SCX Corporation ธุรกิจ Engine 2 ของค่ายเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชัน กำลังง่วนอยู่กับ “สัปดาห์ KROMO” จากการดีเดย์เตรียมเปิดบริการ First Day 25 กันยายน 2568 นี้
อาจกล่าวได้ว่าเป็นโปรเจ็กต์ซิกเนเจอร์ของผู้บริหารระดับ Key Person “รชฎ นันทขว้าง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท SCX Corporation จำกัด บริษัทในเครือ SC Asset เพราะได้ร่วมเข้ามาประคบประหงมเป็นโครงการแรกจนกระทั่งสำเร็จทั่วทั้งโครงการในวันนี้
SCX โมเดลธุรกิจ Engine 2
โดย “รชฎ” เฉลยคำว่า ธุรกิจ Engine 2 ก็คือ SCX Corporation รับผิดชอบขยายพอร์ตกลุ่มธุรกิจรายได้ประจำ (Recurring Income) ประกอบด้วยการลงทุนธุรกิจออฟฟิศบิลดิ้ง หรือสำนักงานให้เช่า, ธุรกิจโลจิสติกส์ (แวร์เฮาส์) และธุรกิจโรงแรม
ย้อนไทม์ไลน์ไปไม่ไกล ในปี 2566 พอร์ตลงทุนแรกทำโลจิสติกส์แวร์เฮาส์ร่วมกับแฟลช ที่นครสวรรค์, โรงแรมย่านราชวัตร และลงทุนในฐานะนักลงทุนร่วมกับ i-Store Self Storage มูลค่าลงทุนรวม 3,776 ล้านบาท
ปี 2567 มีการขยายแบบเบ่งตัว โดยได้พาร์ตเนอร์รายใหญ่จากญี่ปุ่น 2 ราย 1.ไดวะเฮาส์ (ร่วมทุนธุรกิจโรงแรม KROMO Curio Collection by Hilton) กับโตเกียวทาเทโมโนะ ซึ่งร่วมทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยกับเอสซี แอสเสทฯ แผนในอนาคตวางไว้ว่าจะร่วมลงทุนโรงแรมไปด้วยกัน
ควบคู่กับมีการเปิดพันธมิตรร่วมทุนกับธุรกิจบิ๊กเนมของไทย พัฒนาโรงแรมเดอะสแตนดาร์ด หาดนาจอมเทียน พัทยา ดีเดย์เปิดตัวในเดือนตุลาคม 2568 นี้ และร่วมทุนกับกลุ่มสยามกลการของตระกูลพรประภา ทำธุรกิจแวร์เฮาส์ มูลค่าลงทุนรวม 4,324 ล้านบาท
ปัจจุบันในปี 2568 เป็นปีที่โปรเจ็กต์ลงทุนเริ่มออกดอกออกผล โดยดีเดย์เปิดบริการเป็นทางการไลฟ์สไตล์โฮเทลแบรนด์ดัง “KROMO Bangkok, Curio Collection by Hilton วันที่ 24 กันยายน 2568 หลังจากนั้นเป็นไทม์ไลน์เตรียมเปิดไลฟ์สไตล์โฮเทล The Standard นาจอมเทียน
อีกทั้งมีการลงทุนโรงแรม VOCO Bangkok Siam Crowned ตรงข้ามสยามดิสคัฟเวอรี่ กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2029 เบ็ดเสร็จปีนี้มูลค่าลงทุนรวม 2,200 ล้านบาท
เบ็ดเสร็จในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา SCX ลงทุนแล้ว 10,300 ล้านบาท “…let’s say ว่า SCX ยังไม่มีรายได้ในช่วงแรก แหล่งเงินทุนกู้ยืมจากบริษัทแม่ (SC Asset) เป็นส่วนใหญ่”
5 ปีหน้าเบ่งเป้าลงทุนรีเคอริ่ง
เป้าหมายภายในปี 2572 ตั้งเป้าแผนลงทุน 5 ปี (2568-2572) วงเงินรวม 25,000 ล้านบาท พอร์ตโฟลิโอมาจาก 3 ธุรกิจหลัก ดังนี้
