ในหมู่บ้านหนองจานอันเงียบสงบ แต่เปี่ยมด้วยความตึงเครียด ลมร้อนจากชายแดนไทย-กัมพูชาพัดผ่านทุ่งอ้อยและป่ายูคาลิปตัส ราวกับพยายามกระซิบถึงความลับที่ซ่อนอยู่ในเงามืดของปราสาทเขาพระวิหาร คุณกัน ชายหนุ่มผู้มีไฟในใจและความรักชาติเต็มเปี่ยม เดินทางมาถึงแนวหน้าพร้อมภารกิจสำคัญ เขาคือวิศวกรหนุ่มที่ได้รับมอบหมายให้เสริมความแข็งแกร่งให้ฐานทัพชายแดนของไทย ด้วยป้อมปืนสามจุด บังเกอร์ขนาดใหญ่ และกล้องวงจรปิดที่ครอบคลุมทุกมุมของพื้นที่พิพาท
คุณกันยืนมองผืนดินที่เต็มไปด้วยรอยแผลแห่งประวัติศาสตร์ ขณะที่โดรนตรวจการณ์ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า กล้องจับความร้อนเผยให้เห็นเงาราง ๆ ของผู้คนที่หลบซ่อนอยู่ในป่า ชาวกัมพูชาหลายสิบคนต่อวันพยายามลักลอบข้ามพรมแดนเพื่อหนีความอดอยากและความยากลำบากในบ้านเกิด “พวกเขาหนีตายจากความโหดร้ายของผู้นำของตัวเอง” คุณกันพูดกับตัวเอง ขณะจ้องมองภาพจากจอควบคุม “แต่ทำไมเราต้องแบกรับภาระนี้?”
ในขณะที่ประชาชนกัมพูชาต้องเผชิญกับน้ำท่วมและความอดอยาก ผู้นำของพวกเขากลับใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย คุณกันเคยได้ยินเรื่องราวของผู้นำที่โบยบินด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว โชว์นาฬิกาหรู และจิบกาแฟราคาแพงจากร้านสตาร์บัคส์ ขณะที่ประชาชนของพวกเขาต้องเดินทางด้วยรถอีแต๊กเก่า ๆ เพื่อเอาชีวิตรอด “มันเหมือน

น้ำลายขึ้นฟ้า แล้วปล่อยให้มันตกลงมาใส่หน้าตัวเอง” คุณกันกล่าวด้วยน้ำเสียงขมขื่น
เขาเดินตรวจแนวป้องกันพร้อมเจ้าหน้าที่ทหารชั้นผู้น้อยที่ทำงานหนักท่ามกลางความขาดแคลน ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ แต่หัวใจของพวกเขายังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น คุณกันสัมผัสได้ถึงความทุ่มเทของพวกเขา รวมถึงเจ้าหน้าที่อุทยานที่พร้อมยืนหยัดเคียงบ่าเคียงไหล่กับ ตชด. ในยามปะทะ “คนเหล่านี้คือวีรบุรุษที่ถูกลืม” เขาคิด “แต่ศักดิ์ศรีของชาติจะต้องถูกทวงคืน”
คุณกันได้รับรายงานลับว่า กองทัพกัมพูชาใช้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นฐานทัพ โดยเฉพาะบริเวณผามออีแดง เขาเห็นด้วยตาตัวเองว่าเครนถูกใช้เพื่อติดตั้งปืนใหญ่ที่มุ่งเป้ามายังฝั่งไทย นี่ยังไม่นับการใช้ธงยูเอ็นที่ปักไว้อย่างเจ้าเล่ห์เพื่อเป็นโล่กำบัง “พวกเขาใช้ปราสาทเป็นเกราะป้องกันตัวเอง” คุณกันบอกกับนายทหารหนุ่มที่ยืนข้าง ๆ “และยังกล้าอ้างว่าเป็นพื้นที่ของยูเอ็นเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบโต้”
