JJNY : “ชัชชาติ”แจงทุบ สน.สามเสน เลื่อนเปิด│แม่น้ำมูลเพิ่มสูง อพยพหนี│ชาวบ้านอยากให้ปะทะ│แนวโน้มไฟป่าแรงพุ่งสูงทั่วโลก

“ชัชชาติ” แจงทุบ สน.สามเสน รฟม.-ผู้รับเหมาออกค่าใช้จ่าย เลื่อนเปิดผิวจราจรไม่มีกำหนด
.
.
ผู้ว่าฯ ชัชชาติแจงเตรียมรื้อ สน.สามเสน มูลค่ากว่า 40 ล้าน รฟม.-ผู้รับเหมาออกค่าใช้จ่าย ย้ำซ่อมไม่คุ้มสร้างใหม่ รับเลื่อนเปิดผิวจราจรไม่มีกำหนด
.
วันที่ 4 ต.ค. 68 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงกรณีเตรียมรื้ออาคารใหม่ สน.สามเสน ว่า หลังจากเมื่อวันที่ 3 ต.ค. นายกรัฐมนตรีได้มาเยี่ยมตอนประมาณ 4 ทุ่ม โดยมีข้อสั่งการให้ดูเรื่องสถานีตำรวจให้ดี เพราะมีการทรุดตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อเช้าก็มีการประชุมโดยเป็นคณะกรรมการที่ตั้งมาเสริม เป็นกลุ่มที่มีคณะทำงานด้านเทคนิคทั้งทางตำรวจ รฟม. กรมโยธา และกทม. รวมไปถึงผู้รับเหมาประชุมร่วมกัน
.
นายชัชชาติบอกว่า ที่ผ่านมามีการถมทรายเข้าไปประมาณ 3,000 ลูกบาศก์เมตร และพยายามทำเข็มเพิ่มเติมตรงเสาเข็มที่ขาด แต่พบว่ามีบางส่วนที่มีรอยร้าวและมีดินสไลด์ โดยเสาต้นที่ 3 ของสถานีตำรวจมีการชำรุดหรือเสียหายเพิ่มเติม ทำให้ต้องประเมินสถานการณ์กันใหม่
.
โดยเมื่อเช้าผลประเมินจากฝ่ายเทคนิคคิดว่า ถ้าไม่รื้อถอนตอนนี้จะมีอุปสรรคในการเอาดินกลับคืน และมีความเสี่ยงที่ตึกจะถล่มลงมาระหว่างการแก้ไขได้ ซึ่งทางตำรวจก็ไม่มีความขัดข้อง โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดทาง รฟม. และผู้รับเหมาจะเป็นผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว รวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท
.
นอกจากนี้ มีการสั่งการ 6 ประเด็น คือ 1. ให้นำรถออกจาก สน.สามเสน รวมประมาณ 30 คัน และเริ่มเจาะกำแพงด้านหลังอาคาร 2. เริ่มรื้อถอนอาคารบางส่วน โดยจะเริ่มส่วนขวาสุดที่เป็นจุดเสี่ยงเพื่อลดน้ำหนัก 3. เสริมความมั่นคงด้านฝั่งสามเสนที่ติดกับแยกวชิระ เพื่อไม่ให้ดินสไลด์ตัวเพิ่ม 4. เสริมความแข็งแรงของอุโมงค์ใต้ดินด้านล่าง 5. ติดตามประเมินความมั่นคงของแฟลตตำรวจ และ 6. ติดตามความมั่นคงของอาคาร รพ.วชิระ
.
ซึ่งขบวนการทั้ง 6 กระบวนการนี้ สามารถเริ่มได้เลยตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 4 ต.ค. ส่วนกำหนดการแล้วเสร็จอาจจะคลาดเคลื่อน โดยยังไม่ได้ระบุและวันเวลา แต่เน้นว่าจะต้องยึดความปลอดภัยเป็นหลัก รวมทั้งจะต้องขยายเวลาในการเปิดผิวจรจาจรจากเดิมวันที่ 9 ต.ค. ออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ต้องดูสถานการณ์อีกครั้ง ซึ่งการจราจรก็ไม่ได้วิกฤติมากเนื่องจากโรงเรียนปิดอยู่
.
