ตอนเด็กเราค่อนข้างอ้วน ตัวดำ หน้าบาน พูดง่าย ๆ ก็เด็กน่าเกลียดนั่นแหละ โดนเพื่อนแกล้งนักมาก…แถมยังเจอครูแย่ ๆ อีก ด้วยความเป็นเด็กอ่ะเนอะทำอะไรมากไม่ได้ พอโตขึ้นแล้วมองย้อนกลับไป….โครตแย่
โรงเรียนที่เราเรียนมีระดับชั้นอนุบาลตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงมัธยมต้น ครูสอนไม่ใช่ราชกาลเป็นครูอัตราจ้าง
ขอเรียกครูคนนั้นว่าครูบิวแล้วกัน (จำชื่อไม่ได้) เป็นครูประจำชั้นตอนเรียนอนุบาล 3 ครูบิวเป็นสาวสวยอายุน่าจะเด็กสุดในบรรดาครูอนุบาลที่มีแต่สาวรุ่นใหญ่ หล่อนมักจะแต่งหน้าจัดจ้าน เราจำหน้าไม่ค่อยได้แต่จำขึ้นใจว่านางชอบทาแก้มสีชมพู ปากสีแดงสด มัดผมรวบเป็นหางม้า
เด็กในห้องชอบครูมากเพราะสวย เราก็ชอบ (ในตอนแรกน่ะนะ) เราเริ่มกลัวครูบิวเพราะครูดุ พูดจากับเราเหมือนโกรธแค้นเราตลอดเวลา ไม่ใช่แค่เรานะ เด็กคนไหนที่หน้าตาน่าเกลียด ตัวดำ หรือทำตัวสกปรกครูก็มักจะพูดจาแรง ๆ ใส่ แต่กับเด็กตัวขาว ๆ หน้าตาน่ารัก นางจ๊ะจ้าพูดเพราะราวกับเป็นลูกตัวเองเชียว
มีครั้งหนึ่งเราร้องให้มาโรงเรียนเพราะทะเลาะกับพ่อแล้วพ่อบอกว่าจะไม่มารับกลับบ้านอีก พอถึงเวลาเช็คชื่อนักเรียนครูเรียกถึงเรา เราไม่ตอบเพราะมั่วแต่ร้องให้ ครูเห็นเราร้องให้ ครูกลับพูดว่า “เป็นไร?” แล้วข้ามไปเช็คชื่อคนอื่น
นางไม่เรียกชื่อเราตรง ๆ ด้วยนะ นางจะเรียกว่า “อีอ้วน” หรือ “ไอ้อ้วน” จะพูดจาดี ๆ ตอนพ่อแม่มารับเท่านั้นแหละ
เหตุการณ์ที่จำฝั่งใจมากที่สุด คือตอนที่เราโดนไล่ออกมานอกห้องเรียน
ด้วยความที่เราทั้งอ้วน ทั้งดำ เลยไม่มีใครเล่นกับเราเลย ตอนเด็กใคร ๆ ก็ชอบคนสวย คนน่ารัก มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาน่ารักและยังฉลาดที่สุดในห้อง ขอเรียกชื่อว่า “ใบเตย”
ใบเตยเป็นเด็กบ้านรวย เพราะนางชอบอวดว่าพ่อแม่ใช้โทรศัพท์แบบไม่มีปุ่มกด ครูบิวสนิทกับแม่ของใบเตยมากถึงขนาดเคยยืมเงินกัน ใบเตยจึงเปรียบเสมือนลูกรักของครูบิว
วันหนึ่ง ครูบิวให้เด็ก ๆ เล่นของเล่นระหว่างครูกำลังเขียนการบ้าน ใบเตยกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนหนึ่งเล่นขี่ช้าง คือเพื่อนนางคลานสี่ขา ส่วนนางขี่หลังเพื่อน เพื่อนนางคลานมาชนกับเราที่นั่งเล่นคนเดียวอย่างแรงจนใบเตยเสียหลักล่วงลงพื้น ใบเตยร้องให้เสียงดังจนครูเดินมาดู
พอครูมาเพื่อนคนนั้นกลับบอกครูว่าเราเป็นคนผลักนาง ตอนนั้นเราแบบ อะไรวะ! ฉันนั่งหันหลังเล่นเงียบ ๆ คนเดียว แล้วหล่อนเป็นฝ่ายมาชน แต่กลับใส่ร้ายกันเฉย
