ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ถูกยอมรับจากประชาชนอย่างรวดเร็ว หลังจากเธอชี้แจงนโยบายเศรษฐกิจในการประชุมสภา ได้อย่างน่าประทับใจ
รัฐมนตรีศุภจี รับฟังความเห็นของผู้อภิปราย ส.ส.สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล จากพรรคประชาชนอย่างใจเย็น เธอกล่าวขอบคุณ และอธิบายในมุมของตัวเอง พร้อมกับยืนยันว่า จะรับฟังทุกๆ ความเห็น เพื่อหาทางแก้ปัญหาการค้าของไทย ให้เติบโตและยั่งยืนต่อไป
ในโลกออนไลน์ ผู้คนรู้สึกชื่นชม เพราะนี่คือการประชุมสภาในฝัน ฝ่ายค้านแนะนำ ชี้ให้เห็นจุดอ่อน ส่วนรัฐบาลอธิบายเหตุผล รับฟังแล้วเอาไปพัฒนา เป็นการพูดคุยอันสร้างสรรค์ ที่ไม่ใช่การโจมตีวาทกรรม เหมือนกับกรณีอื่นๆ
ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีบางคน อาจมีคำถามบ้าง แต่กับคุณแต๋ม ศุภจี นี่คือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม เป็นการหยิบจับคนมาใช้ได้ถูกกับงานอย่างแท้จริง
สำหรับคนในแวดวงธุรกิจ จะรู้จักเธอเป็นอย่างดี ว่ารัฐมนตรีศุภจี มีความสามารถขนาดไหน เธอถูกยกย่องว่าเป็น "หญิงแกร่ง" และพิสูจน์ตัวเองมาแล้ว กับทุกองค์กรที่ตัวเองอยู่
สำหรับแบ็กกราวน์ของคุณศุภจี เธอเรียนจบปริญญาตรี คณะสังคมวิทยาฯ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากนั้นเรียนจบปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยนอร์ธอร์ป ที่สหรัฐฯ ในวิชาการเงินและการบัญชี
หลังจากเรียนจบ คุณศุภจี เข้าไปทำงานที่บริษัท IBM ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของโลก ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่การเงิน ก่อนจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเรื่อยๆ ไปถึงรองประธานบริษัทประจำภูมิภาคอาเซียน และ ผู้ช่วยซีอีโอ ที่สำนักงานใหญ่ในนิวยอร์ก
จุดเด่นของเธอ คือ การบริหารคน และ การบริหารเงิน เธอใช้ความสามารถทั้งสังคมศาสตร์ตอนปริญญาตรี และ การบัญชีตอนปริญญาโทได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึง ยังสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างเฉียบขาดอีกด้วย
หลังจากอยู่ IBM มา 23 ปี ศุภจี ตอบรับข้อเสนอตำแหน่งซีอีโอของไทยคม ซึ่งเป็นธุรกิจดาวเทียม โดยเธอยอมรับว่า ตอนแรกไม่รู้จักดาวเทียม แต่เมื่อคิดจะรับงานแล้ว ก็มาศึกษาทุกอย่างตั้งแต่เบื้องต้น ให้เข้าใจละเอียด เพื่อที่จะได้วางแผนกลยุทธ์ทุกอย่างได้
ศุภจีวัย 47 ปี ทำงานที่ไทยคมเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น ก็ทำกำไรให้ไทยคมเพิ่มขึ้น 548% จากนั้นเธอก็ได้รับรางวัล ผู้บริหารธุรกิจดาวเทียมยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย แปซิฟิคอีกด้วย
หลังจากอยู่กับไทยคมได้ 4 ปี ศุภจี ได้รับข้อเสนอที่ท้าทายครั้งใหม่ ให้มาเป็นซีอีโอของกลุ่มดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล เชนโรงแรมแถวหน้าของประเทศ เนื่องจาก ชนินทธ์ โทณวณิก ซีอีโอคนปัจจุบันใกล้จะเกษียณ
