พอดีใช้งานมาน่าจะไกล้ 2 ปี แล้ว เห็นว่าไม่ค่อยมีข้อมูลให้ค้นหาเท่าไหร เลยขอพื้นที่ลงใว้เผื่อกลับมาอ่าน หรือสมาชิกคนอื่นกำลังสนใจ Vostok
ภาพอาจเก่าเพราะผ่านการใช้งาน ไม่ได้ทำความสะอาดเป็นพิเศษ
Vostok Komandirskie 18080B
ประวัติคร่าวๆ ขอย้อนกลับไป
ก่อนปี 1927 ยุคนั้น USSR ยังไม่ได้มีโรงงานผลิตนาฬิกาภายในประเทศ ต้องพึ่งพาการนำเข้า ประจวบเหมาะกับการเกิดภาวะขาดแคลนนาฬิกา (ซึ่งเป็นเครื่องมือราคาแพง) รัฐบาลโซเวียตที่นำโดย Joseph Stalin (ที่เพิ่งขึ้นมาดำรงตำแหน่งไม่กี่ปี) จึงได้ดำเนินการ ที่จะสร้างโรงงานนาฬิกาของรัฐขึ้น
ปี 1927 คณะทำงานเริ่มดำเนินการ โดยการเจรจากับทางโรงงานจากประเทศ Switzerland แต่ไม่มีโรงงานไหนสนใจ จึงเปลี่ยนไปที่ USA แทน
ปี 1928 คณะทำงานได้ทำการเจรจาซื้อ เครื่องจักร-สิทธิบัตร ต่างๆ (ซึ่งเริ่มตกยุค ในตอนนั้น) จาก 2 โรงงานใน USA และนำกลับมาที่ USSR ทั้ง 2 โรงงานนั้นคือ
1.Dueber-Hampden Watch Company of Canton, Ohio
2.The Ansonia Clock Company of Brooklyn, New York
ปี 1929 ทำการย้ายเครื่องจักรจาก USA มายัง USSR และตั้งโรงงานที่กรุง Moscow
ปี 1930 เปิดทำการผลิต ทั้ง 2 โรงงาน เครื่องจักรจาก Dueber-Hampden Watch Company กำเนิดเป็น โรงงาน "First State Watch Factory"
ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "1st Moscow Watch Factory"
The Ansonia Clock Company กำเนิดเป็น โรงงาน "Moscow ElectroMechanical Factory" ต่อมาเปลี่ยนเป็น "2nd Mechanical Factory" และสุดท้ายเปลี่ยนเป็น "2nd Moscow Watch Factory"
ปี 1941 ช่วงกลางของสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อภัยคุกคามจาก Nazi German มาเยือนประตูบ้าน ทาง USSR จึงตัดสินใจ ย้ายโรงงานทั้ง 2 โรงไปแนวหลัง เพื่อป้องกันการโดนทำลาย
โรงงาน "2nd Moscow Watch Factory" จึงได้ย้ายไปที่ เมืองเล็กๆ ที่ชื่อ Chistopol ตั้งอยู่ข้างแม่น้ำ Kama ใน Tatarstan (800 กิโลเมตร จาก Moscow)
ตอนนั้นโรงงานชื่อว่า "5th Factory" และทำการผลิต อุปกรณ์ทางการทหารควบคู่กันนาฬิกา (ตัวจับเวลา,ฟิวส์จุดระเบิด) ป้อนกองทัพแดง
ปี 1945 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง โรงงานเปลี่ยนชื่อเป็น "Chistopol Watch Factory" และเริ่มทำการผลิตนาฬิกาเป็นหลักอีกครั้ง
ปี 1965 "Chistopol Watch Factory" เปลี่ยนชื่อเป็น "Vostok" และได้รับเลือกให้เป็น ผู้ผลิตหลักป้อนนาฬิกาให้กองทัพ USSR ซึ่งนำทัพโดย นาฬิกาในตระกูล "Komandirskie” ด้วยจุดเด่นที่ความทนทาน ทนแรงกระแทก ทำงานได้ทุกอุณหภูมิ
ปี 1967 ตามมาด้วยนาฬิกาที่ออกแบบพิเศษ “Amphibia” ที่นอกจากความทนทาน ทนแรงกระแทก ทำงานได้ทุกอุณหภูมิแล้ว ยังเพิ่มการทนแรงดันน้ำในระดับ 200 เมตร
เข้าเรื่องกับพระเอกวันนี้
Vostok Komandirskie 18080B
สเปกโดยคร่าวๆ
นาฬิกา Mechanical - auto winding movement รหัสเครื่อง 2415.01 ทับทิม 31 ชิ้น (ไม่รู้ทำไมต้องใช้ถึง 31 ชิ้น?)
สำลองพลังงาน 33 ชัวโมง เดินถี่ 19800 ครั้ง/ชัวโมง -20 ถึง+60 ต่อวัน ที่ 20องศา+-5
(ตัวเครื่องสเป็คธรรมดา ไม่มีอะไรหวือหวา ใช้จริง วางเอาเม็ดมะยมขึ้น -30 วางเอาหน้าขึ้น +40 ใส่ใช้งานทั้งวัน -10+15 แล้วแต่อารมณ์มัน
วันไหนเริ่มเดินเร็ว กลางคืน ก็วางเอาเม็ดขึ้น เริ่มเดินช้าวางเอาหน้าขึ้น แฮปปี้ดี)
ตัวเรือน หนา 15mm
กว้าง 42mm
ขาถึงขา 49mm - ขนาดกำลังดี
วัสดุตัวเรือนและสาย - สแตนเลส
ตัวเรือนปัดเสี้ยน-ปัดด้านทั้งตัว
ตัวสาย เป็นสายตัน ข้อกลาง+ขอบข้างปัดเงา
หน้าปัด รูปแบบ Tool Watch - Field Watch - Pilot Watch ผสมๆ กัน
รูปแบบเต็ม 3 เข็ม เข็มแบบ Sword Hand มีสารเรืองแสง ที่เข็มชั่งโมง-นาที
- พื้นสีขาว - ตัวเลขอารบิก 1-12 มีสารเรืองแสง ที่มาร์คเกอร์สามเหลี่ยม หลักชั่วโมง
รวมๆ แล้ว หน้าปัดดูง่าย ไม่รก ชัดเจนดี
*ของจริง ไม่ได้เขียวขึ้นมาขนาดนี้ ยังสู้พวกดำน้ำไม่ได้ อันนี้น่าจะตั้งกล้องนานไปหน่อย
Bezel แบบ Countdown นับถอยหลัง นานๆ จะเจอที - ส่วนใหญ่ จะเจอ Count Up ซะเยอะ
หมุนได้ทั้ง ซ้าย-ขวา ไม่มีล็อก เป็นแบบ Fiction - หนืดๆ หน่วงๆ (แต่ความหนืดมันไม่เสถียร เดียวหนืดมาก เดียวหนืดน้อย งงๆ)
ขอบ Bezel โยกได้ นิดหน่อย ไม่ถึงกับ "กึงกัก" แต่ไม่ได้นิ่งกริปแบบนาฬิกา 2หมื่น+
เนื้องานหน้าปัด ไม่มีอะไรพิเศษ ไม่มีอะไรนูน เป็นชั้น เล่นระดับอะไรแบบนั้น
มีผิวเป็นเม็ดสี สากๆ บ้าง (ถ้ามองตาเปล่าจะสังเกตุได้ยากมาก)
ตัวพิมพ์ ตัวหนังสือ เส้นต่างๆ คมชัดดี
ในภาพระบุ сде́льно в России - ผลิตใน รัสเซีย
สารเรืองแสง จะไม่เนียบ-คม เพราะ Vostok ยังใช้การลงด้วยมือคนอยู่
แต่เข็ม คม เนี้ยบ เงา
ในภาพระบุ โลโก Vostok - Вoctok = East ตะวันออก
ในภาพระบุ ทัมทิม 31 ชิ้น
Bezel Insert *น่าจะทำมาจากอลูมิเนียม ปัดด้าน-ปัดเสี้ยน พิมตัวอักษรดำ คมชัดดี
แต่พอใช้เป็น อลูมิเนียม ใช้มาซักพัก มันเริ่มมี ขี้กากขาว เริ่มขึ้นตามขอบๆ แล้ว (ไม่ใช่ขี้เกลือ) ถ่ายมาแล้วชัด ของจริงจะไม่ชัดมาก
ขอบ Bezel ตัดมา "คม" เหมือนออกจากเครื่องจักรแล้วเอามาใส่เลย ไม่ค่อยเนียนนิ้ว เนียนผิว ยังรู้สึกถึงการ "ขูด" ได้บ้าง
(ไม่ได้ ขูดจริงๆ แค่รู้สึก)
