ผมอ่านข่าวมาจากประชาชาติธุรกิจ ขอคัดลอกข้อความบางส่วนมาดังนี้ครับ
อ.ธรรมศาสตร์ วิเคราะห์สปีชไทยเวที UNGA อุดช่องโหว่ ต่างชาติฟังเข้าใจ ปมกัมพูชา
หลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนไทยกล่าวถ้อยแถลง (สปีช) ในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อ 27 กันยายน เวลาท้องถิ่น ดร.ภัทรพงษ์ แสงไกร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณีถ้อยแถลงของไทย
อาจารย์ธรรมศาสตร์ระบุว่า เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ที่กัมพูชานำเรื่องเข้าสู่คณะมนตรีความมั่นคง (UNSC) และไทยต้องตามไปโต้แย้ง เราชื่นชมกันท่านทูตไทย (นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ ทูตไทยประจำยูเอ็น) ชี้แจงได้ดี ครบประเด็น และมีลีลาวาทศิลป์ประทับใจ เช่น ‘Don’t look away’ (อย่าละสายตา)
“ตอนนั้น ผมอยู่เฮกพอดี (กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก) ท่ามกลางด้วยนักกฎหมายระหว่างประเทศหลายร้อยคนจากทั่วโลก ได้รับฟีดแบ็คทำนองมาว่า
คนจากประเทศอื่นที่อาจจะไม่เข้าใจการเมืองของสองประเทศ ไม่เข้าใจว่าทำไมประเทศเล็กๆ อย่างกัมพูชาถึงจะอยากจะมาเริ่มทำสงครามกับไทย มันไม่สมเหตุสมผล” ดร.ภัทรพงษ์กล่าว
ผมจึงวิเคราะห์ สปีชของไทยในคณะมนตรีความมั่นคงที่ผ่านมาแม้จะอธิบายข้อเท็จจริงได้ดี
แต่ไทยไม่ได้เล่าว่า แรงจูงใจของกัมพูชาคืออะไร ทำไมผู้นำกัมพูชาถึงก่อกวนให้สถานการณ์ไม่สงบมายาวนานหลายเดือน
ดร.ภัทรพงษ์ระบุว่า พูดง่ายๆ คือ
เรามีแต่ facts (ข้อเท็จจริง) แต่เรายังไม่มี story (เรื่องราว) ที่คนประเทศอื่นฟังแล้วจะเข้าใจ ซึ่งสปีชวันนี้ของไทย ใส่รายละเอียดตรงนี้เข้าไป ซึ่งเราบอกว่า
กัมพูชามีเจตนาจะขยายข้อพิพาทเรื่องเขตแดนไปสู่ความขัดแย้งระดับชาติ และยกระดับเป็นปัญหาระหว่างประเทศ
“
ในแง่การสื่อสารกับต่างชาติ หากฝ่ายกัมพูชายังคงไม่จริงใจในการแก้ปัญหาเช่นนี้ ฝ่ายไทยคงต้องเน้นย้ำและขยายความประเด็นนี้ต่อไปอีก” อาจารย์ภัทรพงษ์กล่าว
อ่านข่าวแบบเต็มๆ (ส่วนที่เหลือ) ได้ที่ :
https://www.prachachat.net/world-news/news-1892276
Feedback จากต่างชาติ "ไม่เข้าใจว่าทำไมประเทศเล็กๆ อย่างกัมพูชาถึงอยากจะมาเริ่มทำสงครามกับไทย มันไม่สมเหตุสมผล"
อ.ธรรมศาสตร์ วิเคราะห์สปีชไทยเวที UNGA อุดช่องโหว่ ต่างชาติฟังเข้าใจ ปมกัมพูชา
หลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนไทยกล่าวถ้อยแถลง (สปีช) ในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อ 27 กันยายน เวลาท้องถิ่น ดร.ภัทรพงษ์ แสงไกร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณีถ้อยแถลงของไทย
อาจารย์ธรรมศาสตร์ระบุว่า เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ที่กัมพูชานำเรื่องเข้าสู่คณะมนตรีความมั่นคง (UNSC) และไทยต้องตามไปโต้แย้ง เราชื่นชมกันท่านทูตไทย (นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ ทูตไทยประจำยูเอ็น) ชี้แจงได้ดี ครบประเด็น และมีลีลาวาทศิลป์ประทับใจ เช่น ‘Don’t look away’ (อย่าละสายตา)
“ตอนนั้น ผมอยู่เฮกพอดี (กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก) ท่ามกลางด้วยนักกฎหมายระหว่างประเทศหลายร้อยคนจากทั่วโลก ได้รับฟีดแบ็คทำนองมาว่า คนจากประเทศอื่นที่อาจจะไม่เข้าใจการเมืองของสองประเทศ ไม่เข้าใจว่าทำไมประเทศเล็กๆ อย่างกัมพูชาถึงจะอยากจะมาเริ่มทำสงครามกับไทย มันไม่สมเหตุสมผล” ดร.ภัทรพงษ์กล่าว
ผมจึงวิเคราะห์ สปีชของไทยในคณะมนตรีความมั่นคงที่ผ่านมาแม้จะอธิบายข้อเท็จจริงได้ดี แต่ไทยไม่ได้เล่าว่า แรงจูงใจของกัมพูชาคืออะไร ทำไมผู้นำกัมพูชาถึงก่อกวนให้สถานการณ์ไม่สงบมายาวนานหลายเดือน
ดร.ภัทรพงษ์ระบุว่า พูดง่ายๆ คือ เรามีแต่ facts (ข้อเท็จจริง) แต่เรายังไม่มี story (เรื่องราว) ที่คนประเทศอื่นฟังแล้วจะเข้าใจ ซึ่งสปีชวันนี้ของไทย ใส่รายละเอียดตรงนี้เข้าไป ซึ่งเราบอกว่า กัมพูชามีเจตนาจะขยายข้อพิพาทเรื่องเขตแดนไปสู่ความขัดแย้งระดับชาติ และยกระดับเป็นปัญหาระหว่างประเทศ
“ในแง่การสื่อสารกับต่างชาติ หากฝ่ายกัมพูชายังคงไม่จริงใจในการแก้ปัญหาเช่นนี้ ฝ่ายไทยคงต้องเน้นย้ำและขยายความประเด็นนี้ต่อไปอีก” อาจารย์ภัทรพงษ์กล่าว
อ่านข่าวแบบเต็มๆ (ส่วนที่เหลือ) ได้ที่ : https://www.prachachat.net/world-news/news-1892276