สวัสดีค่ะ วันนี้อยากมาเขียนรีวิวการสอบสัมภาษณ์ของวิศวกร วิทยุการบินค่ะ ก่อนอื่นเลยขอแจ้งก่อนว่านี่เป็นการเขียนกระทู้ครั้งแรก ใช้ไม่เป็น555555555 ไม่รู้ลงถูกห้องมั้ย แต่อยากมารีวิวให้คนที่ตั้งใจจะเข้าสอบปีถัดๆไป เพราะก่อนตัวเองไปสอบแทบไม่มีใครมารีวิวรอบสัมภาษณ์เลยค่ะ มีแต่รีวิวข้อเขียน ขัดใจค่ะ เลยมารีวิวเองซะเลย
พาร์ทข้อเขียน
- ขอข้ามไปนะคะ สามารถดูได้ที่หลายๆคนเคยรีวิวไว้เลยยย ตรงบ้างไม่ตรงบ้าง ส่วนตัวไม่ได้อ่านอะไรไปเลยค่ะ เพราะเราพึ่งจบใหม่+พึ่งเข้าทำงานบริษัทหนึ่ง เลยไม่มีเวลา ที่ผ่านมาได้ถึงรอบสัมภาษณ์คิดว่าฟลุ๊คด้วยส่วนหนึ่งค่ะ แต่คิดว่าข้อสอบง่ายมากๆ (ส่วนตัวมั่นใจแค่ประมาณ 40 ข้อจาก 100 ข้อ ข้อแคล,ฟิสิกส์,รูปสามมิตินี่ดิ่ง 2,3 หมดเลยค่ะ ทำไม่เป็น ที่เหลือคิดว่าถูกเกือบหมดตามที่ตั้งใจไว้ เพราะมันไม่ยากจริงๆ เหมือนพอพึ่งจบมาใหม่มันเลยเป็นความรู้ที่เรายังไม่ลืมซะส่วนใหญ่ค่ะ)
พาร์ทสัมภาษณ์
- เราได้สัมภาษณ์รอบ 15:00 ค่ะ มาถึงตั้งแต่บ่ายกว่าเลย ไปถึงต้องไปแลกบัตรที่ตึกอำนวยการก่อน เซ็นชื่อ ถ่ายรูปคู่รหัสสอบ ตรงนั้นจะมีคนดูแลอยู่และจะพาไปตอนถึงเวลาสัมภาษณ์ค่ะ
- การแต่งตัว ถ้าตามระเบียบการก็คือขอแค่สุภาพค่ะ รองเท้าหุ้มส้น ไม่ใส่กางเกงยีนส์ ส่วนตัวใส่แสล็ค+เสื้อด้านใน+เสื้อเชิ๊ตทรงสุภาพคลุม+รองเท้าคัทชูค่ะ (ตอนแรกจะใส่เป็นสูทดำแต่ใส่แล้วไม่เข้าเลยค่ะ รู้สึกขัดตาขัดใจ เลยเอาที่เหมาะกับตัวเองแต่ยังสุภาพดีกว่า) แต่แต่แต่ตอนไปถึงมีทั้งคนที่แต่งแบบเรา (ส่วนน้อย) และคนที่แต่งเต็มฟีลๆแอร์โฮสเตสเลยค่ะ แต่เป็นสูทดำ (เต็มสุดก็ใส่เน็ตผม มีเล่มอะไรไม่รู้คิดว่าน่าจะเอามาพรีเซ้นตัวเอง เตรียมตัวดีมากค่ะ ชื่นชมๆๆ)
- รอบเวลาที่เราสัมมีทั้งหมด 6 คนค่ะ สละสิทธิ์(ไม่มา) 1 คน ทำให้เหลือ 5 คน แต่คนแรกของกลุ่มได้เข้าสัมจริงๆก็เกือบจะ 16:00 แล้วค่ะ เลทมากและเลททุกวัน(ถามเพื่อนที่มีสัมรอบอื่นมา) เราได้สัมเป็นคนสุดท้าย เข้าห้องสัมตอน 17:25 ออกมาประมาณ 17:40 ปลายๆค่ะ (ถ้าเดาไม่ผิดจับเวลาคนละ 15 นาที พอครบเวลาแล้วเสียงนาฬิกาจับเวลาจะดัง แต่ถ้ากรรมการคุยเพลินอาจจะคุยต่อ แต่จากที่นั่งรออยู่หน้าห้อง คนละไม่เกิน 20 นาทีแน่ๆค่ะ) ของเรานานเพราะเป็นคนสุดท้ายของรอบด้วย และเป็นคนสุดท้ายของวัน+เราเป็นคนคุยเก่งค่ะ เพลินๆเลย ได้น้ำกับขนมของกรรมการกลับมากินด้วย5555555555
- ของเราเจอกรรมการ 5 คนค่ะ แต่คิดว่าแต่ละคนอาจจะเจอไม่เท่ากัน เห็นกรรมการเดินเข้าเดินออกสลับๆกันไป
- แน่นอนว่าคำถามแรกคือให้เราแนะนำตัวค่ะ จากนั้นเหมือนเค้าจะเปิดเรซูเม่เราแล้วจิ้มสิ่งที่เค้าสงสัยมาถามต่อเลย เช่น ธีสิสทำอะไร ทำยังไง เล่ามาแบบไม่เอาคร่าวๆ เขาอยากรู้แบบลึกเลยค่ะ (เราตอบไม่ได้เพราะลืมไปค่อนข้างเยอะ+ไม่มีเวลาทวน สุดท้ายเค้าบอกว่าที่ถามเพราะอยากรู้เฉยๆค่ะว่าเราทำจริงมั้ย) หรือถ้าใครเคยเป็นกรรมการนักศึกษา/สโมสรนิสิตแบบเราเค้าก็ถามเลยว่าทำอะไรยังไง กระบวนการทำใดๆ
- ดูทุกอย่างยันใบเกรดค่ะ สงสัยตรงไหนเดี๋ยวเขาถามเองค่ะ แต่ไม่ได้เจาะลึกแต่ละวิชานะคะว่าวิชานี้เรียนอะไรยังไง ถ้าเตรียมตัวมาดีตั้งแต่การแนะนำตัวและทวนทุกอย่างที่เคยทำที่ลงไว้ในเรซูเม่ ผ่านฉลุยค่ะะะ!!!(เดา)
- ต่อมาจะเป็นการถามเกี่ยวกับรหัสที่เราลง รู้มั้ยทำอะไร (คิดว่าหลายคนตอบได้) คำถามถัดมาคือรู้มั้ย process ที่ใช้เป็นยังไงหรือใช้เทคโรโลยีอะไรบ้าง (รู้จักหรือหาอะไรที่เกี่ยวข้องอะไรมาพูดให้หมดค่ะ หาข้อมูลมาให้ดีๆนะคะ)
- ที่เหลือไม่ค่อยมีอะไรค่ะ สัมภาษณ์ทั่วไป ไม่ต้องคิดเยอะ จนมาคำถามสุดแปลกที่เห็นในบางรีวิว ของเราโดนถามว่าตอนเข้ามาเห็นป้ายข้างหน้าทางเข้ามั้ย ป้ายใหญ่ๆ เขียนว่าอะไร แต่เรานั่งรถยนต์มากับพ่อ ตอนเข้ามาก็สงใจแค่ทางค่ะ กลัวไปผิดตึกเลยมองไม่เห็น เลยตอบไปตรงๆว่าไม่เห็นค่ะ ข้างหน้าสุดเลยหรอคะ เขาเลยถามว่ามายังไงแล้วเฉลยเองว่าส่วนใหญ่ถ้านั่งรถยนต์มาจะมองไม่เห็น ต้องเดินเข้ามา แล้วเขาก็แซวๆประมาณว่าเข้าใจได้ น่าจะก้มอ่านหนังสือจนไม่เห็นทาง55555555 (ในใจเศร้าแร้วคร้าฟพี่) แต่พอเฉลยว่าเป็นป้ายครบรอบเค้าถามต่อเลยว่ารู้มั้ยกี่ปี เราตอบอย่างมั่นใจพร้อมบอกเดือนและปีที่ก่อตั้งเสียงดัง(ลนจัด) จนกรรมการขำเลยค่ะ ของเรามันชิลจริงๆค่ะ ผลัดกันปล่อยมุกกับกรรมการฟรินๆ
