
โรม เมิน เบน สมิธ ฟ้องหมิ่นเรียก 100 ล. ชี้แปลกดีไม่สนิทแต่ใช้คณะทำงานธรรมนัสเดินเกม ลั่น อาจว่าความเอง
.
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือเบน สมิธ ยื่นฟ้องร้องดำเนินคดี ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พร้อมเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งเป็นจำนวนเงิน 100 ล้านบาท ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ตนมองว่าวันนี้เราต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ คือทำอย่างไรให้ประเทศไทยรอดจากเงื้อมมือของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งตนคาดหวังว่ารัฐบาลจะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง แก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าไปถึงอำนาจรัฐอย่างไร เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญต่างๆ อย่างไร
.
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า นายเบนจามินเป็นแค่ตัวอย่างหนึ่ง ยังมีอีกหลายเรื่อง หากเราไม่ใช้อำนาจในเวลานี้ ปกป้องจากประชาชนให้รอดจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็เป็นห่วงว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะยึดประเทศเราไป
.
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่นายเบนจามินมอบหมายให้มีการฟ้องร้อง นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตนไม่ค่อยได้ใส่ใจมากเท่าไหร่ และไม่ได้กังวลอะไร เรื่องในศาลก็ปล่อยให้เป็นไปตามหน้าที่ อาจจะมีการเรียกอีกเอกสารพยานมากยิ่งขึ้น จะได้นำคนมาสืบพยานเพิ่มขึ้นด้วย ไม่แน่ ตนอาจจะว่าความเองก็ได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่กังวล แต่แปลกใจว่าทำไมจึงใช้คณะของนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ซึ่งเป็นคณะทำงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่บอกว่าไม่มีความรู้จักกันเป็นการส่วนตัว ก็แปลกดี แต่ไม่ต้องไปใส่ใจ วันนี้ให้เอาเรื่องคอลเซ็นเตอร์เป็นหลัก อย่าให้เรื่องการฟ้องร้องมากลบเรื่องใหญ่ ที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของประชาชน
.
.
โรม หวัง รบ.ยึดประโยชน์ประเทศ ปมทำประชามติยกเลิก MOU43-44 ชี้ถ้ายกเลิกต้องหากรอบคุยเขมรได้ดีกว่าเดิม
https://www.matichon.co.th/politics/news_5398360
.
โรม หวัง รบ.ยึดผลประโยชน์ประเทศ ปมทำประชามติยกเลิก MOU43-44 ชี้ถ้ายกเลิกต้องหากรอบคุยเขมรได้ดีกว่าเดิม หวั่น เป็นแผนพาไทยไปศาลโลก
.
เมื่อเวลา 16.20 น. วันที่ 5 ตุลาคม ที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการให้ประชาชนทำประชามติว่าเห็นด้วยกับการยกเลิก MOU43-44 หรือไม่ ว่า ตอนนี้สภาฯกำลังตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาข้อดีข้อเสียของการ ยกเลิก MOU 2543 และ 2544 โดยมีนาย
ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยเป็นประธานคณะกรรมาธิการ ตนคิดว่าคณะกรรมาธิการชุดนี้มีภารกิจที่สำคัญมาก
.
