สส.พรรคประชาชน เปิดศึก 'สุชาติ-ยศสิงห์' จี้นายกฯไล่พ้น ครม.
.
.
• นายกฤช ศิลปชัย สส.ระยอง พรรคประชาชน กล่าวหาว่านายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรฯ มีส่วนพัวพันกับขบวนการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมาย
• จ.อ. ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รมช.อุตสาหกรรม ซึ่งเป็นเครือข่ายของนายสุชาติ ถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับการทำบ่อดินเถื่อนที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนใน จ.ชลบุรี
• มีการตั้งข้อสังเกตถึงความไม่เหมาะสมในการแต่งตั้งบุคคลที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับการทำลายสิ่งแวดล้อมมาคุมกระทรวงทรัพยากรฯ และกระทรวงอุตสาหกรรม
• สส. พรรคประชาชนเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีปลดรัฐมนตรีทั้งสองคนออกจากคณะรัฐมนตรี เนื่องจากขาดความน่าเชื่อถือ
.
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2568 ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของคณะรัฐมนตรี นายกฤช ศิลปชัย สส.ระยอง เขต 2 พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายปัญหาในภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของภาคตะวันออก โดยกล่าวว่า ในภาคตะวันออกมีนักลงทุนต่างชาติที่ไม่ปฏิบัติตามกฏหมายไทย โดยเฉพาะการทำธุรกิจด้วยโมเดลศูนย์เหรียญที่ประเทศไทยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย นายหน้าเป็นชาวต่างชาติ ก่อสร้างโดยต่างชาติ วัสดุในการก่อสร้างนำเข้าจากต่างประเทศ เมื่อเปิดโรงงานก็ใช้คนต่างชาติทั้งจากประเทศเพื่อนบ้านและแรงงานจากจากประเทศเจ้าของโรงงาน ซ้ำยังมีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง สนับสนุนชี้ช่องให้กลุ่มทุนสีเทาเหล่านี้ดำเนินธุรกิจอย่างผิดกฎหมาย
.
นายกฤช กล่าวว่า กรณีหนึ่งที่เป็นปัญหาใหญ่คือขบวนการลักลอบทิ้งกากอุตสาหกรรมที่เกี่ยวโยงกับการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมายจากต่างประเทศผ่านท่าเรือแหลมฉบัง โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่โรงงานรีไซเคิลในภาคตะวันออกที่มีปัญหากับชาวบ้านในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพราะเวลารีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์จะปล่อยสารเคมีอันตรายออกมาสู่สิ่งแวดล้อม
.
"ต้องตั้งคำถามว่าเรื่องผิดกฎหมายที่อุกอาจใหญ่โตขนาดนี้จะทำได้อย่างไร ถ้าไม่มีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง และหนึ่งในบรรดาผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมาย ตอนนี้ได้ดิบได้ดีเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล คือนายสุชาติ ชมกลิ่น ทั้งที่ไม่ปรากฏว่ามีความรู้ความสามารถหรือประสบการณ์เกี่ยวข้องกับงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่กลับได้เป็นรองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรฯ" นายกฤช กล่าว
.
นายกฤช อ้างหลักฐานกล่าวหาว่า นายสุชาติอาจมีความเกี่ยวข้องกับการลักลอบขนขยะอิเล็กทรอนิกส์ คือภาพรถบรรทุกที่วิ่งขนส่งระหว่างท่าเรือแหลมฉบังกับโรงงานรีไซเคิลผิดกฎหมาย ด้านหน้ารถบรรทุกดังกล่าวติดสติกเกอร์ “มังกรน้ำเค็ม” พร้อมสโลแกน “พวกกันสำคัญเสมอ” คนภาคตะวันออกโดยเฉพาะคนชลบุรีและระยอง รู้ดีว่าเป็นชื่อของกลุ่มของนายสุชาติ นอกจากนี้ เจ้าของบริษัทเจ้าของรถบรรทุกขนขยะอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมายดังกล่าว ยังเคยมีชื่อเป็นผู้ชำนาญการประจำตัวของสุชาติอีกด้วย
.
