O เมื่อคลื่นฝน .. พรมพร่างไม่ว่างเว้น
ค่อยโรยเส้นล้อมห่มสายลมร่ำ
จึง-ผืนฟ้ารอบด้านคลี่ม่านดำ
ของคืนค่ำให้สยาย .. ลงคลายตัว
O เพียงจะให้หม่นหมอง .. ที่มองว่า
เหมือนรูปรอยเหว่ว้า .. ยามฟ้าหลัว
บังดวงวันเรื่อรอง .. ให้หมองมัว
เข้าเกลือกกลั้วแอบค่ำอย่างจำนน
O ผืนฟ้าหมอง .. ใจคนก็หม่นเหลือ
จะร้างเรื่อรองรพี .. สักกี่หน ?
ผ่านไปแล้วรอบระยับ .. ที่อับจน
จะวกวนเวียนมา .. กี่คราครั้ง ?
O ฝุ่นน้ำโหมหวนระลอก .. ราวบอกว่า
เสน่หาในคน .. เหมือนฝนหลั่ง
จะเหิมโหมระลอกชู้ .. ไม่รู้ฟัง
เกินหยุดยั้งต่อต้าน .. เมื่อผ่านมา
O ริ้วลมหนาว .. โผผ่าน .. ฝ่าม่านฝน
ฝุ่นน้ำวนไหวช่วง .. เมื่อห่วงว่า
รูปน้อยเอย .. เนตรใครที่ไกลตา
จะเหว่ว้าละห้อยเห็น .. อยู่เช่นไร ?
O หรือ-คำนึงถึงอยู่ .. ไม่รู้แล้ว
ทุกสายลมโผยแผ่ว .. เสียงแว่วไหว
กลางทรวงนั้น .. ส่งคิดสู่จิตใคร
คอยสุมใส่แรงถวิล .. แนบจินตนา ?
O ตักตวงความอบอุ่นไว้อุ่นเนื้อ
ต่อต้านเชื้อหนาวเย็นที่เร้นหา
รู้หรือไม่ .. ผ่องแผ้วในแววตา
นั้น .. เกินฝ่าฝืนพ้น .. แล้วคนดี
O ควรนักแล้ว .. รสสุมาลย์อันหวานหอม
จักคอยล้อมรอบถิ่น .. อวดกลิ่นสี
แววอาวรณ์อาลัย .. เงื่อนไมตรี
ย่อมควรที่-อารมณ์จักสมยอม
O เมื่อ .. หยาดฝน .. แวดล้อมไม่ยอมเว้น
ไหว-ตอบเต้นพลิ้วผ่าน, ความหวานหอม
ก็โชยผ่านลมร่ำ .. ให้ด่ำดอม
เข้าอาบย้อม .. อาลัยพาไหววน
O มอบมาเถิดหวานหอม .. ที่หอมกว่า
กลิ่นลดาอ่อนละมุนกลางฝุ่นฝน
ช่วยแตะตื่นแรงถวิล .. ให้ดิ้นรน
แข่งเสียงก้องกาหลที่บนฟ้า !