เมื่อเป็นแนวทางที่รัฐบาลใส่เข้าไปในการแถลงนโยบายว่าจะมีการทำประชามติ ซึ่งเราต้องหวังพึ่งความสมบูรณ์ของข้อมูลในกรรมาธิการชุดนี้ เพราะกรรมาธิการต้องรวบรวมข้อมูลทั้งข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและมีอยู่ในปัจจุบัน บางฝั่งก็บอกว่าทางกัมพูชาไม่ปฏิบัติตามทาง MOU ละเมิด MOU กี่ครั้งจะต้องนำมาพิจารณา ตนไม่ได้อยู่ในคณะกรรมาธิการก็รออยู่เหมือนกัน ว่าผลการศึกษาจะออกมาเป็นอย่างไร
“
การศึกษาก็ต้องมีการเผยแพร่ให้ประชาชน ความกังวลใจของผมก็มีอยู่ว่าจะศึกษากันอย่างไร และเผยแพร่อย่างไร ให้ทางฝ่ายกัมพูชาไม่รู้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน อาจจะต้องฝากท่านไชยชนกในฐานะประธาน และฝากท่านอนุทินในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่มีการเตรียมการเรื่องการทำประชามติ ว่าการที่ประชาชนจะไปทำประชามติ ผมอยากให้เป็นเรื่องของผลประโยชน์ของประเทศ ซึ่งต้องเอาข้อมูลมาว่ากัน ” นาย
รังสิมันต์กล่าว
นาย
รังสิมันต์ ยังย้ำว่า เป็นเรื่องเทคนิคมาก ตนยังไม่มั่นใจเลยว่า ส.ส. ในสภาจะเข้าใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ ดังนั้นการให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจ ต้องคำนึงว่าประชาชนจะต้องเข้าถึงข้อมูลมากเพียงพอ ก่อนที่จะตัดสินใจไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายได้
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่หากยกเลิก MOU จะทำให้ไทยไม่มีกรอบในการเจรจากับทางกัมพูชา เช่น GBC RBC และ JBC นาย
รังสิมันต์กล่าวว่า ใช่ ถ้าเราไม่พูดถึง MOU ปี 2543 และ 2544 ที่ผ่านมาจุดยืนของประเทศไทยอย่างหนึ่งก็คือการพูดคุยแบบทวิภาคี
.
“
ถ้าไม่มี MOU 2543 หมายความว่ากลไกการพูดคุย แบบเป็นทางการที่เป็นทวิภาคีจะไม่มี เราต้องยอมรับว่าข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้ แต่ถ้ารัฐบาลจะยกเลิกจริง ๆ รัฐบาลก็ควรที่จะไปคุย เพื่อให้ได้กรอบที่ดีกว่า ลองนึกภาพตามผมนะครับไม่มี MOU 2543 ฝ่ายกัมพูชาอาจจะบอกว่า ต่อไปนี้ไม่มีกลไกทวิภาคีแล้วงั้นเราไปหาศาลโลก สมมติศาลโลกรับลูก มีการตัดสินออกมาไม่รู้ใครได้ใครเสียแต่มันก็จะได้แค่บางจุด ลองนึกภาพดูว่าเขาพระวิหารก็ต้องไปคุยกันอีก ในรายละเอียด ซึ่งต้องคุยในแบบทวิภาคี ท้ายสุดอาจจะกลับไปกรอบเดิม คือกรอบ MOU 2543 ที่ยกเลิกไปก็สูญเปล่า ที่ได้ใหม่ก็ไม่รู้จะดีกว่ากรอบเดิมหรือไม่ อาจจะไปเข้าทางกัมพูชาพี่พาเราไปศาลโลกสำเร็จ เรื่องเหล่านี้ต้องคิดต้องคุย ” นายรังสิมันต์กล่าว
.
นาย
รังสิมันต์ ย้ำว่า สำคัญกว่าเนื้อหาคือวิธีการ พอเราพูดถึงตรงนี้ตนก็เริ่มเป็นห่วงว่า กัมพูชาเข้าใจเทคนิควิธีการ หรือข้อมูลสำคัญบางอย่าง รวมถึงแนวทางสำคัญของฝ่ายไทย ซึ่งอาจจะทำให้ในระยะยาวไทยอาจเสียเปรียบได้ ดังนั้นต้องคิดให้รอบคอบ ตนอยากให้เรื่องนี้ตัดสินใจบนผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง ๆ ต้องเอาข้อมูลมากาง รวมทั้ง MOU 2544 ข้อมูลของบริษัทข้ามชาติที่เซ็นสัญญากันไปแล้ว ได้รับสัมปทานกันไปแล้ว หากไปทำเรื่องการวิจัยหรือสำรวจไปแล้วและไปยกเลิก บริษัทเหล่านี้เสียหายเขาจะฟ้องเราหรือไม่ เขาไม่ได้ฟ้องศาลไทยแต่ฟ้องอนุญาโตตุลาการขึ้นมา เราอาจเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้ ดังนั้นต้องคุยให้ละเอียดรอบคอบ
.
