มี 2 เรื่อง ฟิทช์ปรับ ‘เชิงลบ’ สะเทือน 5 ธนาคาร และ ผ่า 8 หุ้น กลุ่มปตท.

KEY POINTS
ฟิทช์เรทติ้งส์ประกาศปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศไทยจาก “มีเสถียรภาพ” เป็น “เชิงลบ” โดยมีเหตุผลจากความเสี่ยงทางการคลังที่สูงขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองและการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

การปรับลดแนวโน้มเครดิตของประเทศส่งผลกระทบโดยตรงต่อธนาคารพาณิชย์ 5 แห่ง ได้แก่ EXIM, KTB, TTB, SCBT, และ UOBT ที่ได้รับการปรับแนวโน้มเป็น “เชิงลบ”

นักเศรษฐศาสตร์มองว่า ผลกระทบจากการปรับลดแนวโน้มเครดิตของประเทศนั้นไม่กระทบต่อการทำกำไรของธนาคาร เนื่องจากต้นทุนการเงินยังคงอยู่ในระดับปกติจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธปท.

หลังจากบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก ได้ประกาศปรับลดแนวโน้ม (Outlook) อันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยจาก “มีเสถียรภาพ” (Stable) เป็น “เชิงลบ” (Negative) แต่ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือ (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) ไว้ที่ระดับ BBB+ เมื่อวันที่ 24 ก.ย.68

โดยเหตุผลหลัก จากความเสี่ยงทางการคลังที่เพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองและแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว  
การเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคสถาบันการเงิน โดยฟิทช์ได้ประกาศปรับแนวโน้มของธนาคารพาณิชย์ 5 แห่งเป็น “เชิงลบ” ตามทิศทางของอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ ประกอบด้วย 

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM)
ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB)
ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) (TTB)
ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) (SCBT)
ธนาคารยูโอบี (ไทย) จำกัด (มหาชน) (UOBT)

ล่าสุดฟิทช์ เรทติ้งส์ ยังประกาศปรับแนวโน้มอันดับเครดิตสากลระยะยาว (InternationalLong-Term Issuer Default Rating: IDR) ของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และบริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) เป็นลบ จากเดิมแนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ และคงอันดับเครดิตของทั้งสามบริษัท และอันดับเครดิตตราสารหนี้ไม่มีหลักประกันของปตท.สผ. ที่ BBB+

ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าส่วน งานกลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินัลเซียร์ไซรัส จำกัด(มหาชน)เปิดเผยว่า การประกาศอันดับเครดิตของฟิทช์เป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ดีต่อทั้งรัฐบาล ละระบบการเงินโดยรวมว่า ถ้าเรทติ้งทั้งสองฝั่งลง เสถียรภาพโดยรวมจะดูแย่ลง  

ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าส่วน งานกลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินัลเซียร์ไซรัส จำกัด(มหาชน)
อย่างไรก็ตาม หากตัวในแง่ การทำกำไรของแบงก์ยังไม่มีปัญหา เพราะช่วงปี 2565 ที่ถูกปรับลดอันดับเครดิตไป ต้นทุนก็ไม่ขยับ

ด้านนายเมธัส รัตนซ้อน นักเศรษฐศาสตร์ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU )กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องปกติโดยทั่วไป ที่มุมมองความน่าเชื่อถือและอันดับเครดิตของประเทศกับของบริษัทที่ดำเนินกิจการในประเทศนั้นๆ ที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือต่างชาติมักจะให้อันดับเครดิตและมุมมองที่เท่ากัน 

นายเมธัส รัตนซ้อน นักเศรษฐศาสตร์ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU )
ดังนั้น จึงมองว่า แทบจะไม่มีผลกระทบหรือมีผลกระทบน้อยมากกับระบบธนาคาร เพราะแหล่งเงินทุนของธนาคารมีต้นทุนที่อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่างธนาคาร หรือคือ ดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งกำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล แม้อาจจะได้รับแรงกดดันจากข่าวนี้บ้าง แต่ไม่ใช่ต้นทุนหลักและแหล่งระดมทุนของภาคธนาคาร



ผ่า 8 หุ้น กลุ่มปตท. ผ่านมา 9 เดือน ผลตอบแทนราคาไปไกลแค่ไหน?

