แฉเบื้องหลังรัฐบาล "สีน้ำเงิน" แผนแปลงสารคำพิพากษาศาลฎีกา "คดีเขากระโดง"
.
อาทิตย์หน้าก็คงเป็นอาทิตย์ที่คุณอนุทิน คงจะได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว
เมื่อจบลงแล้วก็คงจะเริ่มเข้าบริหารงานแผ่นดินได้ทันที
แต่ผมต้องการเอาเรื่องเขากระโดง 5,000 ไร่ ที่ศาลสั่งเพิกถอนอย่างชัดเจน
แต่รัฐบาลสีน้ำเงินภูมิใจไทยตีลังกาเล่นยิมนาสติกแปลงสารตามคำสั่งบ้านใหญ่บุรีรัมย์
.
ณ เวลานี้ พรรคภูมิใจไทย ได้เข้ามาเป็นผู้บริหารของรัฐบาลแล้ว
และได้มีการ วางตัวบุคคล เพื่อมาจัดการกับคดีเขากระโดงและคดีฮั้ว สว. ไว้เป็นขั้นเป็นตอนอย่างชัดเจน
ผมจะชี้ให้เห็นว่า ข้อเท็จจริงของคำพิพากษาศาลนั้นถูกแปลงสารโดยบรรดาข้าราชการประจำที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของนักการเมืองอย่างไรบ้าง
.
บุคคลที่ถูกวางตัวไว้เป็นกลไกในการจัดการคดีเขากระโดงคือ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ซึ่งเป็นผู้ดูแลกำกับกรมที่ดิน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการ ตะแบง หรือ แปลงสาร คำสั่งของศาลฎีกา
.
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงคมนาคม ยังไม่ทันไรเลย
การรถไฟก็ถอนตัวจากการเป็นโจทก์ ที่จะฟ้องเรียกที่ดินคืน
เห็นหรือยัง และนายทรงศักดิ์ ทองศรีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พรรคภูมิใจไทย มีหน้าที่ทำงานแทน อนุทิน ในเรื่องเขากระโดง
รวมทั้งพล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมซึ่งกำกับดูแล DSI (กรมสอบสวนคดีพิเศษ)
.
ทันทีที่ เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูล คัมแบ็กกลับสู่คลองหลอด (กระทรวงมหาดไทย) บรรดาข้าราชการก็ยูเทิร์น
ตามผู้มีอำนาจทันที! เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย, และ นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี อธิบดีกรมที่ดิน
ได้ร่วมกันออกแถลงข่าวประสานเสียงยืนยันว่าจะไม่ใช้อำนาจตามมาตรา 61 วรรค 8 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ในที่ดินที่ออกทับที่ดินรถไฟเขากระโดง
แต่จะให้ดำเนินการตามมติของการสอบสวนตามมาตรา 61
ซึ่งมีมติไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ พูดง่าย ๆ คือ วนกลับไปที่เดิม อ้างมติของคณะกรรมการกรมที่ดิน
แทนที่จะบังคับใช้กฎหมายเพิกถอนตามคำสั่งศาล นี่แหละครับคือการแปลงสาร
เพื่อให้เข้าทางรัฐบาลสีน้ำเงินที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับที่ดินเขากระโดง!
.
ความจริงคือความจริง ไม่เปลี่ยนแปลง คำพิพากษาศาลปกครองกลาง
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 วินิจฉัยอย่างชัดเจนว่า
1. ที่ดินเขากระโดงเป็นเขตการรถไฟ อันเป็นทรัพย์สินสาธารณะ
2. การออกหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินทั้ง นส.3 และโฉนดทับแนวเขตทางรถไฟ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
3. ศาลมีคำสั่งให้ เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ที่ออกทับที่ดินรถไฟ โดยให้กรมที่ดินดำเนินการตรวจสอบแนวเขตและเพิกถอนตามกฎหมาย
แต่มติคณะกรรมการสอบสวนของกรมที่ดินกลับวินิจฉัยว่าโฉนดออกโดยชอบ
ไม่เพิกถอน โดยอ้างว่าต้องวางตัวเป็นกลาง แนวเขตยังไม่มีข้อยุติ และการรถไฟไม่มีหลักฐานยืนยันกรรมสิทธิ์
.
นี่คือการดิ้นรนเพื่อยื้อเรื่องนี้ต่อไปอย่างหน้าด้านที่สุด!
มติคณะกรรมการของกรมที่ดินขัดต่อคำพิพากษา
เพราะศาลชี้แล้วว่าการออกเอกสารสิทธิ์นั้น ไม่ชอบ ต้องเพิกถอน แต่คณะกรรมการกลับสรุปว่าโฉนดออกโดยชอบ ซึ่งตรงกันข้ามกับข้อวินิจฉัยของศาล!
.
มติคณะกรรมการกรมที่ดินใหญ่กว่าศาล
การที่คณะกรรมการอ้างว่าแนวเขตยังไม่ยุติ ทั้งๆที่ศาลกำหนดให้รังวัดและตรวจสอบเพื่อยืนยันแนวเขตก่อนเพิกถอน
ซึ่งเป็นเพียงขั้นตอนทางเทคนิค แสดงว่ากรมที่ดินใหญ่กว่าศาลใช่ไหม!
ผมถามว่าบ้านเรามันจะถึงคราว พินาศ

กันแล้วใช่ไหม
ที่คณะกรรมการซึ่งตั้งโดยกระทรวงมหาดไทยกลับ ปฏิเสธคำพิพากษาศาล!
.
พรรคสีน้ำเงินพยายามสื่อให้สังคมไขว้เขวว่า การฟ้องคดีเป็นรายแปลง
ไม่ได้ฟ้องถึง 5,000 ไร่ แต่ข้อเท็จจริงคือการฟ้องที่ศาลปกครองกลางนั้น
เป็นการฟ้อง 5 พันไร่ และถูกพิพากษาถึงที่สุดเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2566
ดังนั้น ที่ กรมที่ดินอ้างว่าปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองเพิกถอนโฉนดที่ดินบางแปลง จึงเป็นการ ใช้ดุลยพินิจโดยไม่สุจริต
ใช้อำนาจเพื่อช่วยเหลือผู้มีอำนาจอย่างหน้าด้านที่สุด
ชัดๆคือ ศาลสั่งอย่างหนึ่ง แต่การเมืองทำอีกอย่างหนึ่ง!
ผมถามว่า ใครทำตัวใหญ่กว่าศาล ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเสาหลักที่ค้ำจุนระบบการปกครองประเทศนี้อยู่!
.
คุณ เนวิน ครับ คุณ อนุทิน ครับ เรื่องนี้ ไม่จบง่าย ๆ
เพราะทุกอย่างมันเข้าไปสู่วงล้อกระบวนการยุติธรรมแล้ว
มันเริ่มหมุนแล้วถ้าพรรคภูมิใจไทยสีน้ำเงินจะอาศัยอำนาจที่มี ฟอกขาว
และกระชากที่ดินเขากระโดงของการรถไฟให้กลับมาเป็นของบ้านใหญ่บุรีรัมย์คือตระกูลชิดชอบ
คุณอย่าดูแคลนประชาชนทั่วไปจะรู้ไม่เท่าทัน เขาไม่ได้กินหญ้า!
.
คุณทำได้อย่างมากก็คือ ยื้อเวลา ถึงคุณจะใช้อำนาจทางการปกครองเข้ามา
แต่ถ้ามันขัดต่อหลักการและคำพิพากษาศาลแล้ว จะทอดเวลานานไปอีกกี่ปีก็ตาม เมื่อวันไหนที่คุณไม่มีอำนาจ พวกข้าราชการต่าง ๆ จะต้อง โดน 157 ติดคุกติดตารางกันเป็นแถว รวมทั้งนักการเมืองที่สนับสนุนให้ปฏิเสธคำสั่งศาล
.
ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่งและประชาชนอีกจำนวนมากจะ จับตาดูคุณอยู่ และจะต้องเอาแผ่นดินไทยพวกนี้คืนกลับมาสู่ประเทศไทย
ไม่ใช่ให้กับตระกูลใดตระกูลหนึ่งอย่างแน่นอนที่สุด ผมให้สัจจวาจา! ผมให้สัตยาบันว่าผมจะไม่มีวันทิ้งเรื่องนี้จนกว่าผมจะตาย!