โดยสาเหตุในการรื้อครั้งนี้ เป็นเพราะเริ่มแรกที่หลุมยุบทำให้ดินสไลด์ส่งผลให้เสาต้นที่ 5 ของสน.ชำรุด ซึ่งเป็นเสาหลักในการรับน้ำหนัก และดินสไลด์ ทำให้มีความเสียหายต่อเนื่องเพิ่มเติมมายังเสาที่ 3 ซึ่งไม่ได้เกิดจากการที่คนงานนำเครื่องจักรไปถมทรายบริเวณใต้ สน.
.
จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีมติสั่งรื้อตั้งแต่ข้างบนบางส่วนก่อนลงมา เพื่อให้ลดน้ำหนัก โดยวิธีการรื้อถอนจะแยกเป็นชิ้น ๆใส่รถ และขนออกไปยังพื้นที่ที่รองรับไว้ ซึ่งจะไม่มีการเก็บวัสดุไว้ในพื้นที่เด็ดขาด แต่ก็ต้องใช้เวลา เพื่อความปลอดภัย แต่ตามหลักวิศวกรรมแล้ว ในอนาคตมีโอกาสรื้อทั้งอาคาร สน. เพราะตามอาคารนี้ถือเป็นอาคารใหม่ ความเสียหายที่บิดเบี้ยว ไม่สามารถใช้งานต่อได้ ซึ่งงบประมาณในการซ่อมอาจจะมากกว่าที่ต้องสร้างใหม่
.
ส่วนอาคารอื่น ๆ โดยรอบ พบว่าตอนนี้มีความปลอดภัย อย่างกรณีแฟลตตำรวจเก่าที่อยู่ด้านหลัง จากการตรวจสอบมีความปลอดภัย รวมทั้งบ้านเรือนประชาชนที่เป็รอาคารพานิชย์ โดยเฉพาะรพ.วชิระ ไม่มีการเคลื่อนไหวตั้งแต่วันแรก เนื่องจากมีอุปกรณ์ในการเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของอาคารพานิชย์และแฟลตรวมทั้งอุโมงค์ใต้ดินจะต้องมีการมอนิเตอร์อยู่ตลอด
.
สำหรับหน้างานในเวลานี้ แม้จะมีฝนตกหนักลงมา ก็ไม่ได้เป็นอุสรรค เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้รองรับเพียงพอต่อการระบายน้ำ
.
ขณะที่ นายกิตติกร ตันเปาว์ รองผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า ในเรื่องของข้อสรุปถึงสาเหตุความเสียหาย ยังไม่สามารถประเมินได้ หรือยังไม่มีมติใด ๆ เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างเร่งกู้สภาพผิวจราจร รวมถึงอาคารรอบข้างก่อน เพื่อไม่ให้ขยายวงกว้างไปกว่านี้
.

.
แม่น้ำมูลเพิ่มสูง อพยพหนี
.
ข่าวเด็ด 7 สี - แม่น้ำมูลที่อุบลราชธานี เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ชาวบ้านชุมชนริมน้ำ ต้องอพยพทิ้งบ้านไปอยู่ที่พักชั่วคราว
.
แม่น้ำมูลที่สถานีวัดน้ำสะพานเสรีประชาธิปไตย M7 ยังมีน้ำสูงขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ย 5-10 เซนติเมตร ตอนนี้น้ำล้นตลิ่งสูงกว่า 1 เมตร 40 เซนติเมตรแล้ว และยังมีน้ำตอนบนไหลลงมาต่อเนื่อง
.
