สวัสดีเพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกคน
กระทู้นี้อาจจะยาวไปสักหน่อย อย่างที่บอก มันจะเป็นกระทู้แรก และกระทู้สุดท้ายของเราที่เกี่ยวกับที่ทำงาน
ต้องเริ่มจากย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนที่เราได้เข้ามาทำงานบริษัทนี้ ซึ่งเป็นบริษัทตรวจสอบบัญชี Big 4 ย่านสาทร ก่อนหน้านี้เราก็เป็นแค่คนที่ร่าเริง ธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งมีความกระตือรือร้นที่จะทำงานและต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับงานต่างๆ ก่อนที่เราจะย้ายมาที่นี่ เราก็เคยทำงานแบบนี้มาก่อน แต่ก็มีความรู้ไม่มากนัก ต่อมาย้ายมาที่นี่เราก็ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ เพราะว่าทั้งสองที่การทำงานแตกต่างกันมาก
เราจะเข้าเรื่องเลยแล้วกัน เราได้รับคำสั่งจากเจ้านายมา หน้าที่ก็คือทำตามคำสั่ง แต่ปัญหาก็คือ วันนี้เขาสั่งอย่างหนึ่ง แต่พรุ่งนี้เขาก็เปลี่ยนคำสั่งที่สั่งไปวันนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง เอาจริงๆเราไม่ได้เป็นคนที่จะปกป้องตัวเองเลย ใครว่าอะไรก็ว่าตามนั้น ไม่เคยมีอะไรเป็นลายลักษณ์อักษร (อย่าเพิ่งด่าค่ะ อ่านให้จบแล้วด่าทีเดียว) แต่เมื่อทำผิด แน่นอนมันก็ต้องถูกด่า ซึ่งเราก็ยอมรับว่าเราผิดจริงๆ แต่หลังจากนั้นมา เราก็ถูกตำหนิเรื่องทำไม่ตรงคำสั่งอีก โดนทุกวันจนเริ่มไม่กล้าทำอะไรด้วยตัวเอง ก่อนจะทำอะไรก็ต้องถามก่อนตลอด ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่กล้าออกความคิดเห็น หรือแม้กระทั่งไม่กล้าที่จะเถียงกลับในเรื่องที่ตัวเองไม่ผิด จนกลายเป็น (โรคซึมเศร้า) ไปในที่สุด จนทำให้สมองบางครั้งก็สับสน แต่ก็ยังทำงานได้ แต่ทำงานได้ช้าลง สมองสั่งการช้าลงมาก จึงทำให้ทำงานช้ากว่าคนอื่น และต้องเร่งทำงานจนบางทีก็หามรุ่งหามค่ำ ทุ่มเทกับมันมากขึ้นเป็น 2-3 เท่า เพราะรู้ว่าตัวเองช้า แต่ก็มีทำผิดจนต้องถูกต่อว่าอีกและทุกครั้งที่ถูกต่อว่า ก็จะเป็นในที่โล่งแจ้งเพราะว่ามันไม่มีห้องทำงาน และทุกครั้งที่เขาด่าก็จะได้ยินกันทั้งชั้นเพราะเขาจงใจพูดเสียงดัง และเพราะว่าบริษัทเงียบมากๆ ซึ่งเราไม่เคยโกรธหัวหน้าเลยนะคะ เคารพและรักเขามากด้วยซ้ำ ว่าเขาตำหนิเราเพราะว่าอยากให้เราดีขึ้น แต่เริ่มสังเกตได้ว่าสายตาทั้งหมดของคนแถวนั้น มองเราไม่เหมือนเดิม หลังจากกลับมาบ้านเราก็ร้องไห้ทุกวัน และมีเสียงในหัวว่า "แกมันไม่เก่ง แกมันเป็นภาระ แกมันทำอะไรก็ไม่สำเร็จ จะเกิดมาทำไมวะ" แต่ก็อดทนทำงานกับเขามา 10 กว่าปี เพียงเพราะว่าอยากจะช่วยพี่เขา และบริษัทก็ไม่ได้ผิดอะไร