ที่มา
https://www.facebook.com/share/1BbYY8hWPF/
สนธิลิ้มทองกุลเอาชีวิตเข้าแลก พูดเรื่องเขากระโดง นายกอนุทิน ทำตัวใหญ่กว่าศาล
.
อาทิตย์หน้าก็คงเป็นอาทิตย์ที่คุณอนุทิน คงจะได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว
เมื่อจบลงแล้วก็คงจะเริ่มเข้าบริหารงานแผ่นดินได้ทันที
แต่ผมต้องการเอาเรื่องเขากระโดง 5,000 ไร่ ที่ศาลสั่งเพิกถอนอย่างชัดเจน
แต่รัฐบาลสีน้ำเงินภูมิใจไทยตีลังกาเล่นยิมนาสติกแปลงสารตามคำสั่งบ้านใหญ่บุรีรัมย์
.
ณ เวลานี้ พรรคภูมิใจไทย ได้เข้ามาเป็นผู้บริหารของรัฐบาลแล้ว
และได้มีการ วางตัวบุคคล เพื่อมาจัดการกับคดีเขากระโดงและคดีฮั้ว สว. ไว้เป็นขั้นเป็นตอนอย่างชัดเจน
ผมจะชี้ให้เห็นว่า ข้อเท็จจริงของคำพิพากษาศาลนั้นถูกแปลงสารโดยบรรดาข้าราชการประจำที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของนักการเมืองอย่างไรบ้าง
.
บุคคลที่ถูกวางตัวไว้เป็นกลไกในการจัดการคดีเขากระโดงคือ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ซึ่งเป็นผู้ดูแลกำกับกรมที่ดิน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการ ตะแบง หรือ แปลงสาร คำสั่งของศาลฎีกา
.
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงคมนาคม ยังไม่ทันไรเลย
การรถไฟก็ถอนตัวจากการเป็นโจทก์ ที่จะฟ้องเรียกที่ดินคืน
เห็นหรือยัง และนายทรงศักดิ์ ทองศรีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พรรคภูมิใจไทย มีหน้าที่ทำงานแทน อนุทิน ในเรื่องเขากระโดง
รวมทั้งพล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมซึ่งกำกับดูแล DSI (กรมสอบสวนคดีพิเศษ)
.
ทันทีที่ เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูล คัมแบ็กกลับสู่คลองหลอด (กระทรวงมหาดไทย) บรรดาข้าราชการก็ยูเทิร์น
ตามผู้มีอำนาจทันที! เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย, นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย, และ นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี อธิบดีกรมที่ดิน
ได้ร่วมกันออกแถลงข่าวประสานเสียงยืนยันว่าจะไม่ใช้อำนาจตามมาตรา 61 วรรค 8 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ในที่ดินที่ออกทับที่ดินรถไฟเขากระโดง
แต่จะให้ดำเนินการตามมติของการสอบสวนตามมาตรา 61
ซึ่งมีมติไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ พูดง่าย ๆ คือ วนกลับไปที่เดิม อ้างมติของคณะกรรมการกรมที่ดิน
แทนที่จะบังคับใช้กฎหมายเพิกถอนตามคำสั่งศาล นี่แหละครับคือการแปลงสาร
เพื่อให้เข้าทางรัฐบาลสีน้ำเงินที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับที่ดินเขากระโดง!
.
ความจริงคือความจริง ไม่เปลี่ยนแปลง คำพิพากษาศาลปกครองกลาง
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 วินิจฉัยอย่างชัดเจนว่า
1. ที่ดินเขากระโดงเป็นเขตการรถไฟ อันเป็นทรัพย์สินสาธารณะ
2. การออกหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินทั้ง นส.3 และโฉนดทับแนวเขตทางรถไฟ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
3. ศาลมีคำสั่งให้ เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ที่ออกทับที่ดินรถไฟ โดยให้กรมที่ดินดำเนินการตรวจสอบแนวเขตและเพิกถอนตามกฎหมาย
แต่มติคณะกรรมการสอบสวนของกรมที่ดินกลับวินิจฉัยว่าโฉนดออกโดยชอบ
ไม่เพิกถอน โดยอ้างว่าต้องวางตัวเป็นกลาง แนวเขตยังไม่มีข้อยุติ และการรถไฟไม่มีหลักฐานยืนยันกรรมสิทธิ์
.