ศุภจีมีแพสชั่นส่วนตัว นั่นคืออยากทำอะไรสักอย่างที่ เอาความเป็นไทย (Thainess) ออกไปให้โลกได้รับรู้ ซึ่งธุรกิจโรงแรมเป็นอะไรที่ลงตัวพอดี
กลุ่มดุสิต ทาบทามเธอ 6 เดือน คุณศุภจีก็ตอบตกลง มาเป็นซีอีโอคนที่สามของอาณาจักรดุสิตในที่สุด ในปี 2559 ตอนเธออายุ 51 ปี
แม้จะเจอกับสถานการณ์ผันผวนมากมาย แต่ศุภจี สร้างกำไรให้กลุ่มดุสิตได้อย่างมหาศาล ในปี 2561 บริษัททำกำไร 290 ล้านบาท จากนั้นปี 2562 ทำกำไรได้ 320 ล้านบาท
แม้แต่ในช่วงโควิด ที่ธุรกิจโรงแรมต้องเจอความลำบากทั้งโลก เธอแสดงให้เห็นความสามารถของผู้บริหารคือ "ไม่ปลดคน" เพราะพนักงานคือทรัพยากรล้ำค่าของบริษัท แต่เธอหารายได้เพิ่มในช่วงโควิด เพื่อให้ทุกคน และบริษัทอยู่รอดไปด้วยกัน จนโควิดผ่านพ้นไปในที่สุด
ประสบการณ์ทำงานใน 3 องค์กรยักษ์ ทั้ง IBM, ไทยคม และ ดุสิตธานี พร้อมทั้งการันตีกำไร กับทุกองค์กร เป็นข้อพิสูจน์ได้ดี ว่าเธอเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่ยอดเยี่ยม ที่ประเทศไทยมี
เธอเป็นคนที่ภาคเอกชน ทั้งไทยและต่างชาติยอมรับ ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่บริหารองค์กรไหน ก็ทำกำไรได้ร้อยล้านทุกปีขนาดนี้
ดังนั้นการที่รัฐบาลของนายอนุทิน ไปทาบทามตัวคุณศุภจี มาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ได้ ถือเป็นเรื่องน่ายินดี ที่คนระดับนี้ ตัดสินใจมารับงานเพื่อช่วยประเทศให้ผ่านวิกฤติไปให้ได้
สำหรับวิธีการทำงานของคุณศุภจีนั้น เธอพูดเสมอว่า "เราไม่จำเป็นต้องรู้เยอะกว่าใคร แต่ผู้บริหารต้องเคารพความเห็นของทุกคน"
ผู้บริหารที่ดี ไม่ใช่ต้องรู้ทุกเรื่อง แต่ต้องรับฟังความเห็นอย่างเปิดกว้าง และเปิดพื้นที่ให้คนในองค์กร ได้แชร์ความคิดอย่างอิสระ
สำนักข่าว Today เคยถามเธอว่าเคล็ดลับที่เธอใช้ ในการบริหารองค์กรคืออะไร เธอตอบว่า
Hope for the best, but prepare for the worst
นั่นคือพยายามเตรียมตัวสำหรับสิ่งเลวร้ายที่สุด ที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ก็ให้มีความหวังไว้เสมอ ว่าหลังจากที่ผ่านพ้นไปแล้ว สิ่งดีๆ มันจะตามมา
จากนั้นเราถามต่อว่า ขอ 3 คำที่เป็นหลักการในการทำงานของเธอ คุณศุภจีตอบว่า "สมดุล ไม่ประมาท และ มีสติ"
สมดุลคือ ต้องดูแลเรื่องความเสี่ยงเสมอ กล้าลงทุนได้ แต่ต้องรอบคอบ
ไม่ประมาท คือ ก่อนจะตัดสินใจอะไรสักอย่าง ต้องรู้ข้อมูลทั้งหมด ว่าสิ่งที่ทำอยู่มัน มีความเสี่ยงหรือไม่ เสี่ยงแค่ไหน
และ การมีสติ คือต้องตระหนักกับตัวเองเสมอ ว่างานของเราแม้จะดูเล็กน้อยแค่ไหน แต่เมื่อเราต้องทำงานชิ้นนั้นแล้ว ต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด
ปัจจุบันนี้ คุณศุภจี รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ ในช่วงรัฐบาล 4 เดือน ของนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกุล ก็น่าติดตามว่า เธอจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจการค้าของไทยที่ซบเซา และมีอุปสรรคมากมาย ให้คืนชีพได้หรือไม่ เหมือนกับทุกๆ องค์กรที่เธอเคยบริหารงานมา
.
สำนักข่าว TODAY
สำนักข่าวออนไลน์ เปิดความรู้ ดูทูเดย์
.