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่หากรัฐบาลเอาความพึงพอใจของประชาชนมาเป็นตัวตั้ง โดยที่ไม่อิงตามข้อมูลแล้วจะทำให้ประเทศเสียหาย นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า จุดสำคัญในการตัดสินใจ อยู่ที่ผลประโยชน์ของชาติโดยรวม คงไม่ใช่เรื่องอารมณ์หรือความรู้สึก
.
.
โรม ลุยจุดทหารไทยยึดภูมะเขือเบ็ดเสร็จ แนะรับมือให้ดีแอนตี้โดรน หวั่นเขมร ซื้ออาวุธจีนเฟส 2
https://www.matichon.co.th/politics/news_5398384
.
โรม ลุยจุดทหารไทยยึดภูมะเขือเบ็ดเสร็จ แนะรับมือให้ดีแอนตี้โดรน หวั่นเขมร ซื้ออาวุธจีนเฟส 2 ผู้พันจักรกฤษณ์ ยัน เฝ้าระวังต่อเนื่อง ย้ำต้องซ่อมบำรุงเส้นทาง
.
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะกมธ.ฯ เดินทางลงพื้นที่ยอดภูมะเขือ จุดยุทธศาสตร์ไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อติดตามปัญหาด้านความมั่นคง โดยมี พันโท
จักรกฤษณ์ ขุริรัง ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 11 ในฐานะหัวหน้าชุดที่ประจำพื้นที่ และเป็นผู้ทึ่ปักธงชาติไทยในวันที่ยึดพื้นที่ภูมะเขือคืนจากกัมพูชาได้ เป็นผู้ให้ข้อมูล และพาดูพื้นที่แนวเขตอธิปไตยของไทย ที่ทหารไทยตรึงกำลังยึดพื้นที่ไว้แบบเบ็ดเสร็จ รวมถึงดูจุดที่ทหารกัมพูชาเคยสร้างกระเช้าขึ้นมาและทหารไทยผลักดันออกจากพื้นที่ กลับไปอยู่ในแนวของกัมพูชา บริเวณด้านล่าง
.
โดยช่วงหนึ่งระบุว่า ขณะนี้ปัญหาเรื่องเส้นทางต่างๆได้ดำเนินการกว่า 8 กิโลเมตร เพื่อให้สามารถส่งกำลังบำรุงได้ แต่จะมีต้องมีการดำเนินการปรับปรุงเส้นทางเพิ่มเติม พร้อมย้ำว่า บนพื้นที่ภูมะเขือ ทหารไทยสามารถยึดพื้นที่ได้แบบเบ็ดเสร็จ ส่วนกำลังของฝ่ายตรวข้ามจะอยู่บริเวณด้านล่าง และยังมีการเพิ่มเติมกำลังเข้ามาในพื้นที่เคยตรึงกำลัง โดยทหารไทยก็เฝ้าระวังและตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการประเมิน การเติมกำลังถือเป็นการที่อาจจะรุกเข้ามา ดังนั้นทหารจึงได้เตรียมการรับมือกับสถานการณ์ทุกเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นในห้วงต่อไป
.
โดยนาย
รังสิมันต์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ ว่า ภูมะเขือเป็นจุดชัยภูมิที่มีความสำคัญ เห็นความเคลื่อนไหวฝั่งกัมพูชาได้อย่างชัดเจน หากมีความผิดปกติฝ่ายไทยก็จะรับรู้ได้ จุดที่น่าเป็นห่วงคือเมื่อไทยยึดได้ หากมีการขัดกันของอาวุธอีกครั้งหนึ่ง ภูมะเขือจะเป็นจุดแรก ๆ ที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นจึงต้องมีแผนรับมือการขัดกันของอาวุธที่ค่อนข้างรุนแรงด้วย เท่าที่ตนทราบมีโดรนของฝ่ายกัมพูชาเข้ามาเป็นระยะ ๆ ฝ่ายไทยจึงต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว
.
