SET 2,000
ทองคำ 4,000
ดอลลาร์พัง-เงินกระดาษสิ้นค่า
ท่ามกลางความผันผวนของตลาดการเงินโลก ตลาดหุ้นไทยกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของวัฏจักรขาขึ้นครั้งใหญ่สู่เป้าหมาย 2,000 จุด ขณะที่ทองคำมีแนวโน้มจะทะยานสู่ระดับ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐในไม่ช้า โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักร่วมกันคือการเสื่อมค่าอย่างเป็นระบบของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของภูมิทัศน์การลงทุนทั่วโลก
คุณลุงโฉลก สัมพันธารักษ์ เจ้าของโฉลกดอทคอม ได้ให้สัมภาษณ์กับ Money Chat Thailand ว่ายังคงยืนยันเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ที่ระดับ 2,000 จุด โดยอธิบายว่าการเดินทางไปสู่จุดนั้นจะไม่ใช่เส้นตรง แต่จะเคลื่อนไหวตามทฤษฎี Elliott Wave ซึ่งปัจจุบันตลาดกำลังอยู่ในช่วงของการฟอร์มตัวในคลื่นลูกที่ 1 (Wave 1) และสิ่งที่นักลงทุนต้องเตรียมพร้อมรับมือคือการปรับฐานใหญ่ในคลื่นลูกที่ 2 (Wave 2) ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งอาจเป็นการปรับตัวลงที่รุนแรงและรวดเร็วจนนักลงทุนส่วนใหญ่ตื่นตระหนก โดยอาจย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,100 จุดอีกครั้ง เพื่อสลัดนักลงทุนที่ไม่มีความมั่นคงออกไปจากตลาด หรือที่เรียกว่า "ไล่กุ้ย"
อย่างไรก็ตาม การปรับฐานครั้งใหญ่นี้ถือเป็น "โอกาสการซื้อที่ดีที่สุด" เพราะหลังจากคลื่นลูกที่ 2 จบลง ตลาดจะทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงในคลื่นลูกที่ 3 (Wave 3) ซึ่งเป็นคลื่นที่จะส่งดัชนีพุ่งขึ้นไปใกล้เคียงหรือทะลุระดับ 2,000 จุดได้ นอกจากนี้ คุณโฉลกยังมองว่าในภาวะที่โลกอาจเกิดความขัดแย้งรุนแรง ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะกลายเป็น "ที่หนีภัย" หรือ Safe Haven ซึ่งจะดึงดูดเม็ดเงินมหาศาลจากต่างประเทศให้ไหลเข้ามา
สำหรับภาพรวมของสินทรัพย์ทั่วโลก คุณลุงโฉลกได้ตอกย้ำถึงแนวโน้มการล่มสลายของเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งไม่ใช่เหตุบังเอิญแต่เป็น "นโยบาย" ของสหรัฐฯ เอง ที่จำเป็นต้องทำลายค่าเงินของตนเองผ่านการพิมพ์เงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดภาระหนี้สินมหาศาลกว่า 37 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐให้หมดไป การกระทำดังกล่าวจะส่งผลให้เงินกระดาษ (Fiat Currency) ทั่วโลกเสื่อมค่าลงอย่างรุนแรง ดังนั้น นักลงทุนจึงไม่ควรเก็บออมในรูปของเงินสด แต่ควรเปลี่ยนไปถือครองสินทรัพย์ที่ไม่สามารถถูกลดทอนมูลค่าได้ เช่น ทองคำและบิตคอยน์
ในส่วนของทองคำ คาดการณ์ว่าราคาจะปรับตัวขึ้นสู่เป้าหมายที่ประมาณ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในไม่กี่เดือนข้างหน้าหรือช่วงต้นปีหน้า ขณะที่บิตคอยน์ถูกมองว่าเป็นทางรอดที่ดีที่สุดในระยะยาว เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่เคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนได้ง่ายกว่า และมีศักยภาพที่จะกลายเป็นทุนสำรองเชิงกลยุทธ์ของมหาอำนาจทั่วโลก โดยอาจมีมูลค่าสูงถึงหลักล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญในอนาคต ดังนั้น คำแนะนำที่ชัดเจนที่สุดในตอนนี้คือการเลิกยึดติดกับเงินกระดาษ และหันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่แท้จริง พร้อมทั้งใช้ระบบการลงทุนที่มีวินัยเพื่อคว้าโอกาสจากวัฏจักรการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ดอลลาร์พัง-เงินกระดาษสิ้นค่า
ซื้อ btc ไว้แล้วมาปั่นกระแสหรือเปล่า
กระแส ดอลลาร์พัง-เงินกระดาษสิ้นค่า นี้เริ่มมาจากใครครับ
