kbank กับ bbl ให้เป้ามันช่างต่างกันมาก
จบได้มาส 3/68 เป็นที่เรียบร้อย สิ่งที่นักลงทุนในตลาดหุ้น ใจจดใจจ่อรอดูคือผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งกลุ่มที่จะประกาศออกมาเป็นกลุ่มแรกคือกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่จะทยอยแจ้งงบในช่วงกลางเดือนต.ค.เป็นต้นไป
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย ได้รวบรวมมุมมองแนวโน้มกำไร Q3/68 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ จาก 3 บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำอย่าง บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด(มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) โดยเน้นไปที่ 8 ธนาคารที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุด
โดย ทั้ง 3 โบรกฯ มองไปทิศทางเดียวกันว่า กำไรไตรมาส 3/68 จะลดลง ซึ่งสาเหตุหลักมาจากสินเชื่อรวมลดลงทุกกลุ่ม ทั้งสินเชื่อโครงการรัฐฯ สินเชื่อบริษัทใหญ่ สินเชื่อเอสเอ็มอี และ สินเชื่อรายย่อย โดยสะท้อนความเข้มงวดของธนาคารที่สูงขึ้น ประกอบกับ ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ(NIM) ลดลงเช่นกัน จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
สําหรับอัตราหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL ratio) คาดจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอลง จากสินเชื่อรายย่อย และ สินเชื่อเอสเอ็มอี
นอกจากนี้ โบรกฯ ยังมองแนวโน้มกําไรครึ่งหลังปี 68 และ ปี 69 มีโอกาสปรับตัวลดลง สาเหตุหลักจาก NIM ที่ลดลง จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลายครั้งในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา และ ยังคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในเดือนธ.ค. 68 และ ยอดสินเชื่อรวมที่ลดลงต่อเนื่องในปี 67–68 ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) อ่อนแอลง แม้คาดว่า ต้นทุนสํารองจะลดลง จากการเติบโตของกําไรกลุ่มธนาคาร 16% ในปี 66 ชะลอลงเหลือ 5% ในปี 67 และ 2% ในปี 68 ก่อนที่จะหดตัวลง 5% ในปี 69
รวมถึงยังปรับประมาณการกําไรของกลุ่มธนาคารปี 69 ลง 1.5% มาอยู่ที่ 1.892 แสนล้านบาท และ ปี 70 ลง 0.2% มาอยู่ที่ 1.977 แสนล้านบาท เนื่องจากคาดว่า จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มอีก 25bps ในเดือนธ.ค. 68 ลงสู่ระดับ 1.25% และ ธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มที่จะส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลง โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐาน ตั้งแต่ปี 69 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานที่ลดลงจะส่งผลลบต่อกําไรของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น BAY , SCB, KTB และ BBL
อย่างไรก็ตาม ยังแนะนำให้คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) กลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย เพราะขาดปัจจัยหนุนในระยะสั้น แต่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง ปัจจุบันกลุ่มธนาคารซื้อขายอยู่ที่ P/BV 0.6 เท่าในปี 68 หรือ สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 5 ปีที่ 0.64 เท่าเล็กน้อย โดยเลือก SCB และ KTB เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่มนี้ เนื่องจากทั้งสองแห่งน่าจะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่ 6.1-9.1% ต่อปีในปี 69-70
https://www.efinancethai.com/efinReview/efinReviewMain.aspx?name=er_202510021215&fbclid=IwY2xjawNMOCFleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFWczhJdGd1WGhuWnNJME9MAR4sWS85O_uoBmqEpZUSp38m7T9UPGJcAdwnz3X5j2dRSo0ZHjc5f8PHJJi9-A_aem_AVrPZT1xRijW_wl97qpoKQ
ส่องแนวโน้มงบแบงก์ โบรกฯ มองกำไร Q3/68 ดีแค่ไหน ?
จบได้มาส 3/68 เป็นที่เรียบร้อย สิ่งที่นักลงทุนในตลาดหุ้น ใจจดใจจ่อรอดูคือผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งกลุ่มที่จะประกาศออกมาเป็นกลุ่มแรกคือกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่จะทยอยแจ้งงบในช่วงกลางเดือนต.ค.เป็นต้นไป
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย ได้รวบรวมมุมมองแนวโน้มกำไร Q3/68 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ จาก 3 บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำอย่าง บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด(มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) โดยเน้นไปที่ 8 ธนาคารที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุด
โดย ทั้ง 3 โบรกฯ มองไปทิศทางเดียวกันว่า กำไรไตรมาส 3/68 จะลดลง ซึ่งสาเหตุหลักมาจากสินเชื่อรวมลดลงทุกกลุ่ม ทั้งสินเชื่อโครงการรัฐฯ สินเชื่อบริษัทใหญ่ สินเชื่อเอสเอ็มอี และ สินเชื่อรายย่อย โดยสะท้อนความเข้มงวดของธนาคารที่สูงขึ้น ประกอบกับ ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ(NIM) ลดลงเช่นกัน จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
สําหรับอัตราหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL ratio) คาดจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์อ่อนแอลง จากสินเชื่อรายย่อย และ สินเชื่อเอสเอ็มอี
นอกจากนี้ โบรกฯ ยังมองแนวโน้มกําไรครึ่งหลังปี 68 และ ปี 69 มีโอกาสปรับตัวลดลง สาเหตุหลักจาก NIM ที่ลดลง จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลายครั้งในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา และ ยังคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในเดือนธ.ค. 68 และ ยอดสินเชื่อรวมที่ลดลงต่อเนื่องในปี 67–68 ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) อ่อนแอลง แม้คาดว่า ต้นทุนสํารองจะลดลง จากการเติบโตของกําไรกลุ่มธนาคาร 16% ในปี 66 ชะลอลงเหลือ 5% ในปี 67 และ 2% ในปี 68 ก่อนที่จะหดตัวลง 5% ในปี 69
รวมถึงยังปรับประมาณการกําไรของกลุ่มธนาคารปี 69 ลง 1.5% มาอยู่ที่ 1.892 แสนล้านบาท และ ปี 70 ลง 0.2% มาอยู่ที่ 1.977 แสนล้านบาท เนื่องจากคาดว่า จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มอีก 25bps ในเดือนธ.ค. 68 ลงสู่ระดับ 1.25% และ ธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มที่จะส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลง โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐาน ตั้งแต่ปี 69 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานที่ลดลงจะส่งผลลบต่อกําไรของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เช่น BAY , SCB, KTB และ BBL
อย่างไรก็ตาม ยังแนะนำให้คงน้ำหนักการลงทุน (Neutral) กลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย เพราะขาดปัจจัยหนุนในระยะสั้น แต่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง ปัจจุบันกลุ่มธนาคารซื้อขายอยู่ที่ P/BV 0.6 เท่าในปี 68 หรือ สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 5 ปีที่ 0.64 เท่าเล็กน้อย โดยเลือก SCB และ KTB เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่มนี้ เนื่องจากทั้งสองแห่งน่าจะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่ 6.1-9.1% ต่อปีในปี 69-70
https://www.efinancethai.com/efinReview/efinReviewMain.aspx?name=er_202510021215&fbclid=IwY2xjawNMOCFleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFWczhJdGd1WGhuWnNJME9MAR4sWS85O_uoBmqEpZUSp38m7T9UPGJcAdwnz3X5j2dRSo0ZHjc5f8PHJJi9-A_aem_AVrPZT1xRijW_wl97qpoKQ