ในระยะสั้น กมธ.ให้ความสำคัญอยู่ 3 เรื่อง ได้แก่
1. การส่งกำลังบำรุงถนนหนทางต่าง ๆ อยากให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ คงจะได้มีการพูดคุยกับรัฐบาลต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร
2. อาหารการกินก็มีความสำคัญ เชื่อว่ามีความพยายามดูแลดีอยู่แล้ว
3. เครื่องมือทั้งเชิงรับเชิงรุก เช่น แอนตี้โดรน ฝ่ายกัมพูชากำลังจะไปเฟสของการใช้อาวุธที่ซื้อมาจากจีน ซึ่งอาจจะถูกนำมาใช้ในอนาคต
.
ดังนั้นไทยจะต้องส่งสัญญาณถึงทุกฝ่ายว่าไทยมีความพร้อม ซึ่งจะเป็นหลักประกันที่สำคัญต่อการสร้างความมั่นคงที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามจะมีการหารือร่วมกับพลเอก
ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลายตัวแทนของรัฐบาลส่วนอื่น ๆ ถึงเรื่องเร่งด่วนที่จะทำให้พื้นที่ความมั่นคงนี้ พื้นที่ที่มีความพร้อมต่อสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในรูปแบบต่าง ๆ
.
ขณะที่งบประมาณในการสนับสนุนกำลังในพื้นที่นั้น นายรังสิตมันต์ ระบุว่า พื้นที่ชายแดนมีปัญหาอยู่ 3 ส่วน ได้แก่
.
1. กฎหมาย เนื่องจากมีหน่วยงานรับผิดชอบหลายหน่วยงาน ทำให้เวลาที่จะแก้ปัญหาหรือเตรียมความพร้อมด้านความมั่นคงจำเป็นต้องประสานหน่วยงานจำนวนมาก ซึ่งจะต้องมีแผนระยะยาวว่าพื้นที่ด้านความมั่นคง จะต้องมีการกำหนดยุทธศาสตร์ฟังอย่างเป็นลักษณะเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดการทับซ้อนหรือปัญหาทางกฎหมายตามมา
.
2. พื้นที่ชายแดนเป็นพื้นที่ที่มีการทุ่มงบประมาณค่อนข้างน้อย สมัยก่อนคนจะบอกว่าเป็นพื้นที่สีเทา ซึ่งไม่ควรจะเป็นภาพแบบนั้นอีกแล้ว ควรจะเป็นพื้นที่ที่สร้างหลักประกันและความมั่นใจให้กับประชาชนให้ได้ จึงจำเป็นจะต้องแก้ปัญหาหลายอย่างที่ถูกทิ้งมาเป็นเวลานาน
.
3. ใช้เทคโนโลยีในการเปลี่ยนพื้นที่ สอดรับกับทางกองทัพไทยที่ต้องการนำเอาเทคโนโลยี เช่น เสาที่มีกล้องจับความเคลื่อนไหวได้ เพราะพื้นที่ชายแดนไม่ใช่จะคิดแต่ป้องกันอริราชศัตรู แต่ต้องคิดว่าหากมีการฝ่าฝืนหรือกระทำผิดกฎหมาย ไทยจำเป็นต้องรู้ด้วย ทั้งนี้ในกรอบ 4 เดือน ที่นาย
อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาลตาม MOA จะต้องบูรณาการระหว่างหน่วยงาน หากสร้างเอกภาพระหว่างหน่วยงานไม่ได้ การเตรียมพร้อมกับภัยที่อาจจะเกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องยากมาก
JJNY : 5in1 โรมเมินเบน สมิธ│โรมหวังยึดประโยชน์ประเทศ│โรมลุยจุดยึดภูมะเขือ│ทีดีอาร์ไอเตือนรัฐ│น้ำท่วมใหญ่เนปาลเสียชีวิต47
https://www.matichon.co.th/politics/news_5398186
.