“ธุรกิจโรงแรม” ตัวชี้วัดจะมีจำนวน 2,000 ห้องพัก มาจากโรงแรมใหม่ในเครือ และเดอะสแตนดาร์ด พัทยา 1,300 ห้องพัก เทียบกับเป้าเท่ากับสัดส่วน 60% แล้ว โดยมีกลยุทธ์ทางลัดการลงทุนที่อาจไม่ได้ลงทุนในรูปแบบกรีนฟิลด์ (พัฒนาเองตั้งแต่ต้น) แต่มีออปชั่นทำดีลควบรวมกิจการ หรือ M&A มากขึ้น เพื่อให้สามารถรับรู้รายได้รวดเร็วขึ้น
“ธุรกิจโลจิสติกส์” หรือแวร์เฮาส์ เป้าหมายเพิ่มพื้นที่รวม 700,000 ตารางเมตร (ปัจจุบันมีพื้นที่รวม 100,000 ตารางเมตร) เป้าการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์เพิ่มพื้นที่เฉลี่ยปีละ 100,000 ตารางเมตร
และ “ธุรกิจสำนักงานให้เช่า” หรือออฟฟิศบิลดิ้ง ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันเริ่มมีซัพพลายเกรด A ออกมาจำนวนมาก ดังนั้นจึงเลือกที่จะรักษาระดับพื้นที่ไว้ที่ 120,000 ตารางเมตร
นั่นหมายความว่าในช่วง 5 ปี สัดส่วนการลงทุนโลจิสติกส์กับโรงแรม ถูกให้น้ำหนักอย่างละครึ่ง/ครึ่ง
เล็งตั้งกองรีท 5,000 ล้าน
โฟกัสธุรกิจฮอสพิทาลิตี้ ดำรงจุดมุ่งหมายที่จะเลือกลงทุนโรงแรม 4 ทำเลหลัก “กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต สมุย” โดยทำเลพัทยาจะมีการเปิดไลฟ์สไตล์โฮเทลก่อนเป็นแห่งแรก “เดอะสแตนดาร์ด นาจอมเทียน” ส่วนในกรุงเทพฯ จะคงบทบาทเป็นพื้นที่หลักของการลงทุน
“เราเชื่อว่าการที่เราเพิ่มพอร์ตโรงแรมใน 1-2 ปีหน้า รายได้จะโต 80% ในด้านสัดส่วนรายได้โรงแรมเทียบกับพอร์ตรีเคอริ่งในภาพรวม (รวมโลจิสติกส์กับออฟฟิศบิลดิ้ง) ปีนี้อยู่ที่ 14% คาดว่าสัดส่วนจะเพิ่มเป็น 58% ภายในปี 2572”
รวมทั้งเป้าหมายแบบ “มองบน” ในด้านกำไรสุทธิ เมื่อเทียบกับปีฐานในปี 2568 สู่ปี 2572 ทาง SCX ต้องการมีกำไรสุทธิเติบโต 10 เท่า หรือ 1,000%
สำหรับแหล่งทุนที่นำมาใช้พัฒนาโครงการ นอกจากกู้ยืมบริษัทแม่ (SC Asset), โครงการร่วมทุนกับพันธมิตรธุรกิจแล้ว ยังเตรียมช่องทางระดมทุนผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือกองรีท-REIT
โดยกองรีทกองแรกของ SCX กำหนดไทม์ไลน์ในปี 2570 ด้วยการนำทรัพย์สินจากโครงการแวร์เฮาส์แน่ ๆ 1 โครงการ กับโรงแรมไม่ว่าแบรนด์ย่านราชวัตร, ครอโม แบงค็อกฯ หรือเดอะสแตนดาร์ด เข้ามาจัดตั้งกองรีทมูลค่า 5,000 ล้านบาท
แฟลกชิปโฮเทล “ครอโม แบงค็อกฯ”
สำหรับ KROMO Bangkok, Curio Collection by Hilton มีจำนวน 306 คีย์ (ห้องพัก) มูลค่าลงทุน 2,800 ล้านบาท