นี่คือการดิ้นรนเพื่อยื้อเรื่องนี้ต่อไปอย่างหน้าด้านที่สุด!
มติคณะกรรมการของกรมที่ดินขัดต่อคำพิพากษา
เพราะศาลชี้แล้วว่าการออกเอกสารสิทธิ์นั้น ไม่ชอบ ต้องเพิกถอน แต่คณะกรรมการกลับสรุปว่าโฉนดออกโดยชอบ ซึ่งตรงกันข้ามกับข้อวินิจฉัยของศาล!
.
มติคณะกรรมการกรมที่ดินใหญ่กว่าศาล
การที่คณะกรรมการอ้างว่าแนวเขตยังไม่ยุติ ทั้งๆที่ศาลกำหนดให้รังวัดและตรวจสอบเพื่อยืนยันแนวเขตก่อนเพิกถอน
ซึ่งเป็นเพียงขั้นตอนทางเทคนิค แสดงว่ากรมที่ดินใหญ่กว่าศาลใช่ไหม!
ผมถามว่าบ้านเรามันจะถึงคราว พินาศ
ที่คณะกรรมการซึ่งตั้งโดยกระทรวงมหาดไทยกลับ ปฏิเสธคำพิพากษาศาล!
.
พรรคสีน้ำเงินพยายามสื่อให้สังคมไขว้เขวว่า การฟ้องคดีเป็นรายแปลง
ไม่ได้ฟ้องถึง 5,000 ไร่ แต่ข้อเท็จจริงคือการฟ้องที่ศาลปกครองกลางนั้น
เป็นการฟ้อง 5 พันไร่ และถูกพิพากษาถึงที่สุดเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2566
ดังนั้น ที่ กรมที่ดินอ้างว่าปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองเพิกถอนโฉนดที่ดินบางแปลง จึงเป็นการ ใช้ดุลยพินิจโดยไม่สุจริต
ใช้อำนาจเพื่อช่วยเหลือผู้มีอำนาจอย่างหน้าด้านที่สุด
ชัดๆคือ ศาลสั่งอย่างหนึ่ง แต่การเมืองทำอีกอย่างหนึ่ง!
ผมถามว่า ใครทำตัวใหญ่กว่าศาล ซึ่งเป็นหนึ่งในสามเสาหลักที่ค้ำจุนระบบการปกครองประเทศนี้อยู่!
.
คุณ เนวิน ครับ คุณ อนุทิน ครับ เรื่องนี้ ไม่จบง่าย ๆ
เพราะทุกอย่างมันเข้าไปสู่วงล้อกระบวนการยุติธรรมแล้ว
มันเริ่มหมุนแล้วถ้าพรรคภูมิใจไทยสีน้ำเงินจะอาศัยอำนาจที่มี ฟอกขาว
และกระชากที่ดินเขากระโดงของการรถไฟให้กลับมาเป็นของบ้านใหญ่บุรีรัมย์คือตระกูลชิดชอบ
คุณอย่าดูแคลนประชาชนทั่วไปจะรู้ไม่เท่าทัน เขาไม่ได้กินหญ้า!
.
คุณทำได้อย่างมากก็คือ ยื้อเวลา ถึงคุณจะใช้อำนาจทางการปกครองเข้ามา
แต่ถ้ามันขัดต่อหลักการและคำพิพากษาศาลแล้ว จะทอดเวลานานไปอีกกี่ปีก็ตาม เมื่อวันไหนที่คุณไม่มีอำนาจ พวกข้าราชการต่าง ๆ จะต้อง โดน 157 ติดคุกติดตารางกันเป็นแถว รวมทั้งนักการเมืองที่สนับสนุนให้ปฏิเสธคำสั่งศาล
.
ผมในฐานะประชาชนคนหนึ่งและประชาชนอีกจำนวนมากจะ จับตาดูคุณอยู่ และจะต้องเอาแผ่นดินไทยพวกนี้คืนกลับมาสู่ประเทศไทย
ไม่ใช่ให้กับตระกูลใดตระกูลหนึ่งอย่างแน่นอนที่สุด ผมให้สัจจวาจา! ผมให้สัตยาบันว่าผมจะไม่มีวันทิ้งเรื่องนี้จนกว่าผมจะตาย!
ที่มา
https://www.facebook.com/share/1BbYY8hWPF/