.
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือเบน สมิธ ยื่นฟ้องร้องดำเนินคดี ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พร้อมเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งเป็นจำนวนเงิน 100 ล้านบาท ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ตนมองว่าวันนี้เราต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ คือทำอย่างไรให้ประเทศไทยรอดจากเงื้อมมือของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งตนคาดหวังว่ารัฐบาลจะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง แก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าไปถึงอำนาจรัฐอย่างไร เกี่ยวข้องกับบุคคลสำคัญต่างๆ อย่างไร
.
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า นายเบนจามินเป็นแค่ตัวอย่างหนึ่ง ยังมีอีกหลายเรื่อง หากเราไม่ใช้อำนาจในเวลานี้ ปกป้องจากประชาชนให้รอดจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก็เป็นห่วงว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะยึดประเทศเราไป
.
เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่นายเบนจามินมอบหมายให้มีการฟ้องร้อง นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตนไม่ค่อยได้ใส่ใจมากเท่าไหร่ และไม่ได้กังวลอะไร เรื่องในศาลก็ปล่อยให้เป็นไปตามหน้าที่ อาจจะมีการเรียกอีกเอกสารพยานมากยิ่งขึ้น จะได้นำคนมาสืบพยานเพิ่มขึ้นด้วย ไม่แน่ ตนอาจจะว่าความเองก็ได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่กังวล แต่แปลกใจว่าทำไมจึงใช้คณะของนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ซึ่งเป็นคณะทำงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่บอกว่าไม่มีความรู้จักกันเป็นการส่วนตัว ก็แปลกดี แต่ไม่ต้องไปใส่ใจ วันนี้ให้เอาเรื่องคอลเซ็นเตอร์เป็นหลัก อย่าให้เรื่องการฟ้องร้องมากลบเรื่องใหญ่ ที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของประชาชน
.
.
โรม หวัง รบ.ยึดประโยชน์ประเทศ ปมทำประชามติยกเลิก MOU43-44 ชี้ถ้ายกเลิกต้องหากรอบคุยเขมรได้ดีกว่าเดิม
https://www.matichon.co.th/politics/news_5398360
.
โรม หวัง รบ.ยึดผลประโยชน์ประเทศ ปมทำประชามติยกเลิก MOU43-44 ชี้ถ้ายกเลิกต้องหากรอบคุยเขมรได้ดีกว่าเดิม หวั่น เป็นแผนพาไทยไปศาลโลก
.
เมื่อเวลา 16.20 น. วันที่ 5 ตุลาคม ที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการให้ประชาชนทำประชามติว่าเห็นด้วยกับการยกเลิก MOU43-44 หรือไม่ ว่า ตอนนี้สภาฯกำลังตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาข้อดีข้อเสียของการ ยกเลิก MOU 2543 และ 2544 โดยมีนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยเป็นประธานคณะกรรมาธิการ ตนคิดว่าคณะกรรมาธิการชุดนี้มีภารกิจที่สำคัญมาก
.
เมื่อเป็นแนวทางที่รัฐบาลใส่เข้าไปในการแถลงนโยบายว่าจะมีการทำประชามติ ซึ่งเราต้องหวังพึ่งความสมบูรณ์ของข้อมูลในกรรมาธิการชุดนี้ เพราะกรรมาธิการต้องรวบรวมข้อมูลทั้งข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและมีอยู่ในปัจจุบัน บางฝั่งก็บอกว่าทางกัมพูชาไม่ปฏิบัติตามทาง MOU ละเมิด MOU กี่ครั้งจะต้องนำมาพิจารณา ตนไม่ได้อยู่ในคณะกรรมาธิการก็รออยู่เหมือนกัน ว่าผลการศึกษาจะออกมาเป็นอย่างไร
“การศึกษาก็ต้องมีการเผยแพร่ให้ประชาชน ความกังวลใจของผมก็มีอยู่ว่าจะศึกษากันอย่างไร และเผยแพร่อย่างไร ให้ทางฝ่ายกัมพูชาไม่รู้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน อาจจะต้องฝากท่านไชยชนกในฐานะประธาน และฝากท่านอนุทินในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่มีการเตรียมการเรื่องการทำประชามติ ว่าการที่ประชาชนจะไปทำประชามติ ผมอยากให้เป็นเรื่องของผลประโยชน์ของประเทศ ซึ่งต้องเอาข้อมูลมาว่ากัน ” นายรังสิมันต์กล่าว
นายรังสิมันต์ ยังย้ำว่า เป็นเรื่องเทคนิคมาก ตนยังไม่มั่นใจเลยว่า ส.ส. ในสภาจะเข้าใจเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ ดังนั้นการให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจ ต้องคำนึงว่าประชาชนจะต้องเข้าถึงข้อมูลมากเพียงพอ ก่อนที่จะตัดสินใจไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายได้
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่หากยกเลิก MOU จะทำให้ไทยไม่มีกรอบในการเจรจากับทางกัมพูชา เช่น GBC RBC และ JBC นายรังสิมันต์กล่าวว่า ใช่ ถ้าเราไม่พูดถึง MOU ปี 2543 และ 2544 ที่ผ่านมาจุดยืนของประเทศไทยอย่างหนึ่งก็คือการพูดคุยแบบทวิภาคี
.
“ถ้าไม่มี MOU 2543 หมายความว่ากลไกการพูดคุย แบบเป็นทางการที่เป็นทวิภาคีจะไม่มี เราต้องยอมรับว่าข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้ แต่ถ้ารัฐบาลจะยกเลิกจริง ๆ รัฐบาลก็ควรที่จะไปคุย เพื่อให้ได้กรอบที่ดีกว่า ลองนึกภาพตามผมนะครับไม่มี MOU 2543 ฝ่ายกัมพูชาอาจจะบอกว่า ต่อไปนี้ไม่มีกลไกทวิภาคีแล้วงั้นเราไปหาศาลโลก สมมติศาลโลกรับลูก มีการตัดสินออกมาไม่รู้ใครได้ใครเสียแต่มันก็จะได้แค่บางจุด ลองนึกภาพดูว่าเขาพระวิหารก็ต้องไปคุยกันอีก ในรายละเอียด ซึ่งต้องคุยในแบบทวิภาคี ท้ายสุดอาจจะกลับไปกรอบเดิม คือกรอบ MOU 2543 ที่ยกเลิกไปก็สูญเปล่า ที่ได้ใหม่ก็ไม่รู้จะดีกว่ากรอบเดิมหรือไม่ อาจจะไปเข้าทางกัมพูชาพี่พาเราไปศาลโลกสำเร็จ เรื่องเหล่านี้ต้องคิดต้องคุย ” นายรังสิมันต์กล่าว
.
นายรังสิมันต์ ย้ำว่า สำคัญกว่าเนื้อหาคือวิธีการ พอเราพูดถึงตรงนี้ตนก็เริ่มเป็นห่วงว่า กัมพูชาเข้าใจเทคนิควิธีการ หรือข้อมูลสำคัญบางอย่าง รวมถึงแนวทางสำคัญของฝ่ายไทย ซึ่งอาจจะทำให้ในระยะยาวไทยอาจเสียเปรียบได้ ดังนั้นต้องคิดให้รอบคอบ ตนอยากให้เรื่องนี้ตัดสินใจบนผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง ๆ ต้องเอาข้อมูลมากาง รวมทั้ง MOU 2544 ข้อมูลของบริษัทข้ามชาติที่เซ็นสัญญากันไปแล้ว ได้รับสัมปทานกันไปแล้ว หากไปทำเรื่องการวิจัยหรือสำรวจไปแล้วและไปยกเลิก บริษัทเหล่านี้เสียหายเขาจะฟ้องเราหรือไม่ เขาไม่ได้ฟ้องศาลไทยแต่ฟ้องอนุญาโตตุลาการขึ้นมา เราอาจเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้ ดังนั้นต้องคุยให้ละเอียดรอบคอบ
.