"ดังนั้นต่อให้นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลจะดีแค่ไหน แต่ถ้าเรามีคนที่ได้ชื่อว่ามีประวัติเกี่ยวข้องกับการทำลายสิ่งแวดล้อมมาเป็นรัฐมนตรี พี่น้องประชาชนจะเชื่อได้อย่างไรว่าสิ่งแวดล้อมของไทยจะไม่เลวร้ายลงไปกว่านี้ จะเชื่อได้อย่างไรว่าสุชาติจะไม่ใช้อิทธิพลและอำนาจในฐานะเจ้ากระทรวงเพื่อช่วยเหลือกลุ่มทุนที่กระทำผิดกฎหมาย ให้มาทำลายสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทยอีก" นายกฤช กล่าว
.
นายกฤช กล่าวอีกว่า รัฐมนตรีอีกคนที่ตนเห็นว่าเป็นปัญหา คือจ่าเอก ยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหนึ่งในเครือข่ายของสุชาติเช่นกัน โดยกล่าวหาว่ามีประวัติเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย คือการลักลอบทำบ่อดินเถื่อน ที่อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี มีรถบรรทุกวิ่งขนดินกว่า 300 คันต่อวัน บรรทุกน้ำหนักเกินกว่ากฎหมายกำหนด ทำให้เกิดฝุ่นเต็มสองข้างทาง บ้านเรือนของประชาชนโดยรอบต้องขึงสแลนกันฝุ่น ร้านค้าต้องปิดกิจการ การจราจรติดขัด เกิดอุบัติเหตุนับครั้งไม่ถ้วน
.
แม้พรรคประชาชนร่วมกับภาคประชาชน ต่อสู้จนทำให้อุตสาหกรรมจังหวัดมีคำสั่งให้บ่อดินนี้หยุดประกอบการและดำเนินคดีไปแล้ว แต่ไม่ทราบด้วยเหตุใด ยังพบมีการฝ่าฝืนคำสั่งกลับมาสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านอีก ซึ่งเมื่อไปตรวจสอบก็พบว่ารถขนดินดังกล่าวติดสติ๊กเกอร์ “เพื่อนยศสิงห์” อยู่ที่หน้ากระจก โดยเป็นรถของบริษัทของคนในเครือข่ายจ่าเอก ยศสิงห์
.
"ดังนั้นเมื่อดูจากประวัติของรัฐมนตรีทั้งสองที่มีความเกี่ยวข้องกับการทำผิดกฏหมายรวมกันไม่รู้กี่ฉบับ ไม่สมควรได้รับความไว้วางใจให้มาดูแลกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและกระทรวงอุตสาหกรรม แต่ทำไมอนุทินยังตั้ง 2 คนนี้มาเป็นรัฐมนตรี ยอมให้เครือข่ายของสุชาติมานั่งคุมกระทรวงที่ตัวเองมีประวัติเสียหาย แถมยังประเคนให้แบบยกเซ็ต คนหนึ่งคุมเรื่องโรงงานอุตสาหกรรม อีกคนคุมเรื่องสิ่งแวดล้อม" นายกฤช กล่าว
.
นายกฤช กล่าวด้วยว่า ที่น่าสนใจคือในวันที่เพิ่งจะมีโผคณะรัฐมนตรีออกมา มีการยื่นขอใบอนุญาตตั้งและขยายโรงงานรีไซเคิลที่จังหวัดปราจีนบุรีถึง 6 โรงงานในวันเดียวกัน บริษัทที่ยื่นขอเคยเป็นโรงงานเถื่อนที่ถูกสั่งปิดไปเมื่อปีที่แล้วเพราะปล่อยมลพิษออกสู่สิ่งแวดล้อม และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐมนตรีจ่าเอก ยศสิงห์ เพิ่งมอบนโยบาย “เปิดเร็ว ปิดเร็ว พึ่งพาได้” บอกว่าจะทำให้การขออนุญาตโรงงานง่ายขึ้น ไวขึ้น โรงงานไหนถูกสั่งปิด หากแก้ไขเสร็จจะรีบอนุญาตให้กลับมาเปิดใหม่โดยเร็ว เรื่องต่าง ๆ ที่ดูลงตัวกันเช่นนี้ ยิ่งทำให้ตนกังวลว่าจะเป็นนโยบาย “จ่ายครบ จบแน่” หรือไม่ ตนจะรอดูว่ารัฐบาลของนายกฯ อนุทินที่มีจ่าเอกยศสิงห์ ดูแลกรมโรงงาน จะออกใบ รง.4 ให้กับโรงงานรีไซเคิลที่มีประวัติเคยปล่อยมลพิษหรือไม่
.