SET 2,000
ทองคำ 4,000
ดอลลาร์พัง-เงินกระดาษสิ้นค่า
ท่ามกลางความผันผวนของตลาดการเงินโลก ตลาดหุ้นไทยกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของวัฏจักรขาขึ้นครั้งใหญ่สู่เป้าหมาย 2,000 จุด ขณะที่ทองคำมีแนวโน้มจะทะยานสู่ระดับ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐในไม่ช้า โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักร่วมกันคือการเสื่อมค่าอย่างเป็นระบบของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของภูมิทัศน์การลงทุนทั่วโลก
คุณลุงโฉลก สัมพันธารักษ์ เจ้าของโฉลกดอทคอม ได้ให้สัมภาษณ์กับ Money Chat Thailand ว่ายังคงยืนยันเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ที่ระดับ 2,000 จุด โดยอธิบายว่าการเดินทางไปสู่จุดนั้นจะไม่ใช่เส้นตรง แต่จะเคลื่อนไหวตามทฤษฎี Elliott Wave ซึ่งปัจจุบันตลาดกำลังอยู่ในช่วงของการฟอร์มตัวในคลื่นลูกที่ 1 (Wave 1) และสิ่งที่นักลงทุนต้องเตรียมพร้อมรับมือคือการปรับฐานใหญ่ในคลื่นลูกที่ 2 (Wave 2) ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งอาจเป็นการปรับตัวลงที่รุนแรงและรวดเร็วจนนักลงทุนส่วนใหญ่ตื่นตระหนก โดยอาจย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,100 จุดอีกครั้ง เพื่อสลัดนักลงทุนที่ไม่มีความมั่นคงออกไปจากตลาด หรือที่เรียกว่า "ไล่กุ้ย"
อย่างไรก็ตาม การปรับฐานครั้งใหญ่นี้ถือเป็น "โอกาสการซื้อที่ดีที่สุด" เพราะหลังจากคลื่นลูกที่ 2 จบลง ตลาดจะทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงในคลื่นลูกที่ 3 (Wave 3) ซึ่งเป็นคลื่นที่จะส่งดัชนีพุ่งขึ้นไปใกล้เคียงหรือทะลุระดับ 2,000 จุดได้ นอกจากนี้ คุณโฉลกยังมองว่าในภาวะที่โลกอาจเกิดความขัดแย้งรุนแรง ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะกลายเป็น "ที่หนีภัย" หรือ Safe Haven ซึ่งจะดึงดูดเม็ดเงินมหาศาลจากต่างประเทศให้ไหลเข้ามา
สำหรับภาพรวมของสินทรัพย์ทั่วโลก คุณลุงโฉลกได้ตอกย้ำถึงแนวโน้มการล่มสลายของเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งไม่ใช่เหตุบังเอิญแต่เป็น "นโยบาย" ของสหรัฐฯ เอง ที่จำเป็นต้องทำลายค่าเงินของตนเองผ่านการพิมพ์เงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดภาระหนี้สินมหาศาลกว่า 37 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐให้หมดไป การกระทำดังกล่าวจะส่งผลให้เงินกระดาษ (Fiat Currency) ทั่วโลกเสื่อมค่าลงอย่างรุนแรง ดังนั้น นักลงทุนจึงไม่ควรเก็บออมในรูปของเงินสด แต่ควรเปลี่ยนไปถือครองสินทรัพย์ที่ไม่สามารถถูกลดทอนมูลค่าได้ เช่น ทองคำและบิตคอยน์
ในส่วนของทองคำ คาดการณ์ว่าราคาจะปรับตัวขึ้นสู่เป้าหมายที่ประมาณ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในไม่กี่เดือนข้างหน้าหรือช่วงต้นปีหน้า ขณะที่บิตคอยน์ถูกมองว่าเป็นทางรอดที่ดีที่สุดในระยะยาว เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่เคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนได้ง่ายกว่า และมีศักยภาพที่จะกลายเป็นทุนสำรองเชิงกลยุทธ์ของมหาอำนาจทั่วโลก โดยอาจมีมูลค่าสูงถึงหลักล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเหรียญในอนาคต ดังนั้น คำแนะนำที่ชัดเจนที่สุดในตอนนี้คือการเลิกยึดติดกับเงินกระดาษ และหันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่แท้จริง พร้อมทั้งใช้ระบบการลงทุนที่มีวินัยเพื่อคว้าโอกาสจากวัฏจักรการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ดอลลาร์พัง-เงินกระดาษสิ้นค่า
ซื้อ btc ไว้แล้วมาปั่นกระแสหรือเปล่า