KEY POINTS
TOP (ไทยออยล์) มีผลตอบแทนราคาสูงสุดในกลุ่มตั้งแต่ต้นปี (YTD) ที่ +23.89%
OR (ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก) ให้ผลตอบแทนราคา YTD +5.26%
PTTGC (พีทีที โกลบอล เคมิคอล) ให้ผลตอบแทนราคา YTD +2.46%
PTT (ปตท.) บริษัทแม่ ให้ผลตอบแทนราคา YTD +1.57%
GPSC (โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่) มีผลตอบแทนราคา YTD ติดลบเล็กน้อยที่ -0.65%
PTTEP (ปตท.สผ.) มีผลตอบแทนราคา YTD ติดลบ -3.78%
IRPC (ไออาร์พีซี) มีผลตอบแทนราคา YTD ติดลบ -7.32%
GGC (โกลบอลกรีนเคมิคอล) มีผลตอบแทนราคา YTD ต่ำสุดในกลุ่มที่ -10.00%

แม้ PTT จะมีมูลค่าตลาดสูงเป็นอันดับ 2 ของตลาดหลักทรัพย์ไทย แต่หากรวมบริษัทในเครือ PTT Group จำนวน 8 หลักทรัพย์ จะมีมูลค่ารวมสูงสุด โดยเครือ PTT ดำเนินธุรกิจพลังงานครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ครอบคลุมการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม PTTEP, โรงกลั่นและปิโตรเคมี TOP IRPC PTTGC , น้ำมันและค้าปลีก OR, ก๊าซธรรมชาติและระบบท่อ PTT รวมถึงพลังงานสะอาด GPSC และ GGC ประกอบธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ "กรุงเทพธุรกิจ" ได้เข้าไปสำรวจผลงานด้านราคาหุ้นของบริษัทในเครือ PTT ว่า ตั้งแต่ต้นปี 2568 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) TOP
บัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
ราคา YTD 23.89%
มาร์เก็ตแคป 78,184 ล้านบาท 
EBITDA 17,077 ล้านบาท  
P/E 9.17 เท่า 
P/BV 0.46 เท่า
เงินปันผล YTD 5.43%
ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบปี 51.75 / 21.00 บาท 
กำไรครึ่งปีแรก 9,979 ล้านบาท 

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า บอร์ด TOP อนุมัติโครงการบริหารจัดการสินทรัพย์ (Asset Monetization) มูลค่าไม่เกิน 3.7 หมื่นล้านบาท โดยนำทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานบางส่วน เช่น ถังน้ำมันดิบ ทุ่นผูกเรือกลางทะเล สถานีจ่ายน้ำมันทางรถ และที่ดิน ไปให้บริษัทใหม่ที่จัดตั้งขึ้นถือครอง PTT Tank 49% และ TOP 51% ซึ่ง TOP จะเช่ากลับเพื่อใช้ดำเนินธุรกิจต่อ เป็นระยะเวลา 21 ปี

ทั้งนี้ TOP จะได้รับเงินสดทันที 1.8 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปลดหนี้ ลดภาระดอกเบี้ยลงราว 650 ล้านบาทต่อปีสอดคล้องกลยุทธ์ Deleveraging เพื่อรักษาเครดิตเรทติ้งไม่ให้ต่ำกว่า Investment Grade แต่ทว่าแม้ต้องจ่ายค่าเช่าราว 3.2 พันล้านบาทต่อปี ทำให้ต้นทุนอยู่ราว 7.5% สูงกว่า Cost of Debt ปัจจุบันที่ 4% แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงด้านเครดิตในภาพรวม หลังทำดีลนี้ Net Debt/EBITDA อยู่ราว 8.5 เท่า สูงกว่ากรอบที่สถาบันจัดอันดับแนะนำน้อยกว่า 6 เท่า แต่ได้รับแรงหนุนจาก PTT ทำให้มุมมองภาพรวมยังดี