แต่เราก็เริ่มทำร้ายตัวเองเริ่มจากเอาอะไรแหลมๆ ใกล้ตัวมาขีดส่วนไหนก็ได้ที่ทำให้ตัวเองเจ็บ หยิกตัวเอง ทึ้งผม เพื่อที่จะได้เตือนสติตัวเองว่ายังคงมีชีวิตอยู่ ปวดหัวก็ทุบหัวตัวเอง จนมาถึงจุดๆหนึ่งที่เราจะฆ่าตัวตาย คิดถึงมันทุกวินาที วางแผนทุกรูปแบบความเป็นไปได้ และจะลงมือทำ แต่สุดท้ายหน้าแม่ก็ลอยเข้ามาจึงเปลี่ยนความคิดและรีบไปพบหมอ ถามว่าเราเล่าเรื่องนี้ให้หัวหน้าฟังมั้ย เราเล่านะว่าอาการมันเป็นยังไง แต่เขาบอกว่า น้องชายเขาก็เป็น คนนั้นก็เป็น คนนี้ก็เป็น แกก็นั่งสมาธิสิ คิดเรื่องดีๆสิ ด้วยประโยคเหล่านี้จึงทำให้เรารู้ว่าเขาไม่เคยเข้าใจและไม่คิดจะเข้าใจด้วยซ้ำ
ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยขอลาออกนะ เราเคยขอลาออกมาทั้งหมด 2 ครั้ง แต่เขาไม่ยอมให้ออก เราก็เลยอยู่ต่อ
แต่เมื่อไม่นานมานี้คำพูดของเขาที่ทำให้เราตระหนักได้ว่าเราจะห่วงเขา หรือเคารพเขาไปทำไมวะ ก็คือ
1. เขาด่าเราเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ และเอาเราไปเทียบกับน้องอีกคนในแผนก
2. เขาถามเราว่า "ถามจริงๆ แกยังอยากทำงานกับชั้นอยู่หรือเปล่า" เราก็ตอบไปว่า "ยังอยากทำค่ะ" เขาก็บอกว่า "ที่อยากทำนี่เพราะว่าอยากทำจริงๆ หรือว่าไม่มีที่ไป"
3. ถ้าจะทำงานก็ทำให้มันดี อย่าสร้างปัญหา และอย่าเป็นภาระให้ชั้นกับน้องต้องคอยตามแก้ ตามเช็ดตามล้าง
4. คนอย่างแกจะไปทำอะไรได้ ชั้นเชื่อว่าแกไม่มีทางได้ดีกว่าชั้น หรือโตได้เท่าชั้น
5. ถ้าแกยังอยู่ชั้นก็ไม่สามารถเลื่อนขั้นให้น้องได้ แกก็จะเป็นตัวขวางความเจริญของน้องอีก
6. ต่อให้แกร้องไห้เป็นสายเลือด ชั้นก็ไม่ขอโทษหรอกนะ เพราะว่าชั้นไม่ผิด ชั้นไม่สน
7. ไม่เข้าใจอะไรก็ถามสิ แต่พอถามก็โดนด่า แล้วก็โบ้ยให้น้องอีกคนตอบเราแทน โชว์ให้รู้ไปเลยว่าเราโง่กว่าน้องคนนั้น
8. ทันทีที่เราลุกขึ้นกลับบ้านปุ๊ป ก็นินทาเรากันปั๊ป อันนี้เราไม่ได้คิดไปเอง เพราะว่าแอบเดินอ้อมไปฟังอยู่ บอกแล้วว่าออฟฟิศมันเงียบ
9. คุยกับเราด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย คุยกับน้องด้วยน้ำเสียงร่าเริง
10. น้องทำอะไรถูกหมด เราทำอะไรผิดหมด
11. เราทำถูกไม่เคยชม หรือต่อให้ชมก็ไปพูดกับเราแค่ 2 คนเท่านั้น
12. แม้กระทั่งเรื่องทรงผมของเราก็ไม่ถูกใจ คือเราก็จะตวัดผมขึ้นไปแล้วหนีบเก็บผม เขาก็บอกว่าให้เราทำผมดีๆ ทำผมแบบนี้อย่างกับแม่ค้าขายของตามตลาด เอาจริงๆ เราก็เห็นน้องออดิททำทรงนี้อยู่หลายคนนะ ไม่เห็นโดน
13. ชั้นคงต้องให้งานแกน้อยลงนะ เพราะว่าแกทำงานไม่มีประสิทธิภาพ หรือถ้าแกจะทำเท่าเดิมก็ทำให้มันดีๆ อย่ามาเป็นภาระ
แม้กระทั่งการพูดคุยสุดท้ายของเราเมื่อไม่กี่วันก่อนก็คือ "ถ้าแกจะลาออกก็ออกได้เลยนะ เพราะว่าชั้นมีคนเตรียมไว้อยู่แล้ว"
และใช่ค่ะ เรายื่นลาออกแล้ว เพราะว่าตื่นเช้ามาก็ไม่อยากไปทำงาน และไม่รู้ว่าวันนี้จะเจอกับคำพูดแบบไหน ใจสั่น มือสั่น หายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนแผ่นดินไหวตลอดเวลา
ปัจจุบันเรายังคงรักษาโรคซึมเศร้าจากที่เหมือนจะดีขึ้นก็คือดิ่งลงไปลึกกว่าเดิมเพราะคำพูดเหล่านี้แหละค่ะ