ความโกรธค่อย ๆ ก่อตัวในใจของเขา เขาเขียนจดหมายถึงผู้บัญชาการทหารบกด้วยมือที่สั่นเทา “ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทวงคืนแผ่นดินและศักดิ์ศรีของคนไทย อย่าปล่อยให้การสูญเสียเกิดขึ้นเพียงเพราะความลังเล” คุณกันยืนยันคำพูดของตัวเองด้วยความมั่นใจ แต่ในใจลึก ๆ เขารู้ว่าสถานการณ์นี้ซับซ้อนเกินกว่าที่ใครจะคาดเดาได้
คืนหนึ่ง ขณะที่คุณกันนั่งตรวจสอบภาพจากโดรน เขาสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวแปลก ๆ บริเวณผามออีแดง เงาราง ๆ ที่เคลื่อนไหวไม่ใช่ทหารกัมพูชา แต่เป็นกลุ่มคนที่สวมชุดพลเรือน ดูเหมือนจะเป็นชาวบ้านที่ถูกบังคับให้มาทำงานในฐานทัพ คุณกันสั่งให้โดรนซูมเข้าไปใกล้กว่าเดิม และสิ่งที่เขาเห็นทำให้หัวใจเต้นแรง
ภาพจากโดรนเผยให้เห็นว่า ผู้ที่ควบคุมฐานทัพไม่ใช่ทหารกัมพูชาอย่างที่ทุกคนคิด แต่เป็นกลุ่มกองกำลังต่างชาติที่สวมรอยใช้ธงยูเอ็นและปราสาทเป็นเครื่องมือบังหน้า พวกเขาไม่ใช่ตัวแทนของกัมพูชา แต่เป็นกลุ่มที่หวังจุดชนวนความขัดแย้งระหว่างสองชาติเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง คุณกันตระหนักได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่แค่สงครามชายแดน แต่มันคือเกมการเมืองระดับนานาชาติที่ใช้เขาพระวิหารเป็นหมากตัวสำคัญ
คุณกันตัดสินใจส่งข้อมูลทั้งหมดไปยังผู้บัญชาการทหารบก พร้อมข้อความสั้น ๆ: “ศัตรูที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ชายแดน แต่อยู่ในเงามืดที่ควบคุมทุกอย่าง” เขารู้ว่าการเปิดโปงความจริงนี้อาจนำมาซึ่งอันตราย แต่เขาก็เชื่อว่าความจริงจะเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดในการปกป้องแผ่นดินไทย
ปราสาทเขาพระวิหารยังคงยืนหยัดท่ามกลางสายลมแห่งชายแดน แต่เงามืดที่ปกคลุมมันเริ่มจางลง เมื่อความจริงเริ่มปรากฏ คุณกันยิ้มอย่างมุ่งมั่น “ศักดิ์ศรีของชาติไม่ได้อยู่ที่การสู้รบ แต่อยู่ที่การยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง” เขากล่าว ก่อนจะก้าวเดินต่อไปในความมืด เพื่อนำแสงสว่างมาสู่ผืนดินแห่งนี้
จบ
นิยาย เงามืดแห่งเขาพระวิหาร
คุณกันยืนมองผืนดินที่เต็มไปด้วยรอยแผลแห่งประวัติศาสตร์ ขณะที่โดรนตรวจการณ์ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า กล้องจับความร้อนเผยให้เห็นเงาราง ๆ ของผู้คนที่หลบซ่อนอยู่ในป่า ชาวกัมพูชาหลายสิบคนต่อวันพยายามลักลอบข้ามพรมแดนเพื่อหนีความอดอยากและความยากลำบากในบ้านเกิด “พวกเขาหนีตายจากความโหดร้ายของผู้นำของตัวเอง” คุณกันพูดกับตัวเอง ขณะจ้องมองภาพจากจอควบคุม “แต่ทำไมเราต้องแบกรับภาระนี้?”
