วันนี้มาแนะนำให้รู้จักกับเชฟแพม พิชญา สุนทรญาณกิจ by ช่องยูทูบ @letsgettoknowher (ep 40)

ถ้าจะนึกถึงเชฟหญิงไทยที่ก้าวไปไกลระดับโลก คงมีชื่อของผู้หญิงคนหนึ่งผุดเป็นชื่อแรกๆ ใช่ไหมค่ะ วันนี้ช่อง letsgettoknowher จะมาทำความรู้จักกับเส้นทางชีวิตของเธอให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ว่ากว่าจะมาเป็น "เชฟหญิงที่ดีที่สุดในโลก" ได้อย่างทุกวันนี้ เธอต้องผ่านอุปสรรคอะไรมาบ้าง และความมุ่งมั่นของเธอจะสร้างแรงบันดาลใจให้คนที่กำลังตามหาความฝันในชีวิตได้อย่างไร มาร่วมติดตามเรื่องราวการเดินทางของหญิงแกร่งคนนี้ไปพร้อมกันค่ะ กับเธอคนนี้ เชฟแพม พิชญา สุนทรญาณกิจ
   เชื่อไหมว่าเชฟแพมไม่ได้เรียนจบเชฟมาโดยตรง?นะ  ชีวิตวัยเด็กของเธอก็เหมือนกับคนทั่วไป ที่ชอบเข้าครัวไปช่วยคุณแม่ทำอาหาร พอโตขึ้นก็เลือกเรียนในสิ่งที่คนส่วนใหญ่นิยม นั่นก็คือ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ลึกๆ ในใจแล้ว เธอกลับรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เส้นทางของตัวเองเธอเลยบอกแม่ว่าอยากไปเรียนทำอาหาร ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเปลี่ยนครั้งที่สำคัญเกิดขึ้น เธอได้ลองไปเรียนคอร์สทำอาหารสั้นๆ ที่ Le Cordon Bleu ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์... และในวันนั้นเองที่เธอได้พบกับ "สิ่งที่ใช่"
   หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย ความหลงใหลในการทำอาหารมันท่วมท้น จนเธอตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต ด้วยการไปเรียนทำอาหารต่อที่นิวยอร์ก 2 ปี  ที่ The Culinary Institute of America (CIA) สถาบันสอนทำอาหารชื่อดังระดับโลกที่นิวยอร์ก เธอไม่ได้แค่เรียน แต่ยังจบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันความมุ่งมั่นตั้งใจของเธออย่างแท้จริง
   ชีวิตในนิวยอร์กไม่ง่ายเลย เชฟแพมต้องเผชิญกับวัฒนธรรมการทำงานที่แตกต่างอย่างสุดขั้วในร้านอาหารระดับ 3 ดาวมิชลินอย่าง Jean-Georges ลองนึกภาพตามดูสิ... เด็กสาวชาวไทยที่ต้องยืนทำงานหนักเกือบตลอดทั้งวันในห้องครัวที่เต็มไปด้วยความกดดัน และยังต้องรับมือกับคำพูดตรงๆ แบบไม่เกรงใจจากคนรอบข้าง ซึ่งบางครั้งก็ทำเอาเธอร้องไห้จนอยากจะโทรศัพท์ขอกลับบ้านทุกวัน แต่แทนที่จะยอมแพ้ เธอกลับเลือกที่จะสู้และใช้ความพยายามอย่างมหาศาลเพื่อปรับตัวและเรียนรู้ เพราะเธอรู้ว่าชีวิตจริงไม่มีทางลัด ความสำเร็จไม่ได้มาจากการอยู่เฉยๆ แต่ต้องแลกมาด้วยความอดทนและความพยายามที่หนักหน่วง
   หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในต่างแดนมาอย่างเต็มที่ เชฟแพมก็กลับมาเมืองไทยและเริ่มต้นจากสิ่งที่เล็กที่สุด ด้วยการไปฝึกงานในครัวที่โรงแรมเอราวัณ เพื่อสะสมประสบการณ์ให้มาก แต่เส้นทางชีวิตเริ่มผกผันหรือเรียกว่าโอกาสที่ดีน่าจะเหมาะสมกว่า เมื่อเชฟแพมเปลี่ยนไปฝึกหัดในร้านอาหารฝรั่งเศสชื่อดังของไทยนานถึง 4 เดือน เจ้าของร้านเห็นแววแม่ครัวเจิดจรัส จึงตัดสินใจส่งเข้ารายการแข่งขันทำอาหาร และก็ไม่ผิดหวังเธอสามารถคว้ารางวัล"Asia's Youth Hope Cooking Competition 2011 ได้สำเร็จ ซึ่งขณะนั้นเธออายุเพียง 22 ปี และเป็นเชฟที่อายุน้อยที่สุดคนแรกที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ
   จากนั้นเธอก็เปิดธุระกิจด้วยการเป็น Chef's Table ที่บ้านของตัวเอง ชื่อ "The Table by Chef Pam" ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักชิมแบบปากต่อปาก ความสำเร็จนี้กลายเป็นแรงผลักดันให้เธอสร้างอาณาจักรอาหารในแบบที่ตัวเองฝันไว้ โดยมีร้านต่างๆ ที่สะท้อนความเป็นตัวตนของเธอได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นร้านเนื้อรมควัน Smoked by Chef Pam ร้านอาหารญี่ปุ่น Tora Izakaya ร้านอาหารไทย ข้าวสารเสก หรือร้านปิ้งย่าง ระอุ (RA-O)  แต่โปรเจกต์ที่ทำให้ชื่อของเธอดังก้องโลกอีกครั้ง คือ การเปิดร้านอาหารโพทง (Potong)
ในปี 2021 เธอใช้ความกล้า” และ “ความบ้า ในการทุ่มสุดตัวกับสามีของเธอด้วยการเปิดร้านอาหารโพทง” ร้านอาหาร Fine Dining คอนเซ็ปต์ ไทย-จีน สไตล์โมเดิร์น  จากตึกแถว 5 ชั้น สไตล์ชิโน-โปรตุกีส ที่มีอายุกว่า 120 ปี สถานที่แห่งนี้เดิมเคยเป็นห้างร้านขายยาจีนโบราณเก่าแก่ของบรรพบุรุษของเธอเอง
   การเปิดร้านโพทงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เชฟแพมตัดสินใจใช้เงินเก็บเกือบทั้งหมดรวมถึงขายทองที่เป็นสินสอดในตอนแต่งงาน เพื่อรีโนเวตตึกนี้ ให้กลายเป็นร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งในย่านที่คนส่วนใหญ่ไม่คาดคิดอย่างสำเพ็ง เธอเชื่อว่า "ความกล้า" และ "ความบ้า" ครั้งนี้จะคุ้มค่า เพราะโพทงไม่ได้เป็นแค่ร้านอาหาร แต่เป็นพื้นที่ที่เธอต้องการบอกเล่าเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของครอบครัวผ่านอาหาร Progressive Thai-Chinese ที่ผสมผสานความเก่าและความใหม่อย่างลงตัว
   ความมุ่งมั่นของเชฟแพมนำมาซึ่งรางวัลและความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยร้านโพทง สามารถคว้า 1 ดาวมิชลินประเทศไทย และเป็นร้านอาหารอันดับที่ 35 ของ Asia's 50 Best Restaurants 2023 รวมไปถึงตัวเชฟแพมเองยังได้รับรางวัลเชฟหญิงยอดเยี่ยมแห่งเอเชียประจำปี 2024 (Asia's Best Female Chef Award) เท่านั้นยังไม่พอต่อมา ในปี 2025 ได้มีการประกาศรางวัล “The World’s Best Female Chef 2025” หรือเชฟหญิงยอดเยี่ยมของโลก ประจำปี 2025 ผลปรากฏว่า “เชฟแพม เป็นผู้คว้ารางวัลอันทรงเกียรติสูงสุดนี้ไปครอง ซึ่งนับว่าเธอเป็นหญิงไทยและคนเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลระดับโลกในครั้งนี้ สุดยอดไปเลย
 แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เชฟแพมได้ผ่านความท้าทายอีกหนึ่งบทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต คือการก้าวเข้าสู่บทบาท "ความเป็นแม่" เชฟแพมต้องสร้างสมดุลระหว่างการทำอาหารที่ต้องทุ่มเทเวลาอย่างเต็มที่กับการเลี้ยงลูกที่เธออยากให้เวลาอย่างเต็มที่เช่นกัน เธอเคยคิดว่าการเป็นแม่ที่ดีคือการอยู่กับลูกตลอดเวลา แต่ในที่สุดเธอก็พบว่า เธอสามารถทำทั้งสองอย่างได้ดี เชฟแพมเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงอีกหลายคนที่ต้องทำงานหนักควบคู่ไปกับการดูแลครอบครัว เธอพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้หญิงก็สามารถประสบความสำเร็จได้ทั้งในหน้าที่การงานและหน้าที่สำคัญในชีวิต

                เป็นอย่างไรบ้างกับเรื่องจริงที่ไม่ลับของเธอคนนี้ เชฟแพม เธอเชื่อว่าความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นได้เมื่อเรามีทีมที่ดี และเธอยังคงเดินหน้า อย่างไม่หยุดยั้ง โดยเป็น 1 ในกรรมการในรายการ Top Chef Thailandและต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เชฟหญิงรุ่นใหม่มีโอกาสในวงการอาหารมากขึ้นผ่านโครงการ Women for Women  ซึ่งทางช่องของเราหวังว่า เรื่องราวของเชฟแพม ไม่ใช่แค่ชีวประวัติของเชฟคนหนึ่ง แต่คือเครื่องพิสูจน์ที่ว่า ความฝันจะไม่มีวันเป็นจริง หากคุณไม่กล้าที่จะลงมือทำ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสายอาชีพอะไร ขอแค่คุณรักในสิ่งที่คุณทำ และทุ่มเทให้กับมันอย่างเต็มที่ ความสำเร็จก็จะรอคุณอยู่ที่ปลายทางอย่างแน่นอนคะ  ก่อนจากกันหากคุณชอบคอนเท้นต์ช่องแบบนี้ อย่างลืมบอกต่อด้วยนะ สำหรับวันนี้ขอตัวลาไปก่อนนะ บ้ายบาย
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่