JJNY : ไอซ์แฉสปส.ใช้งบ IT ส่อไม่โปร่งใส│กมธ.ก่อสร้างฯ เรียก 5 ผู้เกี่ยวข้องแจง│ทหารคุมเข้มผามออีแดง│เดนมาร์กเจอโดรนป่วน

ไอซ์ แฉ สปส.ใช้งบ IT เกือบ 1,000 ล้าน ส่อไม่โปร่งใส – 20 ปีไม่เคยเปิดเผยรายงานประชุม
https://www.matichon.co.th/politics/news_5384334
.
.
ไอซ์ รักชนก แฉ สปส.ใช้เงินกองทุนไม่โปร่งใส เกือบพันล้าน จี้”ประกันสังคม”เปิดเผยรายงานการประชุมทั้งหมด ขู่เอาผิด ม.157 หากไม่คืบ
.
เมื่อวันที่ 26 กันยายน ที่รัฐสภา น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน และโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวตั้งข้อสังเกตการใช้งบประมาณด้าน IT ของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ที่ส่อมีการใช้เงินกองทุนประกันสังคมไม่โปร่งใส มูลค่าเกือบ 1,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการระบบพัฒนาการให้บริการทางการแพทย์ จำนวน 548 ล้านบาท
.
สำหรับพัฒนาระบบให้บริการทางการแพทย์ รวมทั้งสมุดพกผู้ประกันตนที่ใช้เป็นข้อมูลในการคัดกรองสุขภาพเบื้องต้น ระบบบันทึกข้อมูลการรักษา และระบบ Open API ซึ่งเป็นระบบให้คนทั่วไปเข้าถึงข้อมูลการรักษา ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ สปส.ยังไม่ยอมเปิดใช้งาน โดยอ้างว่าติดเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ซึ่งเป็นข้ออ้างที่ไม่เป็นความจริง และกรณีระบบดับเพลิง Water Mist จำนวน 79 ล้านบาท ซึ่งสปส.อ้างว่าระบบเดิมที่ใช้มา 10 ปีเก่าแล้ว จึงต้องเปลี่ยนใหม่ ทั้งที่ระบบดังกล่าวมีอายุการใช้งานได้ถึง 20-30 ปี อีกทั้งอ้างว่าบริษัทคู่ค้าไม่ขายสารเคมี NOVEC 1230 แล้ว
.
น.ส.รักชนก กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบของฝ่ายผู้ประกันตน พบว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังมีขายอยู่ในท้องตลาด เปรียบเทียบเหมือนแอร์รถยนต์ไม่เย็นเพราะน้ำยาแอร์หมด ควรจะเปลี่ยนน้ำยาหรือหายี่ห้อใหม่มาทดแทน แต่ สปส.เลือกที่จะซื้อรถใหม่ทั้งคัน นอกจากนี้ ยังพบว่า ระบบ IPS ระบบป้องกันความปลอดภัยของ Data Center ของสำนักงานฯ กว่า 200 ล้านบาท มีการอ้างว่าโปรแกรมเดิมหมดอายุ End of Life แล้ว ทั้งที่มีตัวเลือกอื่นที่ดีกว่าและถูกกว่า แต่ สปส.กลับไม่เลือกใช้
.
ที่สำคัญ คือ ประธานคณะทำงานที่กำหนดเรื่องนี้เป็น “อดีตพนักงานขายของบริษัท” ที่เคยเป็นคู่ค้ากับสำนักงานฯมาก่อน ยิ่งทำให้สังคมตั้งคำถามถึงความโปร่งใสอย่างชัดเจน
.
น.ส.รักชนก กล่าวด้วยว่า สปส. ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 มาตลอด 20 ปี โดยไม่เคยเปิดเผยรายงานการประชุมหรือมติที่ประชุมใดๆ ให้ผู้ประกันตนหรือสาธารณะได้รับทราบ จึงตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ดังนั้นตนจึงขอเรียกร้องให้ สปส.เปิดเผยรายงานการประชุมทั้งหมดที่เคยประชุมต่อสาธารณะ หากไม่มีความคืบหน้าจะดำเนินการตามมาตรา 157 กับผู้ที่เกี่ยวข้อง
.
ทั้งนี้ ขอให้ยับยั้งโครงการที่ใช้งบประมาณอย่างไร้เหตุผลในด้าน IT ของสำนักงานประกันสังคม เพื่อความโปร่งใสในการทำงานของประกันสังคมด้วย
.