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่หากรัฐบาลเอาความพึงพอใจของประชาชนมาเป็นตัวตั้ง โดยที่ไม่อิงตามข้อมูลแล้วจะทำให้ประเทศเสียหาย นายรังสิมันต์ กล่าวว่า จุดสำคัญในการตัดสินใจ อยู่ที่ผลประโยชน์ของชาติโดยรวม คงไม่ใช่เรื่องอารมณ์หรือความรู้สึก
.
.
โรม ลุยจุดทหารไทยยึดภูมะเขือเบ็ดเสร็จ แนะรับมือให้ดีแอนตี้โดรน หวั่นเขมร ซื้ออาวุธจีนเฟส 2
https://www.matichon.co.th/politics/news_5398384
.
โรม ลุยจุดทหารไทยยึดภูมะเขือเบ็ดเสร็จ แนะรับมือให้ดีแอนตี้โดรน หวั่นเขมร ซื้ออาวุธจีนเฟส 2 ผู้พันจักรกฤษณ์ ยัน เฝ้าระวังต่อเนื่อง ย้ำต้องซ่อมบำรุงเส้นทาง
.
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะกมธ.ฯ เดินทางลงพื้นที่ยอดภูมะเขือ จุดยุทธศาสตร์ไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อติดตามปัญหาด้านความมั่นคง โดยมี พันโท จักรกฤษณ์ ขุริรัง ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 11 ในฐานะหัวหน้าชุดที่ประจำพื้นที่ และเป็นผู้ทึ่ปักธงชาติไทยในวันที่ยึดพื้นที่ภูมะเขือคืนจากกัมพูชาได้ เป็นผู้ให้ข้อมูล และพาดูพื้นที่แนวเขตอธิปไตยของไทย ที่ทหารไทยตรึงกำลังยึดพื้นที่ไว้แบบเบ็ดเสร็จ รวมถึงดูจุดที่ทหารกัมพูชาเคยสร้างกระเช้าขึ้นมาและทหารไทยผลักดันออกจากพื้นที่ กลับไปอยู่ในแนวของกัมพูชา บริเวณด้านล่าง
.
โดยช่วงหนึ่งระบุว่า ขณะนี้ปัญหาเรื่องเส้นทางต่างๆได้ดำเนินการกว่า 8 กิโลเมตร เพื่อให้สามารถส่งกำลังบำรุงได้ แต่จะมีต้องมีการดำเนินการปรับปรุงเส้นทางเพิ่มเติม พร้อมย้ำว่า บนพื้นที่ภูมะเขือ ทหารไทยสามารถยึดพื้นที่ได้แบบเบ็ดเสร็จ ส่วนกำลังของฝ่ายตรวข้ามจะอยู่บริเวณด้านล่าง และยังมีการเพิ่มเติมกำลังเข้ามาในพื้นที่เคยตรึงกำลัง โดยทหารไทยก็เฝ้าระวังและตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการประเมิน การเติมกำลังถือเป็นการที่อาจจะรุกเข้ามา ดังนั้นทหารจึงได้เตรียมการรับมือกับสถานการณ์ทุกเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นในห้วงต่อไป
.