“โรงแรมนี้ทางนักลงทุนญี่ปุ่นได้ลงทุนก่อสร้างฐานรากแล้ว และได้รับอนุมัติรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA เรียบร้อยแล้ว แต่มาเจอสถานการณ์โควิดทำให้ถอดใจเพราะคิดว่าช่วงลองโควิดจะอยู่อีกนาน ก็เลยอยากขายขึ้นมา เราก็ใช้ความเร็วในการจะเห็นศักยภาพของทำเลหัวมุมปากซอยสุขุมวิท 29”
ก่อนหน้านี้วางโมเดลธุรกิจพัฒนาเป็นบิสซิเนสโฮเทล มีค่าห้องพัก (รูมไนต์) คืนละ 3,000 บาท แต่ SCX ประเมินใหม่ ด้วยศักยภาพทำเลกับแรงบันดาลใจงานอาร์ตที่ใส่เข้าไป รีโมเดลเป็นไลฟ์สไตล์โฮเทล ทำให้ค่าห้องพักดันขึ้นไประดับ 4 ดาวครึ่ง คืนละ 6,000-7,000 บาท (ADR หรือค่าห้องพักไม่รวมภาษีและอาหารเช้า เฉลี่ยที่ 5,200 บาท)
เรื่องเล่าระหว่างทาง ด้วยความที่ EIA Approved ก็เลยคิดว่าก่อสร้าง 2 ปีน่าจะเสร็จ แต่ทำได้จริงนานกว่านั้น เพราะคำนึงคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะฮิลตันเข้มงวดมาก ทำให้การเปิดตัวต้องขยายเวลาออกไป ประกอบกับปลายไตรมาส 1/68 เจอเหตุการณ์แผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ โครงการที่ทำเกือบเสร็จทั้งตึกต้องกลับมาสร้างและซ่อมกันใหม่ กำหนดล่าสุดเปิดบริการ First Day วันที่ 24 กันยายน 2568 ดังกล่าว
“รชฎ” อธิบายว่า โซนท่องเที่ยวในกรุงเทพฯมี 3 โซนหลัก คือ “สุขุมวิท-ปทุมวัน-ริมแม่น้ำเจ้าพระยา” ปัจจุบัน SCX ปลั๊กอิน 2 โซนแล้ว คือ สุขุมวิทกับปทุมวัน
การลงทุนสร้างรายได้รีเคอริ่งต้องใช้เม็ดเงินลงทุนค่อนข้างเยอะมาก เพราะฉะนั้น เราไม่ได้ไปคนเดียว เราไปกับพาร์ตเนอร์ โดย KROMO ร่วมกับไดวะเฮาส์ ถ้าเทียบกับไซซ์แอสเสทฯ ของไดวะเฮาส์ ทรัพย์สินของคอร์ปอเรตไทยที่ใหญ่ที่สุด แต่ไดวะมีขนาดใหญ่กว่า 2 เท่า ซึ่งไดวะเฮาส์มีการร่วมลงทุนกับพาร์ตเนอร์ไทยรายอื่น
แต่สำหรับโรงแรม ไดวะเฮาส์เลือกลงทุนแห่งแรกกับ SCX ภายใต้ KROMO Bangkok, Curio Collection by Hilton ความพิเศษอยู่ที่น้ำพักน้ำแรงของ SCX ทำให้ฮิลตันกรุ๊ปประทับใจ และถูกยกให้เป็นแฟลกชิปโฮเทลสำหรับการเยี่ยมชมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หรืออีกนัยหนึ่ง ถ้ามีนักลงทุนรายใดต้องการสร้างโรงแรมสไตล์ KROMO Bangkok ที่นี่จะเป็นโครงการตัวอย่างให้ได้มาเยี่ยมชม คุณภาพ ดีไซน์ ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าและอินเวสเตอร์
น่าสนใจว่า SCX บริษัทน้องใหม่ในช่วงตั้งไข่ 5-6 ปีแรก มีมูลค่าลงทุนกลม ๆ 10,000 ล้านบาท ล่าสุดแผนธุรกิจ 5 ปี (2568-2572) มูลค่าลงทุนมีอัตราเร่งเพิ่มเป็น 25,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ากำไรสุทธิเติบโต 10 เท่าอีกต่างหาก …ว้าวกว่านี้มีอีกไหม...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/property/news-1887192