นี่จะเป็นโพสต์แรกและโพสต์สุดท้ายในชีวิตการทำงาน
กระทู้นี้อาจจะยาวไปสักหน่อย อย่างที่บอก มันจะเป็นกระทู้แรก และกระทู้สุดท้ายของเราที่เกี่ยวกับที่ทำงาน
ต้องเริ่มจากย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนที่เราได้เข้ามาทำงานบริษัทนี้ ซึ่งเป็นบริษัทตรวจสอบบัญชี Big 4 ย่านสาทร ก่อนหน้านี้เราก็เป็นแค่คนที่ร่าเริง ธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งมีความกระตือรือร้นที่จะทำงานและต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับงานต่างๆ ก่อนที่เราจะย้ายมาที่นี่ เราก็เคยทำงานแบบนี้มาก่อน แต่ก็มีความรู้ไม่มากนัก ต่อมาย้ายมาที่นี่เราก็ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ เพราะว่าทั้งสองที่การทำงานแตกต่างกันมาก
เราจะเข้าเรื่องเลยแล้วกัน เราได้รับคำสั่งจากเจ้านายมา หน้าที่ก็คือทำตามคำสั่ง แต่ปัญหาก็คือ วันนี้เขาสั่งอย่างหนึ่ง แต่พรุ่งนี้เขาก็เปลี่ยนคำสั่งที่สั่งไปวันนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง เอาจริงๆเราไม่ได้เป็นคนที่จะปกป้องตัวเองเลย ใครว่าอะไรก็ว่าตามนั้น ไม่เคยมีอะไรเป็นลายลักษณ์อักษร (อย่าเพิ่งด่าค่ะ อ่านให้จบแล้วด่าทีเดียว) แต่เมื่อทำผิด แน่นอนมันก็ต้องถูกด่า ซึ่งเราก็ยอมรับว่าเราผิดจริงๆ แต่หลังจากนั้นมา เราก็ถูกตำหนิเรื่องทำไม่ตรงคำสั่งอีก โดนทุกวันจนเริ่มไม่กล้าทำอะไรด้วยตัวเอง ก่อนจะทำอะไรก็ต้องถามก่อนตลอด ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่กล้าออกความคิดเห็น หรือแม้กระทั่งไม่กล้าที่จะเถียงกลับในเรื่องที่ตัวเองไม่ผิด จนกลายเป็น (โรคซึมเศร้า) ไปในที่สุด จนทำให้สมองบางครั้งก็สับสน แต่ก็ยังทำงานได้ แต่ทำงานได้ช้าลง สมองสั่งการช้าลงมาก จึงทำให้ทำงานช้ากว่าคนอื่น และต้องเร่งทำงานจนบางทีก็หามรุ่งหามค่ำ ทุ่มเทกับมันมากขึ้นเป็น 2-3 เท่า เพราะรู้ว่าตัวเองช้า แต่ก็มีทำผิดจนต้องถูกต่อว่าอีกและทุกครั้งที่ถูกต่อว่า ก็จะเป็นในที่โล่งแจ้งเพราะว่ามันไม่มีห้องทำงาน และทุกครั้งที่เขาด่าก็จะได้ยินกันทั้งชั้นเพราะเขาจงใจพูดเสียงดัง และเพราะว่าบริษัทเงียบมากๆ ซึ่งเราไม่เคยโกรธหัวหน้าเลยนะคะ เคารพและรักเขามากด้วยซ้ำ ว่าเขาตำหนิเราเพราะว่าอยากให้เราดีขึ้น แต่เริ่มสังเกตได้ว่าสายตาทั้งหมดของคนแถวนั้น มองเราไม่เหมือนเดิม หลังจากกลับมาบ้านเราก็ร้องไห้ทุกวัน และมีเสียงในหัวว่า "แกมันไม่เก่ง แกมันเป็นภาระ แกมันทำอะไรก็ไม่สำเร็จ จะเกิดมาทำไมวะ" แต่ก็อดทนทำงานกับเขามา 10 กว่าปี เพียงเพราะว่าอยากจะช่วยพี่เขา และบริษัทก็ไม่ได้ผิดอะไร