ขอบ Body ด้านบน โดนขัดลบคมมาให้ ทำให้จับๆ ลูบๆ แล้ว "เนียน" ดีกว่าตรง ขอบ Bezel
แต่มันกลายเป็น "มน" เกินไป ทำให้ลายเส้นตัว Body ไม่ชัดเจน และขัดลบคมมาแค่ ฝั่งด้านนอก-ฝั่งด้านบนของ Body เท่านั้น
เม็ดมะยม "คม" แต่ยังดีกว่า ขอบ Bezel หน่อย
เม็ดขนาดใหญ่ ใช้ง่าย ไม่มีแกะลวดลายที่หัวเม็ด
มี Crown Guard ที่ถูก "เหลา" บน-ล่าง ให้แคบลง ทำให้ หมุดเม็ดมะยมง่ายขึ้น มากๆ
รอยตัดที่ขาด้านในนี่บอกเลยว่า "คมมาก" ไม่มีการลบคม ถามเอานิ้วไปลูกจะรู้สึกถึงการ "ขูด" ได้ชัดเจน
อีก 1 จุดเด่น ที่ "Komandirskie" ตัวนี้ ยกมาจากพี่น้อง "Amphibia" ก็คือ กระจก Plexiglas Plastic ทรงโค้งพิเศษ หนา 2mm ที่ถูกออกแบบมาเพื่อ เมื่อถูกแรงดันน้ำกดเข้ามา กระจกจะยุบตัวลงไปแนบแน่นกับตัวเรือนนาฬิกา
แปลได้ว่า ยิ่งลงน้ำลึกเท่าไหร ยิ่งกันแรงดันน้ำได้ดีขึ้นมากเท่านั้น
และด้วยการออกแบบ แบบนี้ เลยกลายเป็นจุดอ่อน
1.กระจกต้องให้ตัวได้มาก ยุบ-ยืด ขยาย-หด แปลว่าไม่สามารถใช้วัสดุอื่นๆ นอกจาก Plexiglas ได้ - พอเป็น Plastic พอใช้งานไป จะมีรอยขูด ขีด เพียบ
2.ต้องโค้ง เพื่อกระจายแรงกด - ใช้งานจริง พอกระจกนูนสูงขึ้นมา ขูดง่าย และ "สะท้อนแสง" มากๆ
3.ต้องมีความหนา ทำให้ตัวนาฬิกา หนาตามไปด้วย
4.พอเป็น Plastic นานๆ ไปอาจจะ "เหลือง" แตกลายงา เหมือนไฟหน้ารถยนต์เก่าๆ ได้
อีก 1 จุดเด่น ของ Vostok คือ แกนเม็ดมะยม 2 ท่อน แยกออกจากกัน ทำให้เมื่อดึงเม็ดมะยมออกมาใช้ เม็ดมะยมมันจะ "คล็อกแค็ก"
โยกไปมาเหมือนจะหลุดได้ เหมือนพัง แต่มันถูกออกแบบมาแบบนี้ เพื่อป้องกันแรงกระแทก หรือ แรงกดที่จะสามารถไปทำให้ แกนเม็นมะยม หัก-เบี้ยว ไป
ตัวนี้เป็น Screw Down Crown เพื่อป้องกันแรงดันน้ำอีก 1 ชั้น
ข้อดีอีกข้อของเม็ดมะยมแบบนี้ คือ ใช้งานง่ายมากๆ หมุดเข้าง่าย ไม่มีแรงดันตอนหมุนเข้าเลย ไม่ต้องกลัวหมุนปีนเกลียว
(โดยปกติเม็ด Screw Down Crown ทั่วไป การเก็บเม็ดมะยม ต้องออกแรงกด พร้อมๆกับหมุน ซึ่ง Vostok หมุนเข้าอย่างเดียว ง่ายๆ)
ความรู้สึกตอนขึ้นลาน อันนี้ขอชมว่า "ดี" เสียงและสัมผัส ชัดเจน แกรกๆ-กรึบๆ
และถ้าเผลอขึ้นลาน จนเต็ม จะมีความแน่น และสัมผัส ต่างออกไปชัดเจน