O กลางเส้นไฟโชนคุ .. ขึ้นลุแล่น
พร้อมเม็ดฝนโซมแถนทั้งแสนห่า
เหมือนแววออดอ้อนช่วงที่ดวงตา
เผยบอกความเสน่หา .. รับอาลัย
O คืน .. ภาพความสัมพันธ์ในวันผ่าน
ที่อ่อนหวานอาวรณ์ .. แสนอ่อนไหว
งดงามการโอบเอื้อแห่งเยื่อใย
สอดรัดไว้ผสานผสมด้วยสมยอม
O อีกหนึ่งความมั่นคง .. ที่ส่งผ่าน
ฝากกับฝนโรยม่าน .. ทั่วย่านหย่อม
ฝากนัยะพะเน้าพะนอ .. ให้รอพร้อม
รอโอบอ้อมเสน่หาจะมาเยือน
O เมื่ออ่อนหวานเอ็นดู .. ที่รู้สึก
ตราผนึกตรึงรอยเกินถอยเคลื่อน
มีแต่ต้องทวงสิทธิ์คอยติดเตือน
เหนี่ยวรั้งเงื่อนห่วงคะนึงจดถึงกัน
O รูปเอย .. รูปสุรางค์ที่กลางใจ
สดับเถิด .. เสียงใด-แว่วไหวสั่น
กลางลมฝนครวญคร่ำ .. ฝากคำบัญ-
ชา-ชี้กระชับกระชั้น .. กล่อมขวัญน้อย
O อยู่รอรับออดอ้อน .. คำอ่อนหวาน
พลิ้วฝ่าม่านเย็นยะเยียบ .. แทรกเงียบหงอย
หวัง-ท่ามกลางมืดหม่น .. ฝุ่นฝนปรอย
หวานคงคล้อยเคลือบแล้ว .. ทั่วแววตา
O ไร้วงจันทร์ลอยดวง .. กลางช่วงยาม
แต่ที่วามวับคอยละห้อยหา
ย่อมวาดหวังย่อมถวิลในจินตนา
ส่งกลับมาขนาบรุม .. ไว้สุมทรวง
O คือ .. ภาพความสัมพันธ์ในวันพรุ่ง
ที่โค้งรุ้ง .. จะอำพนที่บนสรวง
ที่ออดอ้อนจะเคลือบไว้ที่ในดวง-
ตา-คู่หวงแหนนั้น .. ตามบัญชา
O สุดรอคอย .. จึงเห็นว่าเป็นเจ้า
กี่ภพกาลผ่านเล่า ..ที่เฝ้าหา
เหมือนพิมพ์ภาคฝากมั่นลงสัญญา
สบเพียงคราครั้งหนึ่ง .. ก็-ถึงรู้ .. !
.
.
.
ขออนุญาตคนในภาพนะขอรับ
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=01-10-2025&group=11&gblog=3
O นยะที่ต้องหยั่ง .. O
O เมื่อคลื่นฝน .. พรมพร่างไม่ว่างเว้น
ค่อยโรยเส้นล้อมห่มสายลมร่ำ
จึง-ผืนฟ้ารอบด้านคลี่ม่านดำ
ของคืนค่ำให้สยาย .. ลงคลายตัว
O เพียงจะให้หม่นหมอง .. ที่มองว่า
เหมือนรูปรอยเหว่ว้า .. ยามฟ้าหลัว
บังดวงวันเรื่อรอง .. ให้หมองมัว
เข้าเกลือกกลั้วแอบค่ำอย่างจำนน
O ผืนฟ้าหมอง .. ใจคนก็หม่นเหลือ
จะร้างเรื่อรองรพี .. สักกี่หน ?
ผ่านไปแล้วรอบระยับ .. ที่อับจน
จะวกวนเวียนมา .. กี่คราครั้ง ?
O ฝุ่นน้ำโหมหวนระลอก .. ราวบอกว่า
เสน่หาในคน .. เหมือนฝนหลั่ง
จะเหิมโหมระลอกชู้ .. ไม่รู้ฟัง
เกินหยุดยั้งต่อต้าน .. เมื่อผ่านมา
O ริ้วลมหนาว .. โผผ่าน .. ฝ่าม่านฝน
ฝุ่นน้ำวนไหวช่วง .. เมื่อห่วงว่า
รูปน้อยเอย .. เนตรใครที่ไกลตา
จะเหว่ว้าละห้อยเห็น .. อยู่เช่นไร ?
O หรือ-คำนึงถึงอยู่ .. ไม่รู้แล้ว
ทุกสายลมโผยแผ่ว .. เสียงแว่วไหว
กลางทรวงนั้น .. ส่งคิดสู่จิตใคร
คอยสุมใส่แรงถวิล .. แนบจินตนา ?