- คุยไปคุยมาพอเขาหมดคำถาม อยู่ก็ถามภาษาอังกฤษค่ะ ซึ่งเราคิดไว้ว่าอาจจะมี แต่ไม่ได้เตรียมตัวมา ของเราประมาณว่า What advantages do you have that make you a good fit for our company? เราตกใจค่ะ แต่ตอบตามมีตามเกิน ทริคคือมั่นใจ ไม่กลัว ตัวแม่ ตอบให้ไว อย่าคิดนาน ไม่ต้องสนใจแกรมม่าขอแค่อย่าทิ้งช่วงนานค่ะ ถ้าฟังออกให้รีบตอบ เพราะช่วงท้ายนี่บอกไปว่าอยากพัฒนาภาษาอังกฤษให้มากกว่านี้ แล้วเขาบอกกลับมาว่าจริงๆพื้รฐานดี และชอบที่ไม่กลัวที่จะตอบ เลยอยากให้ทุกคนเอาตรงนี้ไปลองฝึกกันดูค่ะ อย่ากลัวที่จะพูดนะคะทุกคน เราก็พูดผิดๆถูกๆเหมือนกัน
ประมาณนี้ค่ะ สำหรับเรา กรรมการใจดีค่ะ ไม่คาดคั้น การถามคำถามของกรรมการก็ง่ายค่ะ แต่ต้องเตรียมตัวให้ดีจริงๆค่ะ ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าติดรอบสัมภาษณ์อยู่แล้ว เพราะตอบเกี่ยวกับธีสิสไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรค่ะเราไปเอาฮา ปล่อยมุกกับกรรมการม่วนจอยมาก (ล้อเล่น ถือว่าเป็นประสบการณ์ดีๆประสบการณ์นึงเลยค่ะ) ปีนี้ไม่พร้อมจริงๆ แค่เข้ามาได้ถึงรอบนี้ก็ขอบคุณความรู้อันน้อยนิดในหัวของตัวเองมากๆแล้ว ขอให้ทุกคนสอบผ่านกันนะค้าาาาา ปีหน้าเจอกัน!!!!!
ปล.ปกติอ่านกระทู้อย่าวเดียวไม่เคยลงเอง อาจจะเวิ่นเว้อไปบ้างนะคะ แต่อยากถ่ายทอดออกมาให้เยอะและมากที่สุดเท่าที่จะได้ เผื่อจะเป็นแนวทางให้หลายๆคนได้ค่ะ
[REVIEW] สอบสัมภาษณ์วิศวกรวิทยุการบิน
พาร์ทข้อเขียน
- ขอข้ามไปนะคะ สามารถดูได้ที่หลายๆคนเคยรีวิวไว้เลยยย ตรงบ้างไม่ตรงบ้าง ส่วนตัวไม่ได้อ่านอะไรไปเลยค่ะ เพราะเราพึ่งจบใหม่+พึ่งเข้าทำงานบริษัทหนึ่ง เลยไม่มีเวลา ที่ผ่านมาได้ถึงรอบสัมภาษณ์คิดว่าฟลุ๊คด้วยส่วนหนึ่งค่ะ แต่คิดว่าข้อสอบง่ายมากๆ (ส่วนตัวมั่นใจแค่ประมาณ 40 ข้อจาก 100 ข้อ ข้อแคล,ฟิสิกส์,รูปสามมิตินี่ดิ่ง 2,3 หมดเลยค่ะ ทำไม่เป็น ที่เหลือคิดว่าถูกเกือบหมดตามที่ตั้งใจไว้ เพราะมันไม่ยากจริงๆ เหมือนพอพึ่งจบมาใหม่มันเลยเป็นความรู้ที่เรายังไม่ลืมซะส่วนใหญ่ค่ะ)
พาร์ทสัมภาษณ์
- เราได้สัมภาษณ์รอบ 15:00 ค่ะ มาถึงตั้งแต่บ่ายกว่าเลย ไปถึงต้องไปแลกบัตรที่ตึกอำนวยการก่อน เซ็นชื่อ ถ่ายรูปคู่รหัสสอบ ตรงนั้นจะมีคนดูแลอยู่และจะพาไปตอนถึงเวลาสัมภาษณ์ค่ะ