โดยนายรังสิมันต์ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ ว่า ภูมะเขือเป็นจุดชัยภูมิที่มีความสำคัญ เห็นความเคลื่อนไหวฝั่งกัมพูชาได้อย่างชัดเจน หากมีความผิดปกติฝ่ายไทยก็จะรับรู้ได้ จุดที่น่าเป็นห่วงคือเมื่อไทยยึดได้ หากมีการขัดกันของอาวุธอีกครั้งหนึ่ง ภูมะเขือจะเป็นจุดแรก ๆ ที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นจึงต้องมีแผนรับมือการขัดกันของอาวุธที่ค่อนข้างรุนแรงด้วย เท่าที่ตนทราบมีโดรนของฝ่ายกัมพูชาเข้ามาเป็นระยะ ๆ ฝ่ายไทยจึงต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว
.
ในระยะสั้น กมธ.ให้ความสำคัญอยู่ 3 เรื่อง ได้แก่
1. การส่งกำลังบำรุงถนนหนทางต่าง ๆ อยากให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ คงจะได้มีการพูดคุยกับรัฐบาลต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร
2. อาหารการกินก็มีความสำคัญ เชื่อว่ามีความพยายามดูแลดีอยู่แล้ว
3. เครื่องมือทั้งเชิงรับเชิงรุก เช่น แอนตี้โดรน ฝ่ายกัมพูชากำลังจะไปเฟสของการใช้อาวุธที่ซื้อมาจากจีน ซึ่งอาจจะถูกนำมาใช้ในอนาคต
.
ดังนั้นไทยจะต้องส่งสัญญาณถึงทุกฝ่ายว่าไทยมีความพร้อม ซึ่งจะเป็นหลักประกันที่สำคัญต่อการสร้างความมั่นคงที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามจะมีการหารือร่วมกับพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หลายตัวแทนของรัฐบาลส่วนอื่น ๆ ถึงเรื่องเร่งด่วนที่จะทำให้พื้นที่ความมั่นคงนี้ พื้นที่ที่มีความพร้อมต่อสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในรูปแบบต่าง ๆ
.
ขณะที่งบประมาณในการสนับสนุนกำลังในพื้นที่นั้น นายรังสิตมันต์ ระบุว่า พื้นที่ชายแดนมีปัญหาอยู่ 3 ส่วน ได้แก่
.
1. กฎหมาย เนื่องจากมีหน่วยงานรับผิดชอบหลายหน่วยงาน ทำให้เวลาที่จะแก้ปัญหาหรือเตรียมความพร้อมด้านความมั่นคงจำเป็นต้องประสานหน่วยงานจำนวนมาก ซึ่งจะต้องมีแผนระยะยาวว่าพื้นที่ด้านความมั่นคง จะต้องมีการกำหนดยุทธศาสตร์ฟังอย่างเป็นลักษณะเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดการทับซ้อนหรือปัญหาทางกฎหมายตามมา
.
2. พื้นที่ชายแดนเป็นพื้นที่ที่มีการทุ่มงบประมาณค่อนข้างน้อย สมัยก่อนคนจะบอกว่าเป็นพื้นที่สีเทา ซึ่งไม่ควรจะเป็นภาพแบบนั้นอีกแล้ว ควรจะเป็นพื้นที่ที่สร้างหลักประกันและความมั่นใจให้กับประชาชนให้ได้ จึงจำเป็นจะต้องแก้ปัญหาหลายอย่างที่ถูกทิ้งมาเป็นเวลานาน
.
3. ใช้เทคโนโลยีในการเปลี่ยนพื้นที่ สอดรับกับทางกองทัพไทยที่ต้องการนำเอาเทคโนโลยี เช่น เสาที่มีกล้องจับความเคลื่อนไหวได้ เพราะพื้นที่ชายแดนไม่ใช่จะคิดแต่ป้องกันอริราชศัตรู แต่ต้องคิดว่าหากมีการฝ่าฝืนหรือกระทำผิดกฎหมาย ไทยจำเป็นต้องรู้ด้วย ทั้งนี้ในกรอบ 4 เดือน ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นรัฐบาลตาม MOA จะต้องบูรณาการระหว่างหน่วยงาน หากสร้างเอกภาพระหว่างหน่วยงานไม่ได้ การเตรียมพร้อมกับภัยที่อาจจะเกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องยากมาก