อีก 1 จุดเด่น ที่ "Komandirskie" ตัวนี้ ยกมาจากพี่น้อง "Amphibia" ก็คือ ฝาหลังหนากว่า Komandirskie ทั่วไป หนาเท่า Amphibia
และระบบล็อกฝาหลังที่เป็นเอกลักษณ์ คือ ฝาหลังจะเป็นเผ่นเดียว วางลงไปบน ซีนยางขนาดใหญ่ โดยตรง และล็อกด้วยวงแหวนที่เป็นเกลียว
ระบบนี้ ฝาหลังไม่ต้องหมุน เข้า-ออก ไม่ต้องกลัวยางกันน้ำขาด ขนาดใหญ่ ไม่ต้องกลัวหัวน็อตเยิน ซีลยางขนาดใหญ่
และการที่ฝาหลัง เคลื่อนที่ เข้า-ออก ตรงๆ ก็เป็นการออกแบบ แบบเดียวกับกระจกด้านบน
ยิงมีแรงดันน้ำกด เข้ามากเท่าไหร ยิ่งแน่น ยิ่งกันแรงดันน้ำมากขึ้นเท่านั้น
ฝาหลัง ปั้มลาย ใบพัด
ตัวหนังสือ ระบุ
пРОТИВОУДАРНЫЕ - กันกระแทก
ВОДОНЕПРОНИЦАЕМЫЕ 200M - กันน้ำ 200M
АВТОПОДЗАВОД - ขึ้นลานอัตโนมัติ
มาถึงเรื่องสาย มันยังไม่ค่อยพอดีกับขนาดขา มันยังขยับ ซ้าย-ขวา ได้นิดหน่อย
รู ก็ไม่พอดีกับ Springbar มันยังขยับ เอียงขึ้น เอียงลงได้นิดหน่อย
ไม่ถึงขนาดหลวมโกรก แต่แน่นสู้นาฬิกา 2หมื่น+ ไม่ได้
แต่ได้สาย เหล็กตัน อันนี้ดี สัมผัสตอนใส่ น้ำหนัก ดีกว่าเหล็กพับพอสมควร
ตัว Buckel มีปั้มตรา Vostok มาให้ แต่คุณภาพออกไปทาง "แย่" ตัวมันเป็นเหล็กพับ ดูไม่แน่นหนา
Micro Adjus มีมาให้แค่ 3 รู
ไอตัวล็อก ชั้น 2 ก็ไม่รู้จะทำมาทำไม ให้ลำคารเปล่าๆ
บางที่พับไปจะล็อก ดันเอียงไปขบ กดไม่ลงไม่เข้าล็อกไปอีก (ซึ่งตัวมันก็ไม่แน่น แบบสายแพงๆ มันไม่ได้ลงตรงๆ แป๊ะๆ ทุกครั้ง)
สุดท้าย กล้องที่ให้มา เป็นกล่องกระดาษอัดแข็ง ด้านในก็มีหมอน + ฟองน้ำ ก็ถือว่าดี
[CR] รีวิวตามใจ นาฬิการัสเซีย Vostok "Komandirskie" 18080B
ภาพอาจเก่าเพราะผ่านการใช้งาน ไม่ได้ทำความสะอาดเป็นพิเศษ
Vostok Komandirskie 18080B
ประวัติคร่าวๆ ขอย้อนกลับไป
ก่อนปี 1927 ยุคนั้น USSR ยังไม่ได้มีโรงงานผลิตนาฬิกาภายในประเทศ ต้องพึ่งพาการนำเข้า ประจวบเหมาะกับการเกิดภาวะขาดแคลนนาฬิกา (ซึ่งเป็นเครื่องมือราคาแพง) รัฐบาลโซเวียตที่นำโดย Joseph Stalin (ที่เพิ่งขึ้นมาดำรงตำแหน่งไม่กี่ปี) จึงได้ดำเนินการ ที่จะสร้างโรงงานนาฬิกาของรัฐขึ้น
ปี 1927 คณะทำงานเริ่มดำเนินการ โดยการเจรจากับทางโรงงานจากประเทศ Switzerland แต่ไม่มีโรงงานไหนสนใจ จึงเปลี่ยนไปที่ USA แทน