- การแต่งตัว ถ้าตามระเบียบการก็คือขอแค่สุภาพค่ะ รองเท้าหุ้มส้น ไม่ใส่กางเกงยีนส์ ส่วนตัวใส่แสล็ค+เสื้อด้านใน+เสื้อเชิ๊ตทรงสุภาพคลุม+รองเท้าคัทชูค่ะ (ตอนแรกจะใส่เป็นสูทดำแต่ใส่แล้วไม่เข้าเลยค่ะ รู้สึกขัดตาขัดใจ เลยเอาที่เหมาะกับตัวเองแต่ยังสุภาพดีกว่า) แต่แต่แต่ตอนไปถึงมีทั้งคนที่แต่งแบบเรา (ส่วนน้อย) และคนที่แต่งเต็มฟีลๆแอร์โฮสเตสเลยค่ะ แต่เป็นสูทดำ (เต็มสุดก็ใส่เน็ตผม มีเล่มอะไรไม่รู้คิดว่าน่าจะเอามาพรีเซ้นตัวเอง เตรียมตัวดีมากค่ะ ชื่นชมๆๆ)
- รอบเวลาที่เราสัมมีทั้งหมด 6 คนค่ะ สละสิทธิ์(ไม่มา) 1 คน ทำให้เหลือ 5 คน แต่คนแรกของกลุ่มได้เข้าสัมจริงๆก็เกือบจะ 16:00 แล้วค่ะ เลทมากและเลททุกวัน(ถามเพื่อนที่มีสัมรอบอื่นมา) เราได้สัมเป็นคนสุดท้าย เข้าห้องสัมตอน 17:25 ออกมาประมาณ 17:40 ปลายๆค่ะ (ถ้าเดาไม่ผิดจับเวลาคนละ 15 นาที พอครบเวลาแล้วเสียงนาฬิกาจับเวลาจะดัง แต่ถ้ากรรมการคุยเพลินอาจจะคุยต่อ แต่จากที่นั่งรออยู่หน้าห้อง คนละไม่เกิน 20 นาทีแน่ๆค่ะ) ของเรานานเพราะเป็นคนสุดท้ายของรอบด้วย และเป็นคนสุดท้ายของวัน+เราเป็นคนคุยเก่งค่ะ เพลินๆเลย ได้น้ำกับขนมของกรรมการกลับมากินด้วย5555555555
- ของเราเจอกรรมการ 5 คนค่ะ แต่คิดว่าแต่ละคนอาจจะเจอไม่เท่ากัน เห็นกรรมการเดินเข้าเดินออกสลับๆกันไป
- แน่นอนว่าคำถามแรกคือให้เราแนะนำตัวค่ะ จากนั้นเหมือนเค้าจะเปิดเรซูเม่เราแล้วจิ้มสิ่งที่เค้าสงสัยมาถามต่อเลย เช่น ธีสิสทำอะไร ทำยังไง เล่ามาแบบไม่เอาคร่าวๆ เขาอยากรู้แบบลึกเลยค่ะ (เราตอบไม่ได้เพราะลืมไปค่อนข้างเยอะ+ไม่มีเวลาทวน สุดท้ายเค้าบอกว่าที่ถามเพราะอยากรู้เฉยๆค่ะว่าเราทำจริงมั้ย) หรือถ้าใครเคยเป็นกรรมการนักศึกษา/สโมสรนิสิตแบบเราเค้าก็ถามเลยว่าทำอะไรยังไง กระบวนการทำใดๆ
- ดูทุกอย่างยันใบเกรดค่ะ สงสัยตรงไหนเดี๋ยวเขาถามเองค่ะ แต่ไม่ได้เจาะลึกแต่ละวิชานะคะว่าวิชานี้เรียนอะไรยังไง ถ้าเตรียมตัวมาดีตั้งแต่การแนะนำตัวและทวนทุกอย่างที่เคยทำที่ลงไว้ในเรซูเม่ ผ่านฉลุยค่ะะะ!!!(เดา)
- ต่อมาจะเป็นการถามเกี่ยวกับรหัสที่เราลง รู้มั้ยทำอะไร (คิดว่าหลายคนตอบได้) คำถามถัดมาคือรู้มั้ย process ที่ใช้เป็นยังไงหรือใช้เทคโรโลยีอะไรบ้าง (รู้จักหรือหาอะไรที่เกี่ยวข้องอะไรมาพูดให้หมดค่ะ หาข้อมูลมาให้ดีๆนะคะ)
- ที่เหลือไม่ค่อยมีอะไรค่ะ สัมภาษณ์ทั่วไป ไม่ต้องคิดเยอะ จนมาคำถามสุดแปลกที่เห็นในบางรีวิว ของเราโดนถามว่าตอนเข้ามาเห็นป้ายข้างหน้าทางเข้ามั้ย ป้ายใหญ่ๆ เขียนว่าอะไร แต่เรานั่งรถยนต์มากับพ่อ ตอนเข้ามาก็สงใจแค่ทางค่ะ กลัวไปผิดตึกเลยมองไม่เห็น เลยตอบไปตรงๆว่าไม่เห็นค่ะ ข้างหน้าสุดเลยหรอคะ เขาเลยถามว่ามายังไงแล้วเฉลยเองว่าส่วนใหญ่ถ้านั่งรถยนต์มาจะมองไม่เห็น ต้องเดินเข้ามา แล้วเขาก็แซวๆประมาณว่าเข้าใจได้ น่าจะก้มอ่านหนังสือจนไม่เห็นทาง55555555 (ในใจเศร้าแร้วคร้าฟพี่) แต่พอเฉลยว่าเป็นป้ายครบรอบเค้าถามต่อเลยว่ารู้มั้ยกี่ปี เราตอบอย่างมั่นใจพร้อมบอกเดือนและปีที่ก่อตั้งเสียงดัง(ลนจัด) จนกรรมการขำเลยค่ะ ของเรามันชิลจริงๆค่ะ ผลัดกันปล่อยมุกกับกรรมการฟรินๆ
- คุยไปคุยมาพอเขาหมดคำถาม อยู่ก็ถามภาษาอังกฤษค่ะ ซึ่งเราคิดไว้ว่าอาจจะมี แต่ไม่ได้เตรียมตัวมา ของเราประมาณว่า What advantages do you have that make you a good fit for our company? เราตกใจค่ะ แต่ตอบตามมีตามเกิน ทริคคือมั่นใจ ไม่กลัว ตัวแม่ ตอบให้ไว อย่าคิดนาน ไม่ต้องสนใจแกรมม่าขอแค่อย่าทิ้งช่วงนานค่ะ ถ้าฟังออกให้รีบตอบ เพราะช่วงท้ายนี่บอกไปว่าอยากพัฒนาภาษาอังกฤษให้มากกว่านี้ แล้วเขาบอกกลับมาว่าจริงๆพื้รฐานดี และชอบที่ไม่กลัวที่จะตอบ เลยอยากให้ทุกคนเอาตรงนี้ไปลองฝึกกันดูค่ะ อย่ากลัวที่จะพูดนะคะทุกคน เราก็พูดผิดๆถูกๆเหมือนกัน
ประมาณนี้ค่ะ สำหรับเรา กรรมการใจดีค่ะ ไม่คาดคั้น การถามคำถามของกรรมการก็ง่ายค่ะ แต่ต้องเตรียมตัวให้ดีจริงๆค่ะ ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าติดรอบสัมภาษณ์อยู่แล้ว เพราะตอบเกี่ยวกับธีสิสไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรค่ะเราไปเอาฮา ปล่อยมุกกับกรรมการม่วนจอยมาก (ล้อเล่น ถือว่าเป็นประสบการณ์ดีๆประสบการณ์นึงเลยค่ะ) ปีนี้ไม่พร้อมจริงๆ แค่เข้ามาได้ถึงรอบนี้ก็ขอบคุณความรู้อันน้อยนิดในหัวของตัวเองมากๆแล้ว ขอให้ทุกคนสอบผ่านกันนะค้าาาาา ปีหน้าเจอกัน!!!!!
ปล.ปกติอ่านกระทู้อย่าวเดียวไม่เคยลงเอง อาจจะเวิ่นเว้อไปบ้างนะคะ แต่อยากถ่ายทอดออกมาให้เยอะและมากที่สุดเท่าที่จะได้ เผื่อจะเป็นแนวทางให้หลายๆคนได้ค่ะ