ปรากฏการณ์ Office Frogging คนรุ่นใหม่เปลี่ยนงานบ่อย เน้นเพิ่มเงินเดือนที่ใหม่ ดีกว่าไต่ตำแหน่งใหญ่ที่เดิม
.
แม้การเปลี่ยนงานบ่อยจะเกิดขึ้นในโลกการทำงานมาแทบทุกยุคสมัย แต่ล่าสุด กำหลังเกิดปรากฏการณ์ที่คล้ายกันอีกครั้ง เรียกว่า “Office Frogging” หรือ “การกระโดดเปลี่ยนงานบ่อยๆ” คล้ายกับกบที่กระโดดไปตามใบบัว
.
แต่มีสิ่งที่แตกต่างกันจากการเปลี่ยนงานในยุคก่อนหน้านี้เล็กน้อย นั่นคือ Office Frogging ของพนักงานคนรุ่นใหม่ยุคนี้ มักจะเลือกกระโดดออกจากงานเก่าอย่างรวดเร็ว เพื่อไปสู่งานบริษัทใหม่ที่ให้เงินเดือนสูงกว่า ด้วยเหตุผลเพราะไม่อยากไต่เต้าสู่ตำแหน่งงานสูงขึ้นในบริษัทเดิม
.
ปีเตอร์ ดูริส (Peter Duris) ผู้ร่วมก่อตั้งแอปหางาน Kickresume อธิบายว่า “Office Frogs” หมายถึง พนักงานที่เลือกจะไม่อยู่ในงานเดิมนานเกินไป และส่วนใหญ่คือคนรุ่นใหม่อายุงานน้อยๆ ซึ่งพวกเขาไม่กลัวที่จะ “กระโดด” ไปหางานใหม่
.
การกระโดดนี้ไม่ต่างอะไรจากกบตัวเล็กๆ ที่ข้ามใบบัวทีละแผ่น เพราะคนวัยทำงานอายุต่ำกว่า 27 ปี จำนวนมากในยุคนี้ กำลังเลือกที่จะเปลี่ยนงานบ่อย แทนที่จะติดกับดักการไต่บันไดตำแหน่งแบบเดิมๆ
.
ข้อมูลจากการสำรวจของ Glassdoor ที่สำรวจความเห็นกับคนทำงาน 1,000 คนในสหรัฐฯ พบว่า 68% ของคนรุ่นใหม่ไม่สนใจเลื่อนขึ้นเป็นผู้จัดการ เว้นแต่งานนั้นจะมาพร้อม “งบประมาณมากกว่า” และ “ตำแหน่งที่มีเกียรติชัดเจน” ถ้าไม่ใช่แบบนั้น กลุ่มวัยทำงาน Office Frogs ก็พร้อมจะกระโดดหางานใหม่ทันที
.
ดูริส มองว่า การเปลี่ยนงานถี่ๆ มีข้อดีตรงที่คนทำงานอาจได้เรียนรู้สิ่งใหม่ และไม่ต้องติดอยู่กับงานเดิมที่ทำให้รู้สึกเบื่อหรือไม่ก้าวหน้า อีกทั้งยังมีโอกาสเพิ่มเงินเดือนและสกิลใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น แต่ขณะเดียวกันเขาก็เตือนว่า การเปลี่ยนงานถี่เกินไป อาจทำให้ดู “ไม่น่าเชื่อถือ” ในสายตานายจ้างรายใหม่ และอาจกลายเป็นข้อเสียในอนาคต
.
.
เคล็ดลับ Office Frogging ให้ได้ประโยชน์
แม้การกระโดดเปลี่ยนงานจะมีข้อดี แต่ ดูริส ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพ ก็ให้คำแนะนำกับวัยทำงานรุ่นใหม่ที่คิดจะเป็น “Office Frog” ควรระมัดระวังและใช้กลยุทธ์ที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เสียเปรียบในสายตานายจ้างใหม่ โดยอาจเริ่มปรับมุมมองดังนี้
1. เปลี่ยนการเปลี่ยนงานบ่อยให้เป็นจุดแข็ง
การเปลี่ยนงานบ่อยอาจถูกมองว่าเป็นข้อเสีย แต่สามารถพลิกเป็นข้อดีได้ หากเล่าด้วยมุมมองที่เหมาะสมในการสัมภาษณ์งาน โดย ดูริส แนะนำว่า ควรอธิบายให้เห็นว่าเหตุผลที่ย้ายงานเพราะต้องการ พัฒนาทักษะใหม่ๆ หรือ รับผิดชอบที่ท้าทายขึ้น
รวมถึงเล่าถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากแต่ละงานและความสำเร็จที่ทำได้ วิธีนี้จะช่วยให้นายจ้างเห็นว่าการเปลี่ยนงานคือเส้นทางการเติบโต ไม่ใช่การหนีความรับผิดชอบ
2. ตรวจสอบให้แน่ใจ “งานใหม่คุ้มค่าการลาออกจากที่เดิม”
ไม่ใช่ว่าทุกการเปลี่ยนงานจะสร้างคุณค่าให้แก่เส้นทางอาชีพของเรา หากงานใหม่ไม่ได้ให้โอกาสเรียนรู้หรือไม่ได้เพิ่มทักษะที่แตกต่าง การย้ายงานอาจไม่คุ้ม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ถ้างานปัจจุบันยังมีสิ่งที่ทำให้เราเติบโต เช่น ได้เรียนรู้งานใหม่ๆ หรือยังพัฒนาในสายงานเดิมได้ การอยู่ต่อก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