สส.ระยอง ปชน. กล่าวว่า อุตสาหกรรมเป็นหัวใจของพี่น้องภาคตะวันออก โรงงานหมายถึงการจ้างงานและรายได้ในกระเป๋าของประชาชน แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาภาคตะวันออกเจอปัญหาโรงงานที่เข้ามาตั้งใหม่จำนวนมาก ไม่ได้สร้างงานไม่ได้สร้างเงินให้กับคนไทย แต่เป็นการตั้งโรงงานทุนเทาศูนย์เหรียญที่คนไทยไม่ได้ประโยชน์ หนำซ้ำยังเข้ามาทำลายสิ่งแวดล้อมภายในประเทศ ทำลายสุขภาพของคนไทย โดยรัฐบาลนี้สัญญาว่าจะเข้ามาแก้ปัญหา แต่กลับตั้งคนที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับการทำลายสิ่งแวดล้อมมาดูแลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมมลพิษ เกี่ยวข้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อม แล้วหลังจากนี้อีก 4 เดือนภาคตะวันออกจะเละเทะขนาดไหน
.
"เชื่อว่าถ้ารัฐมนตรี 2 คนนี้ยังอยู่ในตำแหน่ง นโยบายสิ่งแวดล้อมที่นายกฯ อนุทินแถลงในวันนี้ นอกจากจะไม่สำเร็จ ยังเป็นการซ้ำเติมปัญหา จะกลายเป็นยุคที่กลุ่มทุนสีเทาเติบโต สิ่งที่เคยดีจะกลายเป็นแย่ สิ่งที่แย่อยู่แล้วจะยิ่งแย่กว่าเดิม จึงเรียกร้องนายกฯ ขอให้เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีคู่นี้ออกจากคณะรัฐมนตรี เพราะจากประวัติที่ผ่านมา ไม่สามารถไว้วางใจให้ดูแลสิ่งแวดล้อมและโรงงานของประเทศได้" นายกฤช กล่าว
.
.
นันทนา กังขานโยบายแก้รธน. มีแค่ 3 บรรทัด จับตารมว.ยธ. สายตรงบุรีรัมย์ หวั่นนิติกรรมอำพราง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5390037
.
‘นันทนา’ ช็อก นโยบายแก้ รธน.มีแค่ 3 บรรทัด ถามใช่ ‘ภูมิใจไทย-สว.’ หรือไม่ ที่วอล์กเอาต์ไม่ร่วมถก หวั่น รมว.ยุติธรรมสายตรงบุรีรัมย์ ทำนิติกรรมอำพราง พลิกคดีเขากระโดงจากดำเป็นขาว
.
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 กันยายน ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) เป็นพิเศษ เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ เป็นวันที่ 2 น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว. กล่าวว่า เอกสารแถลงนโยบายชุดนี้เขียนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเพียง 3 บรรทัด บอกเพียงว่ารัฐบาลจะสนับสนุนการจัดทำประชามติและการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้ก่อให้เกิดข้อกังขาว่ารัฐบาลมีเจตจำนงที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงใด เพราะที่ผ่านมาใช่พรรคภูมิใจไทยหรือไม่ที่วอล์กเอาต์ในญัตติแก้รัฐธรรมนูญเมื่อต้นปีนี้ ใช่ ส.ว.เสียงข้างมากหรือไม่ที่วอล์กเอาต์ไม่แก้รัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน
.
น.ส.นันทนากล่าวว่า แต่เพียงชั่วข้ามคืนที่ท่านลงนามใน MOA ท่านก็ยูเทิร์นเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับที่ท่านปกป้องมาตลอดต้องยกร่างใหม่ จึงสร้างข้อสงสัยในวิธีการแก้รัฐธรรมนูญว่าจะมีการหมกเม็ด ซ่อนเงื่อน จนในที่สุดเราจะได้รัฐธรรมนูญสีเดียวกับนโยบายของท่านหรือไม่ ขออย่าให้เป็นเช่นนั้น เพราะไม่ใช่เพียงแต่จะทำร้ายพรรคที่อุ้มท่านเป็นรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังทำร้ายประชาชนทั้งประเทศ ด้วยรัฐธรรมนูญฉบับที่แย่กว่าเดิม
.
