ก้อนเมฆสูงตระหง่านกลางฟ้าเย็นคล้อย
ดูคล้ายภูเขาใหญ่ ที่ลอยขึ้นจากความว่างเปล่า
เงาทาบเข้ามาห่มคลุมหัวใจอย่างเงียบงัน
ราวกับโลกทั้งใบ กำลังบรรจงบอกเล่าถึงความเหงา
ที่ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใด ๆ
ท้องฟ้าไม่เรืองรองเหมือนยามเช้า แต่ก็ไม่มืดมิดดังรัตติกาล
มันอยู่ในห้วงก้ำกึ่ง คล้ายความรู้สึกของคนที่ยังยืนอยู่ระหว่างการจากลาและการโอบกอด
เสียงลมผ่านต้นไม้เป็นทำนองแผ่วเบา
กลบเสียงใจที่กำลังเรียกหาใครสักคนที่ไม่มีวันหวนคืน
ความเศร้าในก้อนเมฆนั้นไม่ใช่การร้องไห้
หากเป็นการทอดทิ้งตัวเองให้กลายเป็นความเงียบ
เหมือนเรือที่ลอยกลางทะเลกว้าง
ไม่มีฝั่งให้เทียบท่า ไม่มีใครให้ยืนเคียงข้าง
แต่ก็ยังคงดำรงอยู่ด้วยความนุ่มลึกของความว่างเปล่า
บางที...
เมฆก้อนนั้น อาจสะท้อนเพียงใจของเราเอง
ที่ยังคงเวียนว่ายอยู่ในความทรงจำเก่า ๆ
ไม่กล้าจะจางหายไปสักที...
เงาของก้อนเมฆ
ก้อนเมฆสูงตระหง่านกลางฟ้าเย็นคล้อย
ดูคล้ายภูเขาใหญ่ ที่ลอยขึ้นจากความว่างเปล่า
เงาทาบเข้ามาห่มคลุมหัวใจอย่างเงียบงัน
ราวกับโลกทั้งใบ กำลังบรรจงบอกเล่าถึงความเหงา
ที่ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใด ๆ
ท้องฟ้าไม่เรืองรองเหมือนยามเช้า แต่ก็ไม่มืดมิดดังรัตติกาล
มันอยู่ในห้วงก้ำกึ่ง คล้ายความรู้สึกของคนที่ยังยืนอยู่ระหว่างการจากลาและการโอบกอด
เสียงลมผ่านต้นไม้เป็นทำนองแผ่วเบา
กลบเสียงใจที่กำลังเรียกหาใครสักคนที่ไม่มีวันหวนคืน
ความเศร้าในก้อนเมฆนั้นไม่ใช่การร้องไห้
หากเป็นการทอดทิ้งตัวเองให้กลายเป็นความเงียบ
เหมือนเรือที่ลอยกลางทะเลกว้าง
ไม่มีฝั่งให้เทียบท่า ไม่มีใครให้ยืนเคียงข้าง
แต่ก็ยังคงดำรงอยู่ด้วยความนุ่มลึกของความว่างเปล่า
บางที...
เมฆก้อนนั้น อาจสะท้อนเพียงใจของเราเอง
ที่ยังคงเวียนว่ายอยู่ในความทรงจำเก่า ๆ
ไม่กล้าจะจางหายไปสักที...