เราจำภาพเมื่อตอนนั้นได้ขึ้นใจ เพื่อนทั้งห้องมองมาที่เรา ใบเตยกอดครูบิวร้องให้ไม่หยุด อิเพื่อนคนนั้นชี้นิ้วมาที่เราแล้วพูดว่า “มันผลักหนู” เราแบบ…ไม่รู้จะทำอย่างไง หัวสมองมันขาวโพลนไปหมด
ครูบิวด่าเรายกใหญ่ แล้วไล่ให้เราไปนั่งนอกห้อง เรานั่งกอดเข่าร้องให้ตรงประตูห้องเรียนอยู่หลายชั่วโมง ตอนนั้นเวลาเกือบบ่ายเพราะพึ่งตื่นจากนอนกลางวัน จำได้ว่าเรานั่งอยู่ตรงนั้นนานมาก ระหว่างนั้นเพื่อนก็มาล้อเลียนเรา ด่าเรา รวมถึงนางใบเตยกับเพื่อนมันด้วย จนถึงคาบเรียนรองสุดท้าย (โรงเรีอนจะให้เด็กอนุบาลออกมาซื้อขนมก่อนคาบสุดท้าย) ครูบิวเดินออกมา ใช้นิ้วจิ้มหัวเราที่กำลังก้มหน้ากอดเข่าแรง ๆ ก่อนพูดว่า “ลุกขึ้นได้แล้ว”
ตอนเลิกเรียนเราโดนแม่ใบเตยด่า ครูบิวบอกพ่อว่าเราทำเพื่อนล้ม พ่อดุ แต่ก็พาไปเซเว่นปลอบใจเพราะเห็นเราร้องให้ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำเอาไม่อยากไปโรงเรียนอีกเลย เรากลัวครูบิวมากขึ้น เพราะครูยิ่งใจร้าย ถึงขนาดที่ว่า…เวลาครูยิ้ม ๆ อยู่ พอหันมาสบตากับเราครูก็จะหุบยิ้มทันทีและหงุดหงิด
พอขึ้นชั้นประถม ใบเตยย้ายไปเรียนที่อื่น ส่วนเราก็เจอครูประชั้นคนใหม่ เพื่อนใหม่ สังคมใหม่ ๆ เลยทำให้ลืมเรื่องครั้งนั้นไป
เราเจอครูบิวอีกทีตอนเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว ปีนั้นครูบิวได้ประจำห้องเรียนชั้นล่างสุด ตึกอนุบาลติดกับสนามใหญ่ที่นักเรียนมักจะไปเล่นฟุดบอลกันตอนพักเที่ยง บริเวณหน้าระเบียงห้องอนุบาลชั้นล่างมีที่นั่งใต้ต้นไม้ วันนั้นเรากับเพื่อนไปนั่งกินขนมกันตรงนั้น แล้วได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงร้องให้ และใช่…เด็กห้องครูบิว แต่ครูบิวก็ไม่ได้สนใจเด็กคนนั้น เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรต่อจากนั้นเพราะต้องรีบไปเข้าแถวขึ้นห้องเรียน
วันต่อมาผู้อำนวยก็ประกาศออกไมค์ว่า “ฝากถึงครูอนุบาลทุกคนนะครับ ถ้าเด็กร้องให้กรุณาทำอะไรสักอย่างไม่ใช่ปล่อยตามยถากรรม เขาอุตส่าห์มาเรียนโรงเรียนเรา”
ตอนฟังเราก็คิด “ต้องใช่ครูบิวแน่ ๆ” หล่อนยังเหมือนเดิมเลย แต่งหน้าจัด ปัดแก้มสีชมพู ทาปากสีแดง ต่างกับเมื่อก่อนตรงที่เริ่มมีริ้วรอยแห่งวัยและทารองพื้นหนาจัดกว่าเมื่อก่อน
…ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะคะ เราเขียนกระทู้นี้เพราะนึกถึงตัวเองตอนเด็กและอยากระบายกับใครสักคน
ประสบการณ์เจอครูอนุบาลที่แย่ที่สุดในชีวิต
โรงเรียนที่เราเรียนมีระดับชั้นอนุบาลตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงมัธยมต้น ครูสอนไม่ใช่ราชกาลเป็นครูอัตราจ้าง
ขอเรียกครูคนนั้นว่าครูบิวแล้วกัน (จำชื่อไม่ได้) เป็นครูประจำชั้นตอนเรียนอนุบาล 3 ครูบิวเป็นสาวสวยอายุน่าจะเด็กสุดในบรรดาครูอนุบาลที่มีแต่สาวรุ่นใหญ่ หล่อนมักจะแต่งหน้าจัดจ้าน เราจำหน้าไม่ค่อยได้แต่จำขึ้นใจว่านางชอบทาแก้มสีชมพู ปากสีแดงสด มัดผมรวบเป็นหางม้า
เด็กในห้องชอบครูมากเพราะสวย เราก็ชอบ (ในตอนแรกน่ะนะ) เราเริ่มกลัวครูบิวเพราะครูดุ พูดจากับเราเหมือนโกรธแค้นเราตลอดเวลา ไม่ใช่แค่เรานะ เด็กคนไหนที่หน้าตาน่าเกลียด ตัวดำ หรือทำตัวสกปรกครูก็มักจะพูดจาแรง ๆ ใส่ แต่กับเด็กตัวขาว ๆ หน้าตาน่ารัก นางจ๊ะจ้าพูดเพราะราวกับเป็นลูกตัวเองเชียว
มีครั้งหนึ่งเราร้องให้มาโรงเรียนเพราะทะเลาะกับพ่อแล้วพ่อบอกว่าจะไม่มารับกลับบ้านอีก พอถึงเวลาเช็คชื่อนักเรียนครูเรียกถึงเรา เราไม่ตอบเพราะมั่วแต่ร้องให้ ครูเห็นเราร้องให้ ครูกลับพูดว่า “เป็นไร?” แล้วข้ามไปเช็คชื่อคนอื่น
นางไม่เรียกชื่อเราตรง ๆ ด้วยนะ นางจะเรียกว่า “อีอ้วน” หรือ “ไอ้อ้วน” จะพูดจาดี ๆ ตอนพ่อแม่มารับเท่านั้นแหละ
เหตุการณ์ที่จำฝั่งใจมากที่สุด คือตอนที่เราโดนไล่ออกมานอกห้องเรียน
ด้วยความที่เราทั้งอ้วน ทั้งดำ เลยไม่มีใครเล่นกับเราเลย ตอนเด็กใคร ๆ ก็ชอบคนสวย คนน่ารัก มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาน่ารักและยังฉลาดที่สุดในห้อง ขอเรียกชื่อว่า “ใบเตย”
ใบเตยเป็นเด็กบ้านรวย เพราะนางชอบอวดว่าพ่อแม่ใช้โทรศัพท์แบบไม่มีปุ่มกด ครูบิวสนิทกับแม่ของใบเตยมากถึงขนาดเคยยืมเงินกัน ใบเตยจึงเปรียบเสมือนลูกรักของครูบิว
วันหนึ่ง ครูบิวให้เด็ก ๆ เล่นของเล่นระหว่างครูกำลังเขียนการบ้าน ใบเตยกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนหนึ่งเล่นขี่ช้าง คือเพื่อนนางคลานสี่ขา ส่วนนางขี่หลังเพื่อน เพื่อนนางคลานมาชนกับเราที่นั่งเล่นคนเดียวอย่างแรงจนใบเตยเสียหลักล่วงลงพื้น ใบเตยร้องให้เสียงดังจนครูเดินมาดู
พอครูมาเพื่อนคนนั้นกลับบอกครูว่าเราเป็นคนผลักนาง ตอนนั้นเราแบบ อะไรวะ! ฉันนั่งหันหลังเล่นเงียบ ๆ คนเดียว แล้วหล่อนเป็นฝ่ายมาชน แต่กลับใส่ร้ายกันเฉย