“ปัญหาใหญ่ที่ประชาชนทั้งประเทศเป็นห่วงรัฐบาลชุดนี้คือนิติธรรม ที่ท่านยืนยันเอาไว้ในเล่มนโยบายข้อ 9 ว่าจะรักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด ต้องถามว่ารัฐบาลจะทำอย่างไร ในเมื่อแค่ ส.ส.อภิปรายเรื่องฮั้ว ส.ว. เขากระโดง พวกท่านก็แห่กันมาประท้วงจนอภิปรายต่อไม่ได้ นี่ก็เริ่มปิดหูปิดตาประชาชนกันเสียแล้ว ท่านจะกลัวอะไร ที่จะนำคดีความที่พวกท่านพัวพันอยู่ในกระบวนการมาเปิดเผยให้ประชาชนได้รับรู้
.
ประชาชนจับตาดูอยู่ว่าท่านรัฐมนตรียุติธรรมที่ได้ฉายาว่าสายตรงบุรีรัมย์ จะมาพลิกผันคดีจากดำกลายเป็นขาว จากขาวให้กลายเป็นดำหรือไม่ ท่านจะย้ายอธิบดีดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ที่ตั้งใจทำคดีนี้หรือไม่ เพราะถ้าจะหาหลักฐานในเรื่องการก้าวก่ายแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ก็อาจจะเป็นเช่นเดียวกับการถามหาใบเสร็จในการทุจริต แต่ผลจากคดีจะเป็นคำตอบในที่สุด หากคดีฮั้ว ส.ว.พลิกผันไป ที่ดินเขากระโดงมิได้กลับไปเป็นของแผ่นดิน นี่คือนิติกรรมอำพราง อันเป็นผลมาจากการบริหารจัดการของรัฐบาลชุดนี้ และย่อมไม่ใช่ Quick win แต่จะกลายเป็น Quick lost ของรัฐบาลชุดนี้ในที่สุด” น.ส.นันทนากล่าว
.
.
พายุโซนร้อน “บัวลอย” ซัด “เหนือ-อีสาน”จมบาดาล ประชาชนอ่วมหลายจังหวัด
.
อิทธิพลพายุ “บัวลอย” ทำฝนตกหนักหลายจังหวัดตอนบนของไทย ตั้งแต่เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ จนถึงอุดรธานี ส่งผลให้น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือน ถนนและสะพานเสียหาย เจ้าหน้าที่ระดมกำลังช่วยเหลือประชาชน พร้อมประกาศเส้นทางเลี่ยงและเพิ่มการระบายน้ำอ่างเก็บน้ำเพื่อบรรเทาผลกระทบ
.
เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนตกหนักต่อเนื่องจากอิทธิพลพายุโซนร้อน “บัวลอย” ส่งผลให้หลายพื้นที่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยเฉพาะอำเภอหล่มสักและหล่มเก่า เกิดน้ำป่าทะลักเข้าท่วมฉับพลันในพื้นที่ ต.ตาดกลอย และ ต.นาแซง น้ำเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 500 หลังคาเรือน บางจุดน้ำท่วมเกือบมิดหลังคา เจ้าหน้าที่และอาสากู้ภัยเร่งเข้าให้การช่วยเหลือ
.
ถนนสายกกกะทอน – น้ำหนาว บริเวณสะพาน S.33 ระดับน้ำสูง รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ต้องใช้เส้นทางเลี่ยง บ้านหนองยาว – หนองกลางแก้ว – ตาดกลอย หมวดทางหลวงตาดกลอยติดตั้งป้ายเตือนและป้ายบอกเส้นทางเลี่ยงเรียบร้อยแล้ว
JJNY : สส.ปชน.เปิดศึก'สุชาติ-ยศสิงห์'│นันทนากังขานโยบายแก้รธน.│“บัวลอย”ซัด“เหนือ-อีสาน”จมบาดาล│ทรัมป์กำลังจัดหาขีปนาวุธ
.
นันทนา กังขานโยบายแก้รธน. มีแค่ 3 บรรทัด จับตารมว.ยธ. สายตรงบุรีรัมย์ หวั่นนิติกรรมอำพราง
https://www.matichon.co.th/politics/news_5390037
.
พายุโซนร้อน “บัวลอย” ซัด “เหนือ-อีสาน”จมบาดาล ประชาชนอ่วมหลายจังหวัด