ในขณะที่ประชาชนกัมพูชาต้องเผชิญกับน้ำท่วมและความอดอยาก ผู้นำของพวกเขากลับใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย คุณกันเคยได้ยินเรื่องราวของผู้นำที่โบยบินด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว โชว์นาฬิกาหรู และจิบกาแฟราคาแพงจากร้านสตาร์บัคส์ ขณะที่ประชาชนของพวกเขาต้องเดินทางด้วยรถอีแต๊กเก่า ๆ เพื่อเอาชีวิตรอด “มันเหมือน
เขาเดินตรวจแนวป้องกันพร้อมเจ้าหน้าที่ทหารชั้นผู้น้อยที่ทำงานหนักท่ามกลางความขาดแคลน ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ แต่หัวใจของพวกเขายังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น คุณกันสัมผัสได้ถึงความทุ่มเทของพวกเขา รวมถึงเจ้าหน้าที่อุทยานที่พร้อมยืนหยัดเคียงบ่าเคียงไหล่กับ ตชด. ในยามปะทะ “คนเหล่านี้คือวีรบุรุษที่ถูกลืม” เขาคิด “แต่ศักดิ์ศรีของชาติจะต้องถูกทวงคืน”
คุณกันได้รับรายงานลับว่า กองทัพกัมพูชาใช้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นฐานทัพ โดยเฉพาะบริเวณผามออีแดง เขาเห็นด้วยตาตัวเองว่าเครนถูกใช้เพื่อติดตั้งปืนใหญ่ที่มุ่งเป้ามายังฝั่งไทย นี่ยังไม่นับการใช้ธงยูเอ็นที่ปักไว้อย่างเจ้าเล่ห์เพื่อเป็นโล่กำบัง “พวกเขาใช้ปราสาทเป็นเกราะป้องกันตัวเอง” คุณกันบอกกับนายทหารหนุ่มที่ยืนข้าง ๆ “และยังกล้าอ้างว่าเป็นพื้นที่ของยูเอ็นเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบโต้”
ความโกรธค่อย ๆ ก่อตัวในใจของเขา เขาเขียนจดหมายถึงผู้บัญชาการทหารบกด้วยมือที่สั่นเทา “ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทวงคืนแผ่นดินและศักดิ์ศรีของคนไทย อย่าปล่อยให้การสูญเสียเกิดขึ้นเพียงเพราะความลังเล” คุณกันยืนยันคำพูดของตัวเองด้วยความมั่นใจ แต่ในใจลึก ๆ เขารู้ว่าสถานการณ์นี้ซับซ้อนเกินกว่าที่ใครจะคาดเดาได้
คืนหนึ่ง ขณะที่คุณกันนั่งตรวจสอบภาพจากโดรน เขาสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวแปลก ๆ บริเวณผามออีแดง เงาราง ๆ ที่เคลื่อนไหวไม่ใช่ทหารกัมพูชา แต่เป็นกลุ่มคนที่สวมชุดพลเรือน ดูเหมือนจะเป็นชาวบ้านที่ถูกบังคับให้มาทำงานในฐานทัพ คุณกันสั่งให้โดรนซูมเข้าไปใกล้กว่าเดิม และสิ่งที่เขาเห็นทำให้หัวใจเต้นแรง
ภาพจากโดรนเผยให้เห็นว่า ผู้ที่ควบคุมฐานทัพไม่ใช่ทหารกัมพูชาอย่างที่ทุกคนคิด แต่เป็นกลุ่มกองกำลังต่างชาติที่สวมรอยใช้ธงยูเอ็นและปราสาทเป็นเครื่องมือบังหน้า พวกเขาไม่ใช่ตัวแทนของกัมพูชา แต่เป็นกลุ่มที่หวังจุดชนวนความขัดแย้งระหว่างสองชาติเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง คุณกันตระหนักได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่แค่สงครามชายแดน แต่มันคือเกมการเมืองระดับนานาชาติที่ใช้เขาพระวิหารเป็นหมากตัวสำคัญ
คุณกันตัดสินใจส่งข้อมูลทั้งหมดไปยังผู้บัญชาการทหารบก พร้อมข้อความสั้น ๆ: “ศัตรูที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ชายแดน แต่อยู่ในเงามืดที่ควบคุมทุกอย่าง” เขารู้ว่าการเปิดโปงความจริงนี้อาจนำมาซึ่งอันตราย แต่เขาก็เชื่อว่าความจริงจะเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดในการปกป้องแผ่นดินไทย
ปราสาทเขาพระวิหารยังคงยืนหยัดท่ามกลางสายลมแห่งชายแดน แต่เงามืดที่ปกคลุมมันเริ่มจางลง เมื่อความจริงเริ่มปรากฏ คุณกันยิ้มอย่างมุ่งมั่น “ศักดิ์ศรีของชาติไม่ได้อยู่ที่การสู้รบ แต่อยู่ที่การยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง” เขากล่าว ก่อนจะก้าวเดินต่อไปในความมืด เพื่อนำแสงสว่างมาสู่ผืนดินแห่งนี้
จบ