3. รักษาภาพลักษณ์ที่ดี อย่าพูดถึงที่ทำงานเก่าให้เสียหาย
หนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยคือการพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับนายจ้างหรือบริษัทเก่าในระหว่างสัมภาษณ์งาน ดูริส แนะนำว่า ควรโฟกัสที่ด้านบวกไว้ก่อน เช่น สิ่งที่ได้เรียนรู้ ทักษะที่ได้รับ หรือประสบการณ์ที่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น
การพูดในเชิงบวกไม่เพียงทำให้ภาพลักษณ์เราดูมืออาชีพ แต่ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนายจ้างใหม่ว่าเราจะไม่สร้างปัญหาเดิมในอนาคต
“Office Frogging” อาจจะดูเป็นเพียงกระแสชั่วคราวของคนรุ่นใหม่ แต่จริงๆ แล้วมันสะท้อนถึงสิ่งที่คนทำงานยุคนี้ต้องการมากที่สุด นั่นคือ ความมั่นคง ความก้าวหน้า และชีวิตการทำงานที่ไม่ทำลายสุขภาพใจ
คำถามคือ…ในวันที่การเปลี่ยนงานถี่ๆ กลายเป็นเรื่องปกติ แล้ววัยทำงานจะหาทางสร้างสมดุลอย่างไร ระหว่าง “การเปลี่ยนงานเพื่อโอกาสใหม่” กับ “การหยุดอยู่ที่เดิมเพื่อสร้างรากฐานระยะยาว” ท้ายที่สุดแล้ว เราคงต้องถามตัวเองให้ชัดว่า เรากำลังกระโดดเพื่อหนีปัญหาเก่า หรือกำลังกระโดดเข้าใกล้สิ่งที่ใช่สำหรับเรากันแน่ บางที คำถามนี้อาจสำคัญกว่าจำนวนครั้งที่เราเปลี่ยนงานเสียอีก
CR :
https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1201228
.
.
#กรุงเทพธุรกิจ #InsightForOpportunities #กรุงเทพธุรกิจWorklife
ปรากฏการณ์ Office Frogging 🐸คนรุ่นใหม่เปลี่ยนงานบ่อย เน้นเพิ่มเงินเดือน💸ที่ใหม่ ดีกว่าไต่ตำแหน่งใหญ่ที่เดิม
.
แม้การเปลี่ยนงานบ่อยจะเกิดขึ้นในโลกการทำงานมาแทบทุกยุคสมัย แต่ล่าสุด กำหลังเกิดปรากฏการณ์ที่คล้ายกันอีกครั้ง เรียกว่า “Office Frogging” หรือ “การกระโดดเปลี่ยนงานบ่อยๆ” คล้ายกับกบที่กระโดดไปตามใบบัว
.
แต่มีสิ่งที่แตกต่างกันจากการเปลี่ยนงานในยุคก่อนหน้านี้เล็กน้อย นั่นคือ Office Frogging ของพนักงานคนรุ่นใหม่ยุคนี้ มักจะเลือกกระโดดออกจากงานเก่าอย่างรวดเร็ว เพื่อไปสู่งานบริษัทใหม่ที่ให้เงินเดือนสูงกว่า ด้วยเหตุผลเพราะไม่อยากไต่เต้าสู่ตำแหน่งงานสูงขึ้นในบริษัทเดิม
.
ปีเตอร์ ดูริส (Peter Duris) ผู้ร่วมก่อตั้งแอปหางาน Kickresume อธิบายว่า “Office Frogs” หมายถึง พนักงานที่เลือกจะไม่อยู่ในงานเดิมนานเกินไป และส่วนใหญ่คือคนรุ่นใหม่อายุงานน้อยๆ ซึ่งพวกเขาไม่กลัวที่จะ “กระโดด” ไปหางานใหม่
.
การกระโดดนี้ไม่ต่างอะไรจากกบตัวเล็กๆ ที่ข้ามใบบัวทีละแผ่น เพราะคนวัยทำงานอายุต่ำกว่า 27 ปี จำนวนมากในยุคนี้ กำลังเลือกที่จะเปลี่ยนงานบ่อย แทนที่จะติดกับดักการไต่บันไดตำแหน่งแบบเดิมๆ
.
ข้อมูลจากการสำรวจของ Glassdoor ที่สำรวจความเห็นกับคนทำงาน 1,000 คนในสหรัฐฯ พบว่า 68% ของคนรุ่นใหม่ไม่สนใจเลื่อนขึ้นเป็นผู้จัดการ เว้นแต่งานนั้นจะมาพร้อม “งบประมาณมากกว่า” และ “ตำแหน่งที่มีเกียรติชัดเจน” ถ้าไม่ใช่แบบนั้น กลุ่มวัยทำงาน Office Frogs ก็พร้อมจะกระโดดหางานใหม่ทันที
.
ดูริส มองว่า การเปลี่ยนงานถี่ๆ มีข้อดีตรงที่คนทำงานอาจได้เรียนรู้สิ่งใหม่ และไม่ต้องติดอยู่กับงานเดิมที่ทำให้รู้สึกเบื่อหรือไม่ก้าวหน้า อีกทั้งยังมีโอกาสเพิ่มเงินเดือนและสกิลใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น แต่ขณะเดียวกันเขาก็เตือนว่า การเปลี่ยนงานถี่เกินไป อาจทำให้ดู “ไม่น่าเชื่อถือ” ในสายตานายจ้างรายใหม่ และอาจกลายเป็นข้อเสียในอนาคต
.
.
เคล็ดลับ Office Frogging ให้ได้ประโยชน์
แม้การกระโดดเปลี่ยนงานจะมีข้อดี แต่ ดูริส ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพ ก็ให้คำแนะนำกับวัยทำงานรุ่นใหม่ที่คิดจะเป็น “Office Frog” ควรระมัดระวังและใช้กลยุทธ์ที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เสียเปรียบในสายตานายจ้างใหม่ โดยอาจเริ่มปรับมุมมองดังนี้
1. เปลี่ยนการเปลี่ยนงานบ่อยให้เป็นจุดแข็ง
การเปลี่ยนงานบ่อยอาจถูกมองว่าเป็นข้อเสีย แต่สามารถพลิกเป็นข้อดีได้ หากเล่าด้วยมุมมองที่เหมาะสมในการสัมภาษณ์งาน โดย ดูริส แนะนำว่า ควรอธิบายให้เห็นว่าเหตุผลที่ย้ายงานเพราะต้องการ พัฒนาทักษะใหม่ๆ หรือ รับผิดชอบที่ท้าทายขึ้น
รวมถึงเล่าถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากแต่ละงานและความสำเร็จที่ทำได้ วิธีนี้จะช่วยให้นายจ้างเห็นว่าการเปลี่ยนงานคือเส้นทางการเติบโต ไม่ใช่การหนีความรับผิดชอบ
2. ตรวจสอบให้แน่ใจ “งานใหม่คุ้มค่าการลาออกจากที่เดิม”
ไม่ใช่ว่าทุกการเปลี่ยนงานจะสร้างคุณค่าให้แก่เส้นทางอาชีพของเรา หากงานใหม่ไม่ได้ให้โอกาสเรียนรู้หรือไม่ได้เพิ่มทักษะที่แตกต่าง การย้ายงานอาจไม่คุ้ม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ถ้างานปัจจุบันยังมีสิ่งที่ทำให้เราเติบโต เช่น ได้เรียนรู้งานใหม่ๆ หรือยังพัฒนาในสายงานเดิมได้ การอยู่ต่อก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
3. รักษาภาพลักษณ์ที่ดี อย่าพูดถึงที่ทำงานเก่าให้เสียหาย
หนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยคือการพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับนายจ้างหรือบริษัทเก่าในระหว่างสัมภาษณ์งาน ดูริส แนะนำว่า ควรโฟกัสที่ด้านบวกไว้ก่อน เช่น สิ่งที่ได้เรียนรู้ ทักษะที่ได้รับ หรือประสบการณ์ที่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น
การพูดในเชิงบวกไม่เพียงทำให้ภาพลักษณ์เราดูมืออาชีพ แต่ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนายจ้างใหม่ว่าเราจะไม่สร้างปัญหาเดิมในอนาคต
“Office Frogging” อาจจะดูเป็นเพียงกระแสชั่วคราวของคนรุ่นใหม่ แต่จริงๆ แล้วมันสะท้อนถึงสิ่งที่คนทำงานยุคนี้ต้องการมากที่สุด นั่นคือ ความมั่นคง ความก้าวหน้า และชีวิตการทำงานที่ไม่ทำลายสุขภาพใจ
คำถามคือ…ในวันที่การเปลี่ยนงานถี่ๆ กลายเป็นเรื่องปกติ แล้ววัยทำงานจะหาทางสร้างสมดุลอย่างไร ระหว่าง “การเปลี่ยนงานเพื่อโอกาสใหม่” กับ “การหยุดอยู่ที่เดิมเพื่อสร้างรากฐานระยะยาว” ท้ายที่สุดแล้ว เราคงต้องถามตัวเองให้ชัดว่า เรากำลังกระโดดเพื่อหนีปัญหาเก่า หรือกำลังกระโดดเข้าใกล้สิ่งที่ใช่สำหรับเรากันแน่ บางที คำถามนี้อาจสำคัญกว่าจำนวนครั้งที่เราเปลี่ยนงานเสียอีก
CR : https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1201228
.
.
#กรุงเทพธุรกิจ #InsightForOpportunities #กรุงเทพธุรกิจWorklife