เราจำภาพเมื่อตอนนั้นได้ขึ้นใจ เพื่อนทั้งห้องมองมาที่เรา ใบเตยกอดครูบิวร้องให้ไม่หยุด อิเพื่อนคนนั้นชี้นิ้วมาที่เราแล้วพูดว่า “มันผลักหนู” เราแบบ…ไม่รู้จะทำอย่างไง หัวสมองมันขาวโพลนไปหมด
ครูบิวด่าเรายกใหญ่ แล้วไล่ให้เราไปนั่งนอกห้อง เรานั่งกอดเข่าร้องให้ตรงประตูห้องเรียนอยู่หลายชั่วโมง ตอนนั้นเวลาเกือบบ่ายเพราะพึ่งตื่นจากนอนกลางวัน จำได้ว่าเรานั่งอยู่ตรงนั้นนานมาก ระหว่างนั้นเพื่อนก็มาล้อเลียนเรา ด่าเรา รวมถึงนางใบเตยกับเพื่อนมันด้วย จนถึงคาบเรียนรองสุดท้าย (โรงเรีอนจะให้เด็กอนุบาลออกมาซื้อขนมก่อนคาบสุดท้าย) ครูบิวเดินออกมา ใช้นิ้วจิ้มหัวเราที่กำลังก้มหน้ากอดเข่าแรง ๆ ก่อนพูดว่า “ลุกขึ้นได้แล้ว”
ตอนเลิกเรียนเราโดนแม่ใบเตยด่า ครูบิวบอกพ่อว่าเราทำเพื่อนล้ม พ่อดุ แต่ก็พาไปเซเว่นปลอบใจเพราะเห็นเราร้องให้ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำเอาไม่อยากไปโรงเรียนอีกเลย เรากลัวครูบิวมากขึ้น เพราะครูยิ่งใจร้าย ถึงขนาดที่ว่า…เวลาครูยิ้ม ๆ อยู่ พอหันมาสบตากับเราครูก็จะหุบยิ้มทันทีและหงุดหงิด
พอขึ้นชั้นประถม ใบเตยย้ายไปเรียนที่อื่น ส่วนเราก็เจอครูประชั้นคนใหม่ เพื่อนใหม่ สังคมใหม่ ๆ เลยทำให้ลืมเรื่องครั้งนั้นไป
เราเจอครูบิวอีกทีตอนเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 แล้ว ปีนั้นครูบิวได้ประจำห้องเรียนชั้นล่างสุด ตึกอนุบาลติดกับสนามใหญ่ที่นักเรียนมักจะไปเล่นฟุดบอลกันตอนพักเที่ยง บริเวณหน้าระเบียงห้องอนุบาลชั้นล่างมีที่นั่งใต้ต้นไม้ วันนั้นเรากับเพื่อนไปนั่งกินขนมกันตรงนั้น แล้วได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงร้องให้ และใช่…เด็กห้องครูบิว แต่ครูบิวก็ไม่ได้สนใจเด็กคนนั้น เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรต่อจากนั้นเพราะต้องรีบไปเข้าแถวขึ้นห้องเรียน
วันต่อมาผู้อำนวยก็ประกาศออกไมค์ว่า “ฝากถึงครูอนุบาลทุกคนนะครับ ถ้าเด็กร้องให้กรุณาทำอะไรสักอย่างไม่ใช่ปล่อยตามยถากรรม เขาอุตส่าห์มาเรียนโรงเรียนเรา”
ตอนฟังเราก็คิด “ต้องใช่ครูบิวแน่ ๆ” หล่อนยังเหมือนเดิมเลย แต่งหน้าจัด ปัดแก้มสีชมพู ทาปากสีแดง ต่างกับเมื่อก่อนตรงที่เริ่มมีริ้วรอยแห่งวัยและทารองพื้นหนาจัดกว่าเมื่อก่อน
…ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะคะ เราเขียนกระทู้นี้เพราะนึกถึงตัวเองตอนเด็กและอยากระบายกับใครสักคน