ในโลกแห่งสังคมก้มหน้า ที่ทุกคนขาดคำว่า "Internet" ไม่ได้ พลังแห่ง Social Media และความต้องการแสดงออกและมีส่วนร่วมไปกับข่าวสารที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศอย่างรวดเร็ว เราจึงมีคนจำนวนหนึ่งที่สร้างทั้งตัวตนและฐานะจากโลกใบใหม่แบบนี้ ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็มักจะพูดถึงแต่สิ่งที่ดี ๆ ของมัน แต่จะมีใครสักคนฉุกคิดถึงพลานุภาพแห่งการทำลายล้างของมันบ้างหรือไม่
และทั้งหมดนี้ คือ นิยามและสารที่หนังเรื่องนี้ต้องการนำเสนอ หากดูแต่เฉพาะเนื้อหาอาจจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าสารที่ถูกนำเสนอในหนังเรื่องนี้จะแปลกใหม่อะไร เพราะในชีวิตจริงก็มีการพูดถึงปัญหานี้อยู่ รวมถึงเราก็เคยได้เห็นคนบางคนถูกทำลายจากการนำเสนอข่าวสารหรือคำพูดที่ยังไม่ถูกกลั่นกรอง แต่ก็ถูกนำเสนอออกไปด้วยความรวดเร็ว เพียงเพื่อแลกกับยอดไลก์ ยอดฟอลโลว์ ที่บางคนก็บอกว่าสิ่งเหล่านี้แหละที่มันกินได้ เพราะมันเป็นเครื่องมือที่จะนำมาซึ่งเงินทองนั่นเอง เพียงแต่หนังเรื่องนี้ได้นำเสนอออกมาให้เห็นแบบเป็นรูปธรรม
ความรู้สึกหลังดูก็คือ ผมไม่ได้รู้สึกว่าเนื้อหาหรือการนำเสนอของปัญหาแบบนี้จะแปลกใหม่อะไร ก็อย่างที่บอกไปว่ามันมีการ Discuss เรื่องนี้กันเยอะแล้ว แต่ที่ผมชอบคือแง่คิดที่ได้จากหนังเรื่องนี้ คือ เมื่อการนำเสนอข่าวสารในโลกทุกวันนี้มันเร็วและง่ายผ่านทางช่องทาง Social ต่าง ๆ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่ถูกนำเสนอนั้นมันถูกกลั่นกรองและถูกต้องแล้ว ยิ่งเมื่อมันถูกผูกเข้ากับผลประโยชน์ทางธุรกิจแล้วด้วย เราจะเชื่อได้อย่างไรว่าพวกเขาได้นำเสนอข่าวสารบนพื้นฐานแห่งจรรยาบรรณทางอาชีพสื่อแล้ว
เราต่างมีมือถือกันคนละเครื่อง ที่สามารถแสดงออกทางความคิดในแง่บวกและลบได้ตลอดเวลา แล้วเราแน่ใจแล้วหรือว่าสิ่งที่เราพิมพ์ออกไป มันมาจากพื้นฐานความจริงและถูกกลั่นกรองว่าถูกต้องแล้วอย่างนั้น เราเคยคิดถึงคนที่มาอ่านข้อความที่เราพิมพ์ออกไป และได้รับผลกระทบบ้างหรือไม่ เราเคยคิดหรือไม่ว่าจะมีใครสักคนมั้ยที่ชีวิตของเขาต้องพังลงหรือได้รับผลกระทบเพราะคำไม่กี่คำที่เราพิมพ์ลงไปโดยไม่ได้คิดตาม Social Media และแน่นอน คนแต่ละคนก็มีภูมิคุ้มกันกับเรื่องแบบนี้ไม่เท่ากัน
สรุป ผมชอบบทสรุปของหนังนะครับ คือ ท้ายที่สุดแล้ว โลกแห่ง Social มันก็จะเป็นแบบนี้ ข่าวเก่าไป ข่าวใหม่มา ใครที่โดนเล่นงานจากสื่อ ถ้าทนได้ อีกเดี๋ยวคนก็จะลืมไป เพราะข่าวใหม่มากลบ ส่วนคนที่ทนไม่ได้ก็ต้องประสบชะตากรรม แล้วก็ไม่ได้มีใครมารับผิดชอบอะไรกับคำพูดที่ถูกถ่มออกไปหรอกครับ.. และสุดท้าย คือ ดีใจที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้กลับมานั่งย้อนดูพฤติกรรมในโลก Social ของเราเอง ว่าเราเคยไปทำร้ายใครด้วยคำไม่ก็คำที่ถูกพิมพ์ออกไป โดยไม่ได้ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ก่อนหรือไม่
ใครได้ไปดูมาแล้วบ้าง คิดเห็นอย่างไรมาแชร์กันได้นะครับ
Malice เกมล่าคนบาปโซเชียล.. ใครไปดูมาแล้วบ้าง ชอบ ไม่ชอบ อย่างไรกันบ้างครับ
ในโลกแห่งสังคมก้มหน้า ที่ทุกคนขาดคำว่า "Internet" ไม่ได้ พลังแห่ง Social Media และความต้องการแสดงออกและมีส่วนร่วมไปกับข่าวสารที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศอย่างรวดเร็ว เราจึงมีคนจำนวนหนึ่งที่สร้างทั้งตัวตนและฐานะจากโลกใบใหม่แบบนี้ ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็มักจะพูดถึงแต่สิ่งที่ดี ๆ ของมัน แต่จะมีใครสักคนฉุกคิดถึงพลานุภาพแห่งการทำลายล้างของมันบ้างหรือไม่
และทั้งหมดนี้ คือ นิยามและสารที่หนังเรื่องนี้ต้องการนำเสนอ หากดูแต่เฉพาะเนื้อหาอาจจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าสารที่ถูกนำเสนอในหนังเรื่องนี้จะแปลกใหม่อะไร เพราะในชีวิตจริงก็มีการพูดถึงปัญหานี้อยู่ รวมถึงเราก็เคยได้เห็นคนบางคนถูกทำลายจากการนำเสนอข่าวสารหรือคำพูดที่ยังไม่ถูกกลั่นกรอง แต่ก็ถูกนำเสนอออกไปด้วยความรวดเร็ว เพียงเพื่อแลกกับยอดไลก์ ยอดฟอลโลว์ ที่บางคนก็บอกว่าสิ่งเหล่านี้แหละที่มันกินได้ เพราะมันเป็นเครื่องมือที่จะนำมาซึ่งเงินทองนั่นเอง เพียงแต่หนังเรื่องนี้ได้นำเสนอออกมาให้เห็นแบบเป็นรูปธรรม
ความรู้สึกหลังดูก็คือ ผมไม่ได้รู้สึกว่าเนื้อหาหรือการนำเสนอของปัญหาแบบนี้จะแปลกใหม่อะไร ก็อย่างที่บอกไปว่ามันมีการ Discuss เรื่องนี้กันเยอะแล้ว แต่ที่ผมชอบคือแง่คิดที่ได้จากหนังเรื่องนี้ คือ เมื่อการนำเสนอข่าวสารในโลกทุกวันนี้มันเร็วและง่ายผ่านทางช่องทาง Social ต่าง ๆ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่ถูกนำเสนอนั้นมันถูกกลั่นกรองและถูกต้องแล้ว ยิ่งเมื่อมันถูกผูกเข้ากับผลประโยชน์ทางธุรกิจแล้วด้วย เราจะเชื่อได้อย่างไรว่าพวกเขาได้นำเสนอข่าวสารบนพื้นฐานแห่งจรรยาบรรณทางอาชีพสื่อแล้ว
เราต่างมีมือถือกันคนละเครื่อง ที่สามารถแสดงออกทางความคิดในแง่บวกและลบได้ตลอดเวลา แล้วเราแน่ใจแล้วหรือว่าสิ่งที่เราพิมพ์ออกไป มันมาจากพื้นฐานความจริงและถูกกลั่นกรองว่าถูกต้องแล้วอย่างนั้น เราเคยคิดถึงคนที่มาอ่านข้อความที่เราพิมพ์ออกไป และได้รับผลกระทบบ้างหรือไม่ เราเคยคิดหรือไม่ว่าจะมีใครสักคนมั้ยที่ชีวิตของเขาต้องพังลงหรือได้รับผลกระทบเพราะคำไม่กี่คำที่เราพิมพ์ลงไปโดยไม่ได้คิดตาม Social Media และแน่นอน คนแต่ละคนก็มีภูมิคุ้มกันกับเรื่องแบบนี้ไม่เท่ากัน
สรุป ผมชอบบทสรุปของหนังนะครับ คือ ท้ายที่สุดแล้ว โลกแห่ง Social มันก็จะเป็นแบบนี้ ข่าวเก่าไป ข่าวใหม่มา ใครที่โดนเล่นงานจากสื่อ ถ้าทนได้ อีกเดี๋ยวคนก็จะลืมไป เพราะข่าวใหม่มากลบ ส่วนคนที่ทนไม่ได้ก็ต้องประสบชะตากรรม แล้วก็ไม่ได้มีใครมารับผิดชอบอะไรกับคำพูดที่ถูกถ่มออกไปหรอกครับ.. และสุดท้าย คือ ดีใจที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ อย่างน้อยก็ทำให้เราได้กลับมานั่งย้อนดูพฤติกรรมในโลก Social ของเราเอง ว่าเราเคยไปทำร้ายใครด้วยคำไม่ก็คำที่ถูกพิมพ์ออกไป โดยไม่ได้ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ก่อนหรือไม่
ใครได้ไปดูมาแล้วบ้าง คิดเห็นอย่างไรมาแชร์กันได้นะครับ