ปี 1928 คณะทำงานได้ทำการเจรจาซื้อ เครื่องจักร-สิทธิบัตร ต่างๆ (ซึ่งเริ่มตกยุค ในตอนนั้น) จาก 2 โรงงานใน USA และนำกลับมาที่ USSR ทั้ง 2 โรงงานนั้นคือ
1.Dueber-Hampden Watch Company of Canton, Ohio
2.The Ansonia Clock Company of Brooklyn, New York
ปี 1929 ทำการย้ายเครื่องจักรจาก USA มายัง USSR และตั้งโรงงานที่กรุง Moscow
ปี 1930 เปิดทำการผลิต ทั้ง 2 โรงงาน เครื่องจักรจาก Dueber-Hampden Watch Company กำเนิดเป็น โรงงาน "First State Watch Factory"
ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "1st Moscow Watch Factory"
The Ansonia Clock Company กำเนิดเป็น โรงงาน "Moscow ElectroMechanical Factory" ต่อมาเปลี่ยนเป็น "2nd Mechanical Factory" และสุดท้ายเปลี่ยนเป็น "2nd Moscow Watch Factory"
ปี 1941 ช่วงกลางของสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อภัยคุกคามจาก Nazi German มาเยือนประตูบ้าน ทาง USSR จึงตัดสินใจ ย้ายโรงงานทั้ง 2 โรงไปแนวหลัง เพื่อป้องกันการโดนทำลาย
โรงงาน "2nd Moscow Watch Factory" จึงได้ย้ายไปที่ เมืองเล็กๆ ที่ชื่อ Chistopol ตั้งอยู่ข้างแม่น้ำ Kama ใน Tatarstan (800 กิโลเมตร จาก Moscow)
ตอนนั้นโรงงานชื่อว่า "5th Factory" และทำการผลิต อุปกรณ์ทางการทหารควบคู่กันนาฬิกา (ตัวจับเวลา,ฟิวส์จุดระเบิด) ป้อนกองทัพแดง
ปี 1945 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง โรงงานเปลี่ยนชื่อเป็น "Chistopol Watch Factory" และเริ่มทำการผลิตนาฬิกาเป็นหลักอีกครั้ง
ปี 1965 "Chistopol Watch Factory" เปลี่ยนชื่อเป็น "Vostok" และได้รับเลือกให้เป็น ผู้ผลิตหลักป้อนนาฬิกาให้กองทัพ USSR ซึ่งนำทัพโดย นาฬิกาในตระกูล "Komandirskie” ด้วยจุดเด่นที่ความทนทาน ทนแรงกระแทก ทำงานได้ทุกอุณหภูมิ
ปี 1967 ตามมาด้วยนาฬิกาที่ออกแบบพิเศษ “Amphibia” ที่นอกจากความทนทาน ทนแรงกระแทก ทำงานได้ทุกอุณหภูมิแล้ว ยังเพิ่มการทนแรงดันน้ำในระดับ 200 เมตร
เข้าเรื่องกับพระเอกวันนี้
Vostok Komandirskie 18080B
สเปกโดยคร่าวๆ
นาฬิกา Mechanical - auto winding movement รหัสเครื่อง 2415.01 ทับทิม 31 ชิ้น (ไม่รู้ทำไมต้องใช้ถึง 31 ชิ้น?)
สำลองพลังงาน 33 ชัวโมง เดินถี่ 19800 ครั้ง/ชัวโมง -20 ถึง+60 ต่อวัน ที่ 20องศา+-5
(ตัวเครื่องสเป็คธรรมดา ไม่มีอะไรหวือหวา ใช้จริง วางเอาเม็ดมะยมขึ้น -30 วางเอาหน้าขึ้น +40 ใส่ใช้งานทั้งวัน -10+15 แล้วแต่อารมณ์มัน
วันไหนเริ่มเดินเร็ว กลางคืน ก็วางเอาเม็ดขึ้น เริ่มเดินช้าวางเอาหน้าขึ้น แฮปปี้ดี)
ตัวเรือน หนา 15mm
กว้าง 42mm
ขาถึงขา 49mm - ขนาดกำลังดี
วัสดุตัวเรือนและสาย - สแตนเลส
ตัวเรือนปัดเสี้ยน-ปัดด้านทั้งตัว
ตัวสาย เป็นสายตัน ข้อกลาง+ขอบข้างปัดเงา
หน้าปัด รูปแบบ Tool Watch - Field Watch - Pilot Watch ผสมๆ กัน
รูปแบบเต็ม 3 เข็ม เข็มแบบ Sword Hand มีสารเรืองแสง ที่เข็มชั่งโมง-นาที
- พื้นสีขาว - ตัวเลขอารบิก 1-12 มีสารเรืองแสง ที่มาร์คเกอร์สามเหลี่ยม หลักชั่วโมง
รวมๆ แล้ว หน้าปัดดูง่าย ไม่รก ชัดเจนดี
*ของจริง ไม่ได้เขียวขึ้นมาขนาดนี้ ยังสู้พวกดำน้ำไม่ได้ อันนี้น่าจะตั้งกล้องนานไปหน่อย
Bezel แบบ Countdown นับถอยหลัง นานๆ จะเจอที - ส่วนใหญ่ จะเจอ Count Up ซะเยอะ
หมุนได้ทั้ง ซ้าย-ขวา ไม่มีล็อก เป็นแบบ Fiction - หนืดๆ หน่วงๆ (แต่ความหนืดมันไม่เสถียร เดียวหนืดมาก เดียวหนืดน้อย งงๆ)
ขอบ Bezel โยกได้ นิดหน่อย ไม่ถึงกับ "กึงกัก" แต่ไม่ได้นิ่งกริปแบบนาฬิกา 2หมื่น+
เนื้องานหน้าปัด ไม่มีอะไรพิเศษ ไม่มีอะไรนูน เป็นชั้น เล่นระดับอะไรแบบนั้น
มีผิวเป็นเม็ดสี สากๆ บ้าง (ถ้ามองตาเปล่าจะสังเกตุได้ยากมาก)
ตัวพิมพ์ ตัวหนังสือ เส้นต่างๆ คมชัดดี
ในภาพระบุ сде́льно в России - ผลิตใน รัสเซีย
สารเรืองแสง จะไม่เนียบ-คม เพราะ Vostok ยังใช้การลงด้วยมือคนอยู่
แต่เข็ม คม เนี้ยบ เงา
ในภาพระบุ โลโก Vostok - Вoctok = East ตะวันออก
ในภาพระบุ ทัมทิม 31 ชิ้น
Bezel Insert *น่าจะทำมาจากอลูมิเนียม ปัดด้าน-ปัดเสี้ยน พิมตัวอักษรดำ คมชัดดี
แต่พอใช้เป็น อลูมิเนียม ใช้มาซักพัก มันเริ่มมี ขี้กากขาว เริ่มขึ้นตามขอบๆ แล้ว (ไม่ใช่ขี้เกลือ) ถ่ายมาแล้วชัด ของจริงจะไม่ชัดมาก
ขอบ Bezel ตัดมา "คม" เหมือนออกจากเครื่องจักรแล้วเอามาใส่เลย ไม่ค่อยเนียนนิ้ว เนียนผิว ยังรู้สึกถึงการ "ขูด" ได้บ้าง
(ไม่ได้ ขูดจริงๆ แค่รู้สึก)
ขอบ Body ด้านบน โดนขัดลบคมมาให้ ทำให้จับๆ ลูบๆ แล้ว "เนียน" ดีกว่าตรง ขอบ Bezel
แต่มันกลายเป็น "มน" เกินไป ทำให้ลายเส้นตัว Body ไม่ชัดเจน และขัดลบคมมาแค่ ฝั่งด้านนอก-ฝั่งด้านบนของ Body เท่านั้น
เม็ดมะยม "คม" แต่ยังดีกว่า ขอบ Bezel หน่อย
เม็ดขนาดใหญ่ ใช้ง่าย ไม่มีแกะลวดลายที่หัวเม็ด
มี Crown Guard ที่ถูก "เหลา" บน-ล่าง ให้แคบลง ทำให้ หมุดเม็ดมะยมง่ายขึ้น มากๆ
รอยตัดที่ขาด้านในนี่บอกเลยว่า "คมมาก" ไม่มีการลบคม ถามเอานิ้วไปลูกจะรู้สึกถึงการ "ขูด" ได้ชัดเจน
อีก 1 จุดเด่น ที่ "Komandirskie" ตัวนี้ ยกมาจากพี่น้อง "Amphibia" ก็คือ กระจก Plexiglas Plastic ทรงโค้งพิเศษ หนา 2mm ที่ถูกออกแบบมาเพื่อ เมื่อถูกแรงดันน้ำกดเข้ามา กระจกจะยุบตัวลงไปแนบแน่นกับตัวเรือนนาฬิกา
แปลได้ว่า ยิ่งลงน้ำลึกเท่าไหร ยิ่งกันแรงดันน้ำได้ดีขึ้นมากเท่านั้น
และด้วยการออกแบบ แบบนี้ เลยกลายเป็นจุดอ่อน
1.กระจกต้องให้ตัวได้มาก ยุบ-ยืด ขยาย-หด แปลว่าไม่สามารถใช้วัสดุอื่นๆ นอกจาก Plexiglas ได้ - พอเป็น Plastic พอใช้งานไป จะมีรอยขูด ขีด เพียบ
2.ต้องโค้ง เพื่อกระจายแรงกด - ใช้งานจริง พอกระจกนูนสูงขึ้นมา ขูดง่าย และ "สะท้อนแสง" มากๆ
3.ต้องมีความหนา ทำให้ตัวนาฬิกา หนาตามไปด้วย
4.พอเป็น Plastic นานๆ ไปอาจจะ "เหลือง" แตกลายงา เหมือนไฟหน้ารถยนต์เก่าๆ ได้
อีก 1 จุดเด่น ของ Vostok คือ แกนเม็ดมะยม 2 ท่อน แยกออกจากกัน ทำให้เมื่อดึงเม็ดมะยมออกมาใช้ เม็ดมะยมมันจะ "คล็อกแค็ก"
โยกไปมาเหมือนจะหลุดได้ เหมือนพัง แต่มันถูกออกแบบมาแบบนี้ เพื่อป้องกันแรงกระแทก หรือ แรงกดที่จะสามารถไปทำให้ แกนเม็นมะยม หัก-เบี้ยว ไป
ตัวนี้เป็น Screw Down Crown เพื่อป้องกันแรงดันน้ำอีก 1 ชั้น
ข้อดีอีกข้อของเม็ดมะยมแบบนี้ คือ ใช้งานง่ายมากๆ หมุดเข้าง่าย ไม่มีแรงดันตอนหมุนเข้าเลย ไม่ต้องกลัวหมุนปีนเกลียว
(โดยปกติเม็ด Screw Down Crown ทั่วไป การเก็บเม็ดมะยม ต้องออกแรงกด พร้อมๆกับหมุน ซึ่ง Vostok หมุนเข้าอย่างเดียว ง่ายๆ)
ความรู้สึกตอนขึ้นลาน อันนี้ขอชมว่า "ดี" เสียงและสัมผัส ชัดเจน แกรกๆ-กรึบๆ
และถ้าเผลอขึ้นลาน จนเต็ม จะมีความแน่น และสัมผัส ต่างออกไปชัดเจน
อีก 1 จุดเด่น ที่ "Komandirskie" ตัวนี้ ยกมาจากพี่น้อง "Amphibia" ก็คือ ฝาหลังหนากว่า Komandirskie ทั่วไป หนาเท่า Amphibia
และระบบล็อกฝาหลังที่เป็นเอกลักษณ์ คือ ฝาหลังจะเป็นเผ่นเดียว วางลงไปบน ซีนยางขนาดใหญ่ โดยตรง และล็อกด้วยวงแหวนที่เป็นเกลียว
ระบบนี้ ฝาหลังไม่ต้องหมุน เข้า-ออก ไม่ต้องกลัวยางกันน้ำขาด ขนาดใหญ่ ไม่ต้องกลัวหัวน็อตเยิน ซีลยางขนาดใหญ่
และการที่ฝาหลัง เคลื่อนที่ เข้า-ออก ตรงๆ ก็เป็นการออกแบบ แบบเดียวกับกระจกด้านบน
ยิงมีแรงดันน้ำกด เข้ามากเท่าไหร ยิ่งแน่น ยิ่งกันแรงดันน้ำมากขึ้นเท่านั้น
ฝาหลัง ปั้มลาย ใบพัด
ตัวหนังสือ ระบุ
пРОТИВОУДАРНЫЕ - กันกระแทก
ВОДОНЕПРОНИЦАЕМЫЕ 200M - กันน้ำ 200M
АВТОПОДЗАВОД - ขึ้นลานอัตโนมัติ
มาถึงเรื่องสาย มันยังไม่ค่อยพอดีกับขนาดขา มันยังขยับ ซ้าย-ขวา ได้นิดหน่อย
รู ก็ไม่พอดีกับ Springbar มันยังขยับ เอียงขึ้น เอียงลงได้นิดหน่อย
ไม่ถึงขนาดหลวมโกรก แต่แน่นสู้นาฬิกา 2หมื่น+ ไม่ได้
แต่ได้สาย เหล็กตัน อันนี้ดี สัมผัสตอนใส่ น้ำหนัก ดีกว่าเหล็กพับพอสมควร
ตัว Buckel มีปั้มตรา Vostok มาให้ แต่คุณภาพออกไปทาง "แย่" ตัวมันเป็นเหล็กพับ ดูไม่แน่นหนา
Micro Adjus มีมาให้แค่ 3 รู
ไอตัวล็อก ชั้น 2 ก็ไม่รู้จะทำมาทำไม ให้ลำคารเปล่าๆ
บางที่พับไปจะล็อก ดันเอียงไปขบ กดไม่ลงไม่เข้าล็อกไปอีก (ซึ่งตัวมันก็ไม่แน่น แบบสายแพงๆ มันไม่ได้ลงตรงๆ แป๊ะๆ ทุกครั้ง)
สุดท้าย กล้องที่ให้มา เป็นกล่องกระดาษอัดแข็ง ด้านในก็มีหมอน + ฟองน้ำ ก็ถือว่าดี
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้