#สำนักข่าวทูเดย์
#MakeTomorrowTODAY
CR
https://www.facebook.com/share/p/1AbDzb4yRh/?mibextid=wwXIfr
คุณศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมต.พาณิชย์ ถูกยอมรับจากประชาชนอย่างรวดเร็ว …ขอให้ท่านนำพาประเทศไทยให้ก้าวหน้า…
รัฐมนตรีศุภจี รับฟังความเห็นของผู้อภิปราย ส.ส.สิทธิพล วิบูลย์ธนากุล จากพรรคประชาชนอย่างใจเย็น เธอกล่าวขอบคุณ และอธิบายในมุมของตัวเอง พร้อมกับยืนยันว่า จะรับฟังทุกๆ ความเห็น เพื่อหาทางแก้ปัญหาการค้าของไทย ให้เติบโตและยั่งยืนต่อไป
ในโลกออนไลน์ ผู้คนรู้สึกชื่นชม เพราะนี่คือการประชุมสภาในฝัน ฝ่ายค้านแนะนำ ชี้ให้เห็นจุดอ่อน ส่วนรัฐบาลอธิบายเหตุผล รับฟังแล้วเอาไปพัฒนา เป็นการพูดคุยอันสร้างสรรค์ ที่ไม่ใช่การโจมตีวาทกรรม เหมือนกับกรณีอื่นๆ
ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีบางคน อาจมีคำถามบ้าง แต่กับคุณแต๋ม ศุภจี นี่คือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม เป็นการหยิบจับคนมาใช้ได้ถูกกับงานอย่างแท้จริง
สำหรับคนในแวดวงธุรกิจ จะรู้จักเธอเป็นอย่างดี ว่ารัฐมนตรีศุภจี มีความสามารถขนาดไหน เธอถูกยกย่องว่าเป็น "หญิงแกร่ง" และพิสูจน์ตัวเองมาแล้ว กับทุกองค์กรที่ตัวเองอยู่
สำหรับแบ็กกราวน์ของคุณศุภจี เธอเรียนจบปริญญาตรี คณะสังคมวิทยาฯ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จากนั้นเรียนจบปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยนอร์ธอร์ป ที่สหรัฐฯ ในวิชาการเงินและการบัญชี
หลังจากเรียนจบ คุณศุภจี เข้าไปทำงานที่บริษัท IBM ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของโลก ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่การเงิน ก่อนจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเรื่อยๆ ไปถึงรองประธานบริษัทประจำภูมิภาคอาเซียน และ ผู้ช่วยซีอีโอ ที่สำนักงานใหญ่ในนิวยอร์ก
จุดเด่นของเธอ คือ การบริหารคน และ การบริหารเงิน เธอใช้ความสามารถทั้งสังคมศาสตร์ตอนปริญญาตรี และ การบัญชีตอนปริญญาโทได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึง ยังสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างเฉียบขาดอีกด้วย
หลังจากอยู่ IBM มา 23 ปี ศุภจี ตอบรับข้อเสนอตำแหน่งซีอีโอของไทยคม ซึ่งเป็นธุรกิจดาวเทียม โดยเธอยอมรับว่า ตอนแรกไม่รู้จักดาวเทียม แต่เมื่อคิดจะรับงานแล้ว ก็มาศึกษาทุกอย่างตั้งแต่เบื้องต้น ให้เข้าใจละเอียด เพื่อที่จะได้วางแผนกลยุทธ์ทุกอย่างได้
ศุภจีวัย 47 ปี ทำงานที่ไทยคมเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น ก็ทำกำไรให้ไทยคมเพิ่มขึ้น 548% จากนั้นเธอก็ได้รับรางวัล ผู้บริหารธุรกิจดาวเทียมยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย แปซิฟิคอีกด้วย
หลังจากอยู่กับไทยคมได้ 4 ปี ศุภจี ได้รับข้อเสนอที่ท้าทายครั้งใหม่ ให้มาเป็นซีอีโอของกลุ่มดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล เชนโรงแรมแถวหน้าของประเทศ เนื่องจาก ชนินทธ์ โทณวณิก ซีอีโอคนปัจจุบันใกล้จะเกษียณ
ศุภจีมีแพสชั่นส่วนตัว นั่นคืออยากทำอะไรสักอย่างที่ เอาความเป็นไทย (Thainess) ออกไปให้โลกได้รับรู้ ซึ่งธุรกิจโรงแรมเป็นอะไรที่ลงตัวพอดี
