✨️ประวัติและที่มาของ "ต้มยำกุ้ง" อาหารไทยในระดับโลก
🍲🇹🇭
#ต้มยำกุ้ง
เป็นหนึ่งในอาหารไทยที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่ประวัติและที่มาของต้มยำกุ้งอย่างแน่ชัดนั้นยังไม่ปรากฏหลักฐานที่ระบุว่าใครเป็นผู้คิดค้นได้อย่างชัดเจน
แต่มีข้อมูลและหลักฐานที่เกี่ยวข้องดังนี้
🍲มีการบันทึกถึงเมนู "ต้มยำ" มาตั้งแต่ สมัยรัชกาลที่ 5 โดยปรากฏในหนังสือ "ประติทินบัตรแล จดหมายเหตุ ร.ศ.108" (พ.ศ. 2432) แต่เป็นต้มยำที่ใช้ปลา เช่น ปลาช่อน ปลาหมอ ปลากระเบน เป็นหลัก
🍲ในปี พ.ศ. 2451 ปรากฏชื่อเมนู "แกงนอกหม้อ" ใน "ตำราแม่ครัวหัวป่าก์" ของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ซึ่งเป็นตำราอาหารอย่างเป็นทางการของไทยเล่มแรก แต่ลักษณะอาจไม่เหมือนต้มยำกุ้งที่รู้จักกันในปัจจุบัน
🍲คำว่า "ต้มยำ" ปรากฏในวรรณคดีไทย เช่น เสภาขุนช้างขุนแผน และ พระอภัยมณี ในช่วง พ.ศ. 2352-2367 (สมัยรัชกาลที่ 2)
🍲ใน พ.ศ. 2441 ปรากฏสูตร "ต้มยำกุ้งทรงเครื่อง" และ "ต้มยำกุ้งกับเห็ดโคน" ในตำรา "ปะทานุกรม การทำของคาวของหวาน อย่างฝรั่งแลสยาม"
สูตรที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับต้มยำกุ้งที่รู้จักกันในปัจจุบันถูกบันทึกไว้ในหนังสือ "ของเสวย" (พ.ศ. 2507) โดยหม่อมราชวงศ์กิตินัดดา กิติยากร ซึ่งเคยปรุงต้มยำกุ้งถวายเป็นเครื่องเสวยมาก่อนในปี พ.ศ. 2505
ชื่อ "ต้มยำกุ้ง" สื่อถึงกระบวนการและวัตถุดิบหลัก
"ต้ม" คือกระบวนการปรุงด้วยการต้มน้ำกับสมุนไพรให้เดือด
"ยำ" คือการปรุงรสจัดจ้าน เปรี้ยว เผ็ด เค็ม มัน (แบบยำ)
"กุ้ง" คือวัตถุดิบหลักที่เป็นเนื้อสัตว์
ต้มยำกุ้งสันนิษฐานว่ามีต้นกำเนิดใน ภาคกลางของไทย เนื่องจากในอดีตมีการใช้ กุ้งแม่น้ำ ที่หาได้ง่ายตามแหล่งน้ำธรรมชาติมาเป็นวัตถุดิบหลัก
ต้มยำกุ้งเป็นอาหารที่สะท้อนให้เห็นถึง ภูมิปัญญาของคนไทย ในการใช้ สมุนไพร ต่างๆ เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มาเป็นส่วนประกอบ ซึ่งมีสรรพคุณทางยาและเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2567 องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศขึ้นทะเบียน "ต้มยำกุ้ง" เป็น มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ซึ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของอาหารจานนี้ในระดับโลก
แม้จะไม่มีหลักฐานที่ระบุว่าใครเป็นผู้คิดค้นต้มยำกุ้งได้อย่างชัดเจน แต่องค์ประกอบของ "ต้มยำ" โดยใช้ปลาหรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ นั้น มีมานานแล้วตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ และสูตรที่ใช้ "กุ้ง" จนเป็นที่นิยมและเป็นเอกลักษณ์ของชาติได้ถูกพัฒนาและบันทึกไว้ในช่วงเวลาต่อมา.
The Earth
✨️ประวัติและที่มาของ "ต้มยำกุ้ง" อาหารไทยในระดับโลก 🍲🇹🇭
🍲🇹🇭
#ต้มยำกุ้ง
เป็นหนึ่งในอาหารไทยที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่ประวัติและที่มาของต้มยำกุ้งอย่างแน่ชัดนั้นยังไม่ปรากฏหลักฐานที่ระบุว่าใครเป็นผู้คิดค้นได้อย่างชัดเจน
แต่มีข้อมูลและหลักฐานที่เกี่ยวข้องดังนี้
🍲มีการบันทึกถึงเมนู "ต้มยำ" มาตั้งแต่ สมัยรัชกาลที่ 5 โดยปรากฏในหนังสือ "ประติทินบัตรแล จดหมายเหตุ ร.ศ.108" (พ.ศ. 2432) แต่เป็นต้มยำที่ใช้ปลา เช่น ปลาช่อน ปลาหมอ ปลากระเบน เป็นหลัก
🍲ในปี พ.ศ. 2451 ปรากฏชื่อเมนู "แกงนอกหม้อ" ใน "ตำราแม่ครัวหัวป่าก์" ของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ซึ่งเป็นตำราอาหารอย่างเป็นทางการของไทยเล่มแรก แต่ลักษณะอาจไม่เหมือนต้มยำกุ้งที่รู้จักกันในปัจจุบัน
🍲คำว่า "ต้มยำ" ปรากฏในวรรณคดีไทย เช่น เสภาขุนช้างขุนแผน และ พระอภัยมณี ในช่วง พ.ศ. 2352-2367 (สมัยรัชกาลที่ 2)
🍲ใน พ.ศ. 2441 ปรากฏสูตร "ต้มยำกุ้งทรงเครื่อง" และ "ต้มยำกุ้งกับเห็ดโคน" ในตำรา "ปะทานุกรม การทำของคาวของหวาน อย่างฝรั่งแลสยาม"
สูตรที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับต้มยำกุ้งที่รู้จักกันในปัจจุบันถูกบันทึกไว้ในหนังสือ "ของเสวย" (พ.ศ. 2507) โดยหม่อมราชวงศ์กิตินัดดา กิติยากร ซึ่งเคยปรุงต้มยำกุ้งถวายเป็นเครื่องเสวยมาก่อนในปี พ.ศ. 2505
ชื่อ "ต้มยำกุ้ง" สื่อถึงกระบวนการและวัตถุดิบหลัก
"ต้ม" คือกระบวนการปรุงด้วยการต้มน้ำกับสมุนไพรให้เดือด
"ยำ" คือการปรุงรสจัดจ้าน เปรี้ยว เผ็ด เค็ม มัน (แบบยำ)
"กุ้ง" คือวัตถุดิบหลักที่เป็นเนื้อสัตว์
ต้มยำกุ้งสันนิษฐานว่ามีต้นกำเนิดใน ภาคกลางของไทย เนื่องจากในอดีตมีการใช้ กุ้งแม่น้ำ ที่หาได้ง่ายตามแหล่งน้ำธรรมชาติมาเป็นวัตถุดิบหลัก
ต้มยำกุ้งเป็นอาหารที่สะท้อนให้เห็นถึง ภูมิปัญญาของคนไทย ในการใช้ สมุนไพร ต่างๆ เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มาเป็นส่วนประกอบ ซึ่งมีสรรพคุณทางยาและเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2567 องค์การยูเนสโก (UNESCO) ได้ประกาศขึ้นทะเบียน "ต้มยำกุ้ง" เป็น มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ซึ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของอาหารจานนี้ในระดับโลก
แม้จะไม่มีหลักฐานที่ระบุว่าใครเป็นผู้คิดค้นต้มยำกุ้งได้อย่างชัดเจน แต่องค์ประกอบของ "ต้มยำ" โดยใช้ปลาหรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ นั้น มีมานานแล้วตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ และสูตรที่ใช้ "กุ้ง" จนเป็นที่นิยมและเป็นเอกลักษณ์ของชาติได้ถูกพัฒนาและบันทึกไว้ในช่วงเวลาต่อมา.
The Earth