.
กมธ.ก่อสร้างฯ เรียก 5 ผู้เกี่ยวข้อง แจงเหตุถนนทรุด หน้ารพ.วชิระจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า
https://www.matichon.co.th/politics/news_5384959
.
กมธ.ก่อสร้างฯ เรียก 5 ผู้เกี่ยวข้อง แจงเหตุถนนทรุด หน้ารพ.วชิระจากกรณีก่อสร้างรถไฟฟ้า
.
เมื่อวันที่ 25 กันยายน นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเพจ “ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ – Suphanat Minchaiynunt” ระบุว่า
.
[กมธ.ก่อสร้างฯ เตรียมเชิญผู้เกี่ยวข้องประชุม เคส #ถนนทรุด หน้ารพ.วชิระ]
.
พุธ 1/10 13.30 ทางกรรมาธิการวิสามัญยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างฯ ที่ผมเป็นรองประธานมีการนัดประชุม วาระถนนทรุด หน้า รพ.วชิระจากกรณีก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง
.
โดยเชิญผู้เกี่ยวข้องหลัก 5 ฝ่ายมาครับ
.
1) รฟม. (เจ้าของโครงการ)
.
2) CK and Sino-Thai (ผู้รับเหมา)
.
3) กทม. (ท้องถิ่นเจ้าของพื้นที่)
.
4) กปน. (ประปา)
.
5) คปภ. (กำกับ บ.ประกัน)
.
อนึ่งกลไกที่เราขาด คือ กระบวนการสืบหาความจริง (accident investigation) ที่ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่า เมื่อเกิดเหตุแล้ว ใครบ้างมีหน้าที่เป็นเจ้าภาพในการสืบหาความจริง,  อัพเดทสถานะการตรวจสอบ และสรุปผลแบบอัตโนมัติ โดยที่ไม่ต้องรอให้ผู้มีอำนาจสั่งการ ทำให้แต่ละครั้งที่เกิดเหตุทีก็ต้องเรียกกันมาที ทั้งนี้การตัดตั้งกลไกนี้จะอยู่ในข้อเสนอของกรรมาธิการต่อรัฐบาลครับ.
.
https://www.facebook.com/suphanat.minchaiynunt/posts/764420153259957
.

.
ทหารคุมเข้มผามออีแดง ชาวบ้านหวั่นไม่ปลอดภัย ยกของใส่รถรออพยพ ลั่น เสียงปืนใหญ่คือสัญญาณหนี
.
ชาวบ้านจำนวนไม่น้อย เผยว่า การย้ายออกไป–กลับเข้ามาซ้ำหลายครั้งสร้างความลำบาก ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายและการใช้ชีวิตประจำวัน จึงเลือกที่จะรอ “สัญญาณจริง” จากทางการ โดยเฉพาะเสียงประกาศเตือนภัยหรือเสียงปืนใหญ่ ซึ่งถือเป็นเครื่องชี้วัดว่าจำเป็นต้องอพยพออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน
.
ขณะเดียวกันมีชาวบ้านเริ่มทยอยอพยพออกจากหมู่บ้านแล้ว หลังติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดและประเมินว่ามีโอกาสสูงที่จะบานปลายเป็นความรุนแรง
.
นายน้อย อายุ 62 ปี หนึ่งในชาวบ้านภูมิซรอล เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตนไม่ได้เก็บเสื้อผ้ามากนัก แต่เลือกนำข้าวสารอาหารแห้งและของจำเป็นติดตัวออกมา เพราะตั้งใจจะไปพักที่บ้านอีกหลังในอำเภอไพรบึง ขณะที่ญาติพี่น้องบางส่วนก็แยกย้ายไปอยู่ตามพื้นที่ต่าง ๆ แล้ว
.
ตนไม่อยากให้เกิดเหตุปะทะ เพราะถ้าเกิดขึ้นจริง คนในพื้นที่จะทำมาหากินไม่ได้ ทุกอย่างจะลำบาก การตัดสินใจของฝ่ายต่าง ๆ ต้องเด็ดขาด อย่าให้บานปลายจนประชาชนเดือดร้อน
.
ด้าน โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากแนวปะทะ ได้ปรับแผนสอบปลายภาค จากกำหนดเดิมวันที่ 24–26 กันยายน ให้แล้วเสร็จตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน เพื่อความปลอดภัยของครูและนักเรียน โดยภายหลังสอบเสร็จ ครูได้เร่งให้นักเรียนเดินทางกลับบ้านทันที พร้อมจัดเตรียมแผนเผชิญเหตุ หากมีการยิงปะทะขึ้นจริง.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่