SCX ลงทุนฉ่ำ 2.5 หมื่นล้าน ปั้นพอร์ตไลฟ์สไตล์โฮเทล KROMO-The Standard
อาจกล่าวได้ว่าเป็นโปรเจ็กต์ซิกเนเจอร์ของผู้บริหารระดับ Key Person “รชฎ นันทขว้าง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท SCX Corporation จำกัด บริษัทในเครือ SC Asset เพราะได้ร่วมเข้ามาประคบประหงมเป็นโครงการแรกจนกระทั่งสำเร็จทั่วทั้งโครงการในวันนี้
SCX โมเดลธุรกิจ Engine 2
โดย “รชฎ” เฉลยคำว่า ธุรกิจ Engine 2 ก็คือ SCX Corporation รับผิดชอบขยายพอร์ตกลุ่มธุรกิจรายได้ประจำ (Recurring Income) ประกอบด้วยการลงทุนธุรกิจออฟฟิศบิลดิ้ง หรือสำนักงานให้เช่า, ธุรกิจโลจิสติกส์ (แวร์เฮาส์) และธุรกิจโรงแรม
ย้อนไทม์ไลน์ไปไม่ไกล ในปี 2566 พอร์ตลงทุนแรกทำโลจิสติกส์แวร์เฮาส์ร่วมกับแฟลช ที่นครสวรรค์, โรงแรมย่านราชวัตร และลงทุนในฐานะนักลงทุนร่วมกับ i-Store Self Storage มูลค่าลงทุนรวม 3,776 ล้านบาท
ปี 2567 มีการขยายแบบเบ่งตัว โดยได้พาร์ตเนอร์รายใหญ่จากญี่ปุ่น 2 ราย 1.ไดวะเฮาส์ (ร่วมทุนธุรกิจโรงแรม KROMO Curio Collection by Hilton) กับโตเกียวทาเทโมโนะ ซึ่งร่วมทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยกับเอสซี แอสเสทฯ แผนในอนาคตวางไว้ว่าจะร่วมลงทุนโรงแรมไปด้วยกัน
ควบคู่กับมีการเปิดพันธมิตรร่วมทุนกับธุรกิจบิ๊กเนมของไทย พัฒนาโรงแรมเดอะสแตนดาร์ด หาดนาจอมเทียน พัทยา ดีเดย์เปิดตัวในเดือนตุลาคม 2568 นี้ และร่วมทุนกับกลุ่มสยามกลการของตระกูลพรประภา ทำธุรกิจแวร์เฮาส์ มูลค่าลงทุนรวม 4,324 ล้านบาท
ปัจจุบันในปี 2568 เป็นปีที่โปรเจ็กต์ลงทุนเริ่มออกดอกออกผล โดยดีเดย์เปิดบริการเป็นทางการไลฟ์สไตล์โฮเทลแบรนด์ดัง “KROMO Bangkok, Curio Collection by Hilton วันที่ 24 กันยายน 2568 หลังจากนั้นเป็นไทม์ไลน์เตรียมเปิดไลฟ์สไตล์โฮเทล The Standard นาจอมเทียน
อีกทั้งมีการลงทุนโรงแรม VOCO Bangkok Siam Crowned ตรงข้ามสยามดิสคัฟเวอรี่ กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2029 เบ็ดเสร็จปีนี้มูลค่าลงทุนรวม 2,200 ล้านบาท
เบ็ดเสร็จในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา SCX ลงทุนแล้ว 10,300 ล้านบาท “…let’s say ว่า SCX ยังไม่มีรายได้ในช่วงแรก แหล่งเงินทุนกู้ยืมจากบริษัทแม่ (SC Asset) เป็นส่วนใหญ่”
5 ปีหน้าเบ่งเป้าลงทุนรีเคอริ่ง
เป้าหมายภายในปี 2572 ตั้งเป้าแผนลงทุน 5 ปี (2568-2572) วงเงินรวม 25,000 ล้านบาท พอร์ตโฟลิโอมาจาก 3 ธุรกิจหลัก ดังนี้
“ธุรกิจโรงแรม” ตัวชี้วัดจะมีจำนวน 2,000 ห้องพัก มาจากโรงแรมใหม่ในเครือ และเดอะสแตนดาร์ด พัทยา 1,300 ห้องพัก เทียบกับเป้าเท่ากับสัดส่วน 60% แล้ว โดยมีกลยุทธ์ทางลัดการลงทุนที่อาจไม่ได้ลงทุนในรูปแบบกรีนฟิลด์ (พัฒนาเองตั้งแต่ต้น) แต่มีออปชั่นทำดีลควบรวมกิจการ หรือ M&A มากขึ้น เพื่อให้สามารถรับรู้รายได้รวดเร็วขึ้น
“ธุรกิจโลจิสติกส์” หรือแวร์เฮาส์ เป้าหมายเพิ่มพื้นที่รวม 700,000 ตารางเมตร (ปัจจุบันมีพื้นที่รวม 100,000 ตารางเมตร) เป้าการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์เพิ่มพื้นที่เฉลี่ยปีละ 100,000 ตารางเมตร
และ “ธุรกิจสำนักงานให้เช่า” หรือออฟฟิศบิลดิ้ง ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันเริ่มมีซัพพลายเกรด A ออกมาจำนวนมาก ดังนั้นจึงเลือกที่จะรักษาระดับพื้นที่ไว้ที่ 120,000 ตารางเมตร
นั่นหมายความว่าในช่วง 5 ปี สัดส่วนการลงทุนโลจิสติกส์กับโรงแรม ถูกให้น้ำหนักอย่างละครึ่ง/ครึ่ง
เล็งตั้งกองรีท 5,000 ล้าน
โฟกัสธุรกิจฮอสพิทาลิตี้ ดำรงจุดมุ่งหมายที่จะเลือกลงทุนโรงแรม 4 ทำเลหลัก “กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต สมุย” โดยทำเลพัทยาจะมีการเปิดไลฟ์สไตล์โฮเทลก่อนเป็นแห่งแรก “เดอะสแตนดาร์ด นาจอมเทียน” ส่วนในกรุงเทพฯ จะคงบทบาทเป็นพื้นที่หลักของการลงทุน
“เราเชื่อว่าการที่เราเพิ่มพอร์ตโรงแรมใน 1-2 ปีหน้า รายได้จะโต 80% ในด้านสัดส่วนรายได้โรงแรมเทียบกับพอร์ตรีเคอริ่งในภาพรวม (รวมโลจิสติกส์กับออฟฟิศบิลดิ้ง) ปีนี้อยู่ที่ 14% คาดว่าสัดส่วนจะเพิ่มเป็น 58% ภายในปี 2572”
รวมทั้งเป้าหมายแบบ “มองบน” ในด้านกำไรสุทธิ เมื่อเทียบกับปีฐานในปี 2568 สู่ปี 2572 ทาง SCX ต้องการมีกำไรสุทธิเติบโต 10 เท่า หรือ 1,000%
สำหรับแหล่งทุนที่นำมาใช้พัฒนาโครงการ นอกจากกู้ยืมบริษัทแม่ (SC Asset), โครงการร่วมทุนกับพันธมิตรธุรกิจแล้ว ยังเตรียมช่องทางระดมทุนผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือกองรีท-REIT
โดยกองรีทกองแรกของ SCX กำหนดไทม์ไลน์ในปี 2570 ด้วยการนำทรัพย์สินจากโครงการแวร์เฮาส์แน่ ๆ 1 โครงการ กับโรงแรมไม่ว่าแบรนด์ย่านราชวัตร, ครอโม แบงค็อกฯ หรือเดอะสแตนดาร์ด เข้ามาจัดตั้งกองรีทมูลค่า 5,000 ล้านบาท
แฟลกชิปโฮเทล “ครอโม แบงค็อกฯ”
สำหรับ KROMO Bangkok, Curio Collection by Hilton มีจำนวน 306 คีย์ (ห้องพัก) มูลค่าลงทุน 2,800 ล้านบาท
“โรงแรมนี้ทางนักลงทุนญี่ปุ่นได้ลงทุนก่อสร้างฐานรากแล้ว และได้รับอนุมัติรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA เรียบร้อยแล้ว แต่มาเจอสถานการณ์โควิดทำให้ถอดใจเพราะคิดว่าช่วงลองโควิดจะอยู่อีกนาน ก็เลยอยากขายขึ้นมา เราก็ใช้ความเร็วในการจะเห็นศักยภาพของทำเลหัวมุมปากซอยสุขุมวิท 29”
ก่อนหน้านี้วางโมเดลธุรกิจพัฒนาเป็นบิสซิเนสโฮเทล มีค่าห้องพัก (รูมไนต์) คืนละ 3,000 บาท แต่ SCX ประเมินใหม่ ด้วยศักยภาพทำเลกับแรงบันดาลใจงานอาร์ตที่ใส่เข้าไป รีโมเดลเป็นไลฟ์สไตล์โฮเทล ทำให้ค่าห้องพักดันขึ้นไประดับ 4 ดาวครึ่ง คืนละ 6,000-7,000 บาท (ADR หรือค่าห้องพักไม่รวมภาษีและอาหารเช้า เฉลี่ยที่ 5,200 บาท)
เรื่องเล่าระหว่างทาง ด้วยความที่ EIA Approved ก็เลยคิดว่าก่อสร้าง 2 ปีน่าจะเสร็จ แต่ทำได้จริงนานกว่านั้น เพราะคำนึงคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะฮิลตันเข้มงวดมาก ทำให้การเปิดตัวต้องขยายเวลาออกไป ประกอบกับปลายไตรมาส 1/68 เจอเหตุการณ์แผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ โครงการที่ทำเกือบเสร็จทั้งตึกต้องกลับมาสร้างและซ่อมกันใหม่ กำหนดล่าสุดเปิดบริการ First Day วันที่ 24 กันยายน 2568 ดังกล่าว
“รชฎ” อธิบายว่า โซนท่องเที่ยวในกรุงเทพฯมี 3 โซนหลัก คือ “สุขุมวิท-ปทุมวัน-ริมแม่น้ำเจ้าพระยา” ปัจจุบัน SCX ปลั๊กอิน 2 โซนแล้ว คือ สุขุมวิทกับปทุมวัน
การลงทุนสร้างรายได้รีเคอริ่งต้องใช้เม็ดเงินลงทุนค่อนข้างเยอะมาก เพราะฉะนั้น เราไม่ได้ไปคนเดียว เราไปกับพาร์ตเนอร์ โดย KROMO ร่วมกับไดวะเฮาส์ ถ้าเทียบกับไซซ์แอสเสทฯ ของไดวะเฮาส์ ทรัพย์สินของคอร์ปอเรตไทยที่ใหญ่ที่สุด แต่ไดวะมีขนาดใหญ่กว่า 2 เท่า ซึ่งไดวะเฮาส์มีการร่วมลงทุนกับพาร์ตเนอร์ไทยรายอื่น
แต่สำหรับโรงแรม ไดวะเฮาส์เลือกลงทุนแห่งแรกกับ SCX ภายใต้ KROMO Bangkok, Curio Collection by Hilton ความพิเศษอยู่ที่น้ำพักน้ำแรงของ SCX ทำให้ฮิลตันกรุ๊ปประทับใจ และถูกยกให้เป็นแฟลกชิปโฮเทลสำหรับการเยี่ยมชมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หรืออีกนัยหนึ่ง ถ้ามีนักลงทุนรายใดต้องการสร้างโรงแรมสไตล์ KROMO Bangkok ที่นี่จะเป็นโครงการตัวอย่างให้ได้มาเยี่ยมชม คุณภาพ ดีไซน์ ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าและอินเวสเตอร์
น่าสนใจว่า SCX บริษัทน้องใหม่ในช่วงตั้งไข่ 5-6 ปีแรก มีมูลค่าลงทุนกลม ๆ 10,000 ล้านบาท ล่าสุดแผนธุรกิจ 5 ปี (2568-2572) มูลค่าลงทุนมีอัตราเร่งเพิ่มเป็น 25,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ากำไรสุทธิเติบโต 10 เท่าอีกต่างหาก …ว้าวกว่านี้มีอีกไหม...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/property/news-1887192