อย่างไรมุมมอง ดีลดังกล่าวจะช่วยเสริมฐานะการเงิน ลดความเสี่ยงถูกลดเครดิตเรทติ้ง แม้ต้องแลกกับต้นทุนเช่าที่สูงขึ้น แนะนำ Neutral ต่อหุ้น TOP เนื่องจากกำไรไตรมาส 3/68 ยังถูกกดดันจากการปิดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่น CDU-3 เป็นเวลา 30 วัน และ TPX & TLB อีก 45 วัน  รวมถึง GRM และ Spread ปิโตรเคมี ลดลง QoQ แต่ทั้งนี้ในช่วงสั้นสามารถ trading ได้ใน Theme สงครามที่อาจทําให้ราคาน้ํามันสูงขึ้น
 

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) OR  
หม่อมหลวง ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
ราคา YTD 5.26%
มาร์เก็ตแคป 168,000 ล้านบาท 
EBITDA 12,495 ล้านบาท  
P/E 20.99 เท่า 
P/BV 1.48 เท่า
เงินปันผล YTD 5.43% 
ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบปี 17.70 / 10.10 บาท 
กำไรครึ่งปีแรก 6,611.28 ล้านบาท  

 

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) PTTGC 
ณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
ราคา YTD 2.46%
มาร์เก็ตแคป 112,721 ล้านบาท 
EBITDA 12,722 ล้านบาท  
P/E - เท่า 
P/BV 0.44 เท่า
เงินปันผล YTD 2.00% 
ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบปี 30.25 / 14.20 บาท 
กำไรครึ่งปีแรก -6,183.33 ล้านบาท  

 

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) PTT
คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
ราคา YTD 1.57%
มาร์เก็ตแคป 921,157 ล้านบาท 
EBITDA 206,712 ล้านบาท  
P/E 12.96 เท่า 
P/BV 0.81 เท่า
เงินปันผล YTD 6.57% 
ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบปี 34.75 / 27.00 บาท 
กำไรครึ่งปีแรก 44,848.37 ล้านบาท

บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) GPSC
วรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
ราคา YTD -0.65%
มาร์เก็ตแคป 107,150 ล้านบาท 
EBITDA 10,938 ล้านบาท  
P/E 21.74 เท่า 
P/BV 0.98 เท่า
เงินปันผล YTD 2.37% 
ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบปี 49.25 / 22.40 บาท 
กำไรครึ่งปีแรก 3,159 ล้านบาท

 

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) PTTEP
มนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
ราคา YTD -3.78%
มาร์เก็ตแคป 454,563 ล้านบาท 
EBITDA 108,315 ล้านบาท  
P/E 6.86 เท่า 
P/BV 0.87 เท่า
เงินปันผล YTD 8.41% 
ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบปี 137.50 / 93.00 บาท 
กำไรครึ่งปีแรก 30,076 ล้านบาท

 

บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) IRPC 
เทอดเกียรติ พร้อมมูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่
ราคา YTD -7.32%
มาร์เก็ตแคป 23,295 ล้านบาท 
EBITDA 1,879 ล้านบาท  
P/E - เท่า 
P/BV 0.35 เท่า
เงินปันผล YTD 0.88%
ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบปี 1.79 / 0.70 บาท 
กำไรครึ่งปีแรก -3,338 ล้านบาท

 

บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) GGC
กฤษฎา ประเสริฐสุโข กรรมการผู้จัดการ
ราคา YTD -10.00%
มาร์เก็ตแคป 3,869 ล้านบาท 
EBITDA -89 ล้านบาท  
P/E - เท่า 
P/BV 0.43 เท่า
เงินปันผล YTD 2.65%
ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบปี 5.45 / 3.20 บาท 
กำไรครึ่งปีแรก -374 ล้านบาท

ดูบทวิเคราะห์โบรคได้ที่ https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1201691

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่