หมอม็อด หมอเด็กขอเล่า
============================
1 จุดเริ่มต้นของการใช้ growth hormone แบบผิดๆ
2 ค่านิยมคลั่งความสูงในเกาหลี
3 กำไรมหาศาลของตลาด growth hormone
4 หมอที่ฉีด growth hormone เป็นใคร?
5 ความเห็นของหมอเฉพาะทางต่อมไร้ท่อในเด็กของเกาหลี?
6 ผิดแล้วทำไมยังไม่โดนจับ?
7 รัฐบาลเกาหลีควบคุมอะไรบ้าง?
8 แล้วทำไมถึงลามมาขายในไทย?
============================
1 จุดเริ่มต้นของการใช้ growth hormone แบบผิดๆ
ปี 2009 รัฐบาลเกาหลