในสนามรบด้วยตัวเอง แต่เขา:
✅ ให้การสนับสนุนทางทหารและเศรษฐกิจแก่เซอร์บบอสเนีย
✅ ควบคุมกองทัพยูโกสลาเวีย
✅ ส่งอาวุธ เสบียง และทหาร
✅ ปกปิดและปฏิเสธอาชญากรรมสงคราม
เขาคือผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด
สงครามบอสเนียจบลงในปี 1995 ด้วยข้อตกลงเดย์ตัน (Dayton Agreement) ที่บังคับโดยสหรัฐฯ และนาโต
ผลลัพธ์:
💀 ผู้เสียชีวิตกว่า 100,000 คน
🏃 ผู้อพยพกว่า 2 ล้านคน
🏚️ ประเทศพังทลายราบ
แต่มิโลเชวิช... ยังไม่หยุด
3. โคโซโว: บทสุดท้ายที่นำมาสู่การล่มสลาย
ความขัดแย้งที่โคโซโว (1998-1999)
จำได้ไหมว่าโคโซโวคือจุดเริ่มต้นอาชีพการเมืองของมิโลเชวิช?
โคโซโวมีประชากรส่วนใหญ่เป็น ชาวแอลเบเนียน (มุสลิม) ประมาณ 90% แต่เซอร์เบียถือว่าโคโซโวเป็น "หัวใจของเซอร์เบีย" เพราะมีความหมายทางประวัติศาสตร์และศาสนา
ชาวแอลเบเนียนในโคโซโวถูกกดขี่มาหลายทศวรรษ พวกเขาต้องการเอกราช และจัดตั้ง กองทัพปลดแอกโคโซโว (KLA - Kosovo Liberation Army)
การชำระล้างชาติพันธุ์ครั้งใหม่
มิโลเชวิชส่งกองทัพและตำรวจเซอร์เบียเข้าปราบปราม โดยใช้ความรุนแรงมากเกินไป:
🔪 สังหารพลเรือนชาวแอลเบเนียนหลายพันคน
🔥 เผาบ้านเรือนทั้งหมู่บ้าน
💔 ข่มขืนผู้หญิงอย่างเป็นระบบ
👨👩👧👦 บังคับให้ชาวแอลเบเนียนกว่า 800,000 คน หนีออกจากโคโซโว
ภาพผู้ลี้ภัยเดินขบวนยาวเหยียดบนรถไฟและรถบัสเป็นภาพที่น่าสลดใจและสะเทือนขวัญ
การแทรกแซงของนาโต (1999)
คราวนี้โลกตะวันตกไม่ยอมนิ่งเฉย
24 มีนาคม 1999 นาโต (NATO) เริ่มปฏิบัติการ "Allied Force" ทิ้งระเบิดเซอร์เบียโดยไม่ได้รับอนุมัติจากสหประชาชาติ (เพราะรัสเซียและจีนจะยับยั้ง)
การทิ้งระเบิดยาวนาน 78 วัน นาโตโจมตี:
ฐานทัพและกองกำลังเซอร์เบีย
โครงสร้างพื้นฐานในเบลเกรด
สะพาน โรงงาน สถานีโทรทัศน์
มีพลเรือนเซอร์บเสียชีวิต 500-1,000 คน
ในที่สุด มิโลเชวิชต้องยอมถอนกองกำลังออกจากโคโซโว
ผลที่ตามมา
📍 โคโซโวตกอยู่ภายใต้การบริหารของสหประชาชาติและนาโต
📍 ปี 2008 โคโซโวประกาศเอกราช (แม้เซอร์เบียจะไม่ยอมรับจนถึงทุกวันนี้)
📍 เศรษฐกิจเซอร์เบียย่ำแย่ มีการคว่ำบาตรจากต่างประเทศ
📍 ประชาชนเซอร์เบียเองเริ่มเบื่อหน่ายกับมิโลเชวิช
Slobodan Milošević : จากผู้นำยูโกสลาเวียสู่จำเลยสงครามที่เฮก - บทเรียนแห่งประวัติศาสตร์