ส่งผลให้บ้านเรือนที่อยู่ริมแม่น้ำมูล ชุมชนวัดบูรพา 2 ซึ่งตั้งอยู่ติดแม่น้ำมูล ถูกแม่น้ำมูลล้นตลิ่งเข้าท่วม จนพักอาศัยอยู่ไม่ได้ ต้องอพยพข้าวของเครื่องใช้เข้าพักอาศัยในเต็นท์ ที่เทศบาลนครอุบลราชธานี มากางให้พักอาศัยอยู่ริมถนนบูรพา ในฝั่งอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
.
โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปช่วยเหลืออพยพผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง ออกไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย
.

.
สุดทน! ชาวบ้านอยากให้ปะทะ หวังจบไวหลังทหารกัมพูชา ยิงยั่วยุทุกวัน
https://www.dailynews.co.th/news/5172076/
.
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดหนัก! ชาวบ้านสุรินทร์ใกล้ 'ปราสาทตาควาย' เผยสุดหวาดระแวง ไม่เป็นอันทำกิน วอนรัฐบาล 'เปิดไฟเขียว' ให้ทหารจัดการปัญหาเพื่อความสงบสุข
.
เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงบรรยากาศที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ บรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา ชาวบ้านต่างพากันอพยพออกจากพื้นที่บางส่วน ร้านอาหาร อู่ซ่อมรถ ร้านค้าต่างๆ พากันปิดร้านเงียบกริบ แต่ยังมีเจ้าหน้าที่ อปพร. ชรบ. และผู้นำชุมชนที่ยังอยู่ บางคนก็ทิ้งสัตว์เลี้ยง เช่น วัวควายเอาไว้ให้กับทางผู้นำชุมชนช่วยดูแล
.
ส่วนชาวบ้านที่ยังอยู่ก็อยู่ด้วยความจำเป็นและหวาดระแวง บางครอบครัวสร้างหลุมหลบภัย หรือบังเกอร์หลบภัยเป็นของตัวเองและเตรียมเตรียมข้าวของเอาใส่รถไว้เตรียมพร้อมอพยพตลอดเวลา ชาวบ้านบางคนออกไปกรีดยางพารา หรือไปดูไร่นาต่างๆ ที่อยู่ติดแนวชายแดน เจ้าหน้าที่ทหารก็เตือนหากไม่จำเป็นอย่าเพิ่งเข้าพื้นที่ระยะนี้ บอกแต่เพียงว่าช่วงนี้อันตรายเพราะมีเสียงปืนเล็กของทหารกัมพูชายิงยั่วยุอยู่บ่อยครั้ง ให้ทุกคนเตรียมพร้อมตลอดเวลา
.
น.ส.ชลิตา อายุ 35 ปี บ้านอยู่ไม่ห่างจากปราสาทตาควาย กล่าวว่า อยากให้สถานการณ์ชายแดนจบไวๆ ตอนนี้ไม่ได้ทำมาหากินอะไรเลย อยู่แบบหวาดระแวงวันต่อวัน อยากจะเป็นทหารถือปืนไปยิงเอง ทุกวันนี้อยู่แบบกังวลมาก แค่ได้ยินเสียงฟ้าร้องหรือได้ยินเสียงอะไรที่เป็นเสียงดังก็ตกใจ เพราะว่าตรงนี้ห่างจากปราสาทไม่ไกล มีเสียงปะทะกันก็ได้ยินบ่อย ก็เลยต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ เตรียมพร้อมทุกวัน
.
อยากจะฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐบาลว่า อยากให้มันจบไวๆ อยากจะให้เปิดไฟเขียวให้ทหารดำเนินการจัดการให้จบ ตอนนี้ก็อยู่แทบไม่ไหวแล้ว ไม่ได้ทำมาหากินอะไรเลย อยู่แต่ละวันต้องระแวง นอนไม่หลับทุกวัน” น.ส.ชลิตา กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่