แต่เราก็เริ่มทำร้ายตัวเองเริ่มจากเอาอะไรแหลมๆ ใกล้ตัวมาขีดส่วนไหนก็ได้ที่ทำให้ตัวเองเจ็บ หยิกตัวเอง ทึ้งผม เพื่อที่จะได้เตือนสติตัวเองว่ายังคงมีชีวิตอยู่ ปวดหัวก็ทุบหัวตัวเอง จนมาถึงจุดๆหนึ่งที่เราจะฆ่าตัวตาย คิดถึงมันทุกวินาที วางแผนทุกรูปแบบความเป็นไปได้ และจะลงมือทำ แต่สุดท้ายหน้าแม่ก็ลอยเข้ามาจึงเปลี่ยนความคิดและรีบไปพบหมอ ถามว่าเราเล่าเรื่องนี้ให้หัวหน้าฟังมั้ย เราเล่านะว่าอาการมันเป็นยังไง แต่เขาบอกว่า น้องชายเขาก็เป็น คนนั้นก็เป็น คนนี้ก็เป็น แกก็นั่งสมาธิสิ คิดเรื่องดีๆสิ ด้วยประโยคเหล่านี้จึงทำให้เรารู้ว่าเขาไม่เคยเข้าใจและไม่คิดจะเข้าใจด้วยซ้ำ
ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยขอลาออกนะ เราเคยขอลาออกมาทั้งหมด 2 ครั้ง แต่เขาไม่ยอมให้ออก เราก็เลยอยู่ต่อ
แต่เมื่อไม่นานมานี้คำพูดของเขาที่ทำให้เราตระหนักได้ว่าเราจะห่วงเขา หรือเคารพเขาไปทำไมวะ ก็คือ
1. เขาด่าเราเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ และเอาเราไปเทียบกับน้องอีกคนในแผนก
2. เขาถามเราว่า "ถามจริงๆ แกยังอยากทำงานกับชั้นอยู่หรือเปล่า" เราก็ตอบไปว่า "ยังอยากทำค่ะ" เขาก็บอกว่า "ที่อยากทำนี่เพราะว่าอยากทำจริงๆ หรือว่าไม่มีที่ไป"
3. ถ้าจะทำงานก็ทำให้มันดี อย่าสร้างปัญหา และอย่าเป็นภาระให้ชั้นกับน้องต้องคอยตามแก้ ตามเช็ดตามล้าง
4. คนอย่างแกจะไปทำอะไรได้ ชั้นเชื่อว่าแกไม่มีทางได้ดีกว่าชั้น หรือโตได้เท่าชั้น
5. ถ้าแกยังอยู่ชั้นก็ไม่สามารถเลื่อนขั้นให้น้องได้ แกก็จะเป็นตัวขวางความเจริญของน้องอีก
6. ต่อให้แกร้องไห้เป็นสายเลือด ชั้นก็ไม่ขอโทษหรอกนะ เพราะว่าชั้นไม่ผิด ชั้นไม่สน
7. ไม่เข้าใจอะไรก็ถามสิ แต่พอถามก็โดนด่า แล้วก็โบ้ยให้น้องอีกคนตอบเราแทน โชว์ให้รู้ไปเลยว่าเราโง่กว่าน้องคนนั้น
8. ทันทีที่เราลุกขึ้นกลับบ้านปุ๊ป ก็นินทาเรากันปั๊ป อันนี้เราไม่ได้คิดไปเอง เพราะว่าแอบเดินอ้อมไปฟังอยู่ บอกแล้วว่าออฟฟิศมันเงียบ
9. คุยกับเราด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย คุยกับน้องด้วยน้ำเสียงร่าเริง
10. น้องทำอะไรถูกหมด เราทำอะไรผิดหมด
11. เราทำถูกไม่เคยชม หรือต่อให้ชมก็ไปพูดกับเราแค่ 2 คนเท่านั้น
12. แม้กระทั่งเรื่องทรงผมของเราก็ไม่ถูกใจ คือเราก็จะตวัดผมขึ้นไปแล้วหนีบเก็บผม เขาก็บอกว่าให้เราทำผมดีๆ ทำผมแบบนี้อย่างกับแม่ค้าขายของตามตลาด เอาจริงๆ เราก็เห็นน้องออดิททำทรงนี้อยู่หลายคนนะ ไม่เห็นโดน
13. ชั้นคงต้องให้งานแกน้อยลงนะ เพราะว่าแกทำงานไม่มีประสิทธิภาพ หรือถ้าแกจะทำเท่าเดิมก็ทำให้มันดีๆ อย่ามาเป็นภาระ
แม้กระทั่งการพูดคุยสุดท้ายของเราเมื่อไม่กี่วันก่อนก็คือ "ถ้าแกจะลาออกก็ออกได้เลยนะ เพราะว่าชั้นมีคนเตรียมไว้อยู่แล้ว"
และใช่ค่ะ เรายื่นลาออกแล้ว เพราะว่าตื่นเช้ามาก็ไม่อยากไปทำงาน และไม่รู้ว่าวันนี้จะเจอกับคำพูดแบบไหน ใจสั่น มือสั่น หายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนแผ่นดินไหวตลอดเวลา
ปัจจุบันเรายังคงรักษาโรคซึมเศร้าจากที่เหมือนจะดีขึ้นก็คือดิ่งลงไปลึกกว่าเดิมเพราะคำพูดเหล่านี้แหละค่ะ