O ตักตวงความอบอุ่นไว้อุ่นเนื้อ
ต่อต้านเชื้อหนาวเย็นที่เร้นหา
รู้หรือไม่ .. ผ่องแผ้วในแววตา
นั้น .. เกินฝ่าฝืนพ้น .. แล้วคนดี
O ควรนักแล้ว .. รสสุมาลย์อันหวานหอม
จักคอยล้อมรอบถิ่น .. อวดกลิ่นสี
แววอาวรณ์อาลัย .. เงื่อนไมตรี
ย่อมควรที่-อารมณ์จักสมยอม
O เมื่อ .. หยาดฝน .. แวดล้อมไม่ยอมเว้น
ไหว-ตอบเต้นพลิ้วผ่าน, ความหวานหอม
ก็โชยผ่านลมร่ำ .. ให้ด่ำดอม
เข้าอาบย้อม .. อาลัยพาไหววน
O มอบมาเถิดหวานหอม .. ที่หอมกว่า
กลิ่นลดาอ่อนละมุนกลางฝุ่นฝน
ช่วยแตะตื่นแรงถวิล .. ให้ดิ้นรน
แข่งเสียงก้องกาหลที่บนฟ้า !
O กลางเส้นไฟโชนคุ .. ขึ้นลุแล่น
พร้อมเม็ดฝนโซมแถนทั้งแสนห่า
เหมือนแววออดอ้อนช่วงที่ดวงตา
เผยบอกความเสน่หา .. รับอาลัย
O คืน .. ภาพความสัมพันธ์ในวันผ่าน
ที่อ่อนหวานอาวรณ์ .. แสนอ่อนไหว
งดงามการโอบเอื้อแห่งเยื่อใย
สอดรัดไว้ผสานผสมด้วยสมยอม
O อีกหนึ่งความมั่นคง .. ที่ส่งผ่าน
ฝากกับฝนโรยม่าน .. ทั่วย่านหย่อม
ฝากนัยะพะเน้าพะนอ .. ให้รอพร้อม
รอโอบอ้อมเสน่หาจะมาเยือน
O เมื่ออ่อนหวานเอ็นดู .. ที่รู้สึก
ตราผนึกตรึงรอยเกินถอยเคลื่อน
มีแต่ต้องทวงสิทธิ์คอยติดเตือน
เหนี่ยวรั้งเงื่อนห่วงคะนึงจดถึงกัน
O รูปเอย .. รูปสุรางค์ที่กลางใจ
สดับเถิด .. เสียงใด-แว่วไหวสั่น
กลางลมฝนครวญคร่ำ .. ฝากคำบัญ-
ชา-ชี้กระชับกระชั้น .. กล่อมขวัญน้อย
O อยู่รอรับออดอ้อน .. คำอ่อนหวาน
พลิ้วฝ่าม่านเย็นยะเยียบ .. แทรกเงียบหงอย
หวัง-ท่ามกลางมืดหม่น .. ฝุ่นฝนปรอย
หวานคงคล้อยเคลือบแล้ว .. ทั่วแววตา
O ไร้วงจันทร์ลอยดวง .. กลางช่วงยาม
แต่ที่วามวับคอยละห้อยหา
ย่อมวาดหวังย่อมถวิลในจินตนา
ส่งกลับมาขนาบรุม .. ไว้สุมทรวง
O คือ .. ภาพความสัมพันธ์ในวันพรุ่ง
ที่โค้งรุ้ง .. จะอำพนที่บนสรวง
ที่ออดอ้อนจะเคลือบไว้ที่ในดวง-
ตา-คู่หวงแหนนั้น .. ตามบัญชา
O สุดรอคอย .. จึงเห็นว่าเป็นเจ้า
กี่ภพกาลผ่านเล่า ..ที่เฝ้าหา
เหมือนพิมพ์ภาคฝากมั่นลงสัญญา
สบเพียงคราครั้งหนึ่ง .. ก็-ถึงรู้ .. !
.
.
.
ขออนุญาตคนในภาพนะขอรับ
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sdayoo&month=01-10-2025&group=11&gblog=3