กลุ่มดุสิต ทาบทามเธอ 6 เดือน คุณศุภจีก็ตอบตกลง มาเป็นซีอีโอคนที่สามของอาณาจักรดุสิตในที่สุด ในปี 2559 ตอนเธออายุ 51 ปี
แม้จะเจอกับสถานการณ์ผันผวนมากมาย แต่ศุภจี สร้างกำไรให้กลุ่มดุสิตได้อย่างมหาศาล ในปี 2561 บริษัททำกำไร 290 ล้านบาท จากนั้นปี 2562 ทำกำไรได้ 320 ล้านบาท
แม้แต่ในช่วงโควิด ที่ธุรกิจโรงแรมต้องเจอความลำบากทั้งโลก เธอแสดงให้เห็นความสามารถของผู้บริหารคือ "ไม่ปลดคน" เพราะพนักงานคือทรัพยากรล้ำค่าของบริษัท แต่เธอหารายได้เพิ่มในช่วงโควิด เพื่อให้ทุกคน และบริษัทอยู่รอดไปด้วยกัน จนโควิดผ่านพ้นไปในที่สุด
ประสบการณ์ทำงานใน 3 องค์กรยักษ์ ทั้ง IBM, ไทยคม และ ดุสิตธานี พร้อมทั้งการันตีกำไร กับทุกองค์กร เป็นข้อพิสูจน์ได้ดี ว่าเธอเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่ยอดเยี่ยม ที่ประเทศไทยมี
เธอเป็นคนที่ภาคเอกชน ทั้งไทยและต่างชาติยอมรับ ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่บริหารองค์กรไหน ก็ทำกำไรได้ร้อยล้านทุกปีขนาดนี้
ดังนั้นการที่รัฐบาลของนายอนุทิน ไปทาบทามตัวคุณศุภจี มาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ได้ ถือเป็นเรื่องน่ายินดี ที่คนระดับนี้ ตัดสินใจมารับงานเพื่อช่วยประเทศให้ผ่านวิกฤติไปให้ได้
สำหรับวิธีการทำงานของคุณศุภจีนั้น เธอพูดเสมอว่า "เราไม่จำเป็นต้องรู้เยอะกว่าใคร แต่ผู้บริหารต้องเคารพความเห็นของทุกคน"
ผู้บริหารที่ดี ไม่ใช่ต้องรู้ทุกเรื่อง แต่ต้องรับฟังความเห็นอย่างเปิดกว้าง และเปิดพื้นที่ให้คนในองค์กร ได้แชร์ความคิดอย่างอิสระ
สำนักข่าว Today เคยถามเธอว่าเคล็ดลับที่เธอใช้ ในการบริหารองค์กรคืออะไร เธอตอบว่า
Hope for the best, but prepare for the worst
นั่นคือพยายามเตรียมตัวสำหรับสิ่งเลวร้ายที่สุด ที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ก็ให้มีความหวังไว้เสมอ ว่าหลังจากที่ผ่านพ้นไปแล้ว สิ่งดีๆ มันจะตามมา
จากนั้นเราถามต่อว่า ขอ 3 คำที่เป็นหลักการในการทำงานของเธอ คุณศุภจีตอบว่า "สมดุล ไม่ประมาท และ มีสติ"
สมดุลคือ ต้องดูแลเรื่องความเสี่ยงเสมอ กล้าลงทุนได้ แต่ต้องรอบคอบ
ไม่ประมาท คือ ก่อนจะตัดสินใจอะไรสักอย่าง ต้องรู้ข้อมูลทั้งหมด ว่าสิ่งที่ทำอยู่มัน มีความเสี่ยงหรือไม่ เสี่ยงแค่ไหน
และ การมีสติ คือต้องตระหนักกับตัวเองเสมอ ว่างานของเราแม้จะดูเล็กน้อยแค่ไหน แต่เมื่อเราต้องทำงานชิ้นนั้นแล้ว ต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุด
ปัจจุบันนี้ คุณศุภจี รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ ในช่วงรัฐบาล 4 เดือน ของนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกุล ก็น่าติดตามว่า เธอจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจการค้าของไทยที่ซบเซา และมีอุปสรรคมากมาย ให้คืนชีพได้หรือไม่ เหมือนกับทุกๆ องค์กรที่เธอเคยบริหารงานมา
.
สำนักข่าว TODAY
สำนักข่าวออนไลน์ เปิดความรู้ ดูทูเดย์
.
#สำนักข่าวทูเดย์
#MakeTomorrowTODAY
CR https://www.facebook.com/share/p/1AbDzb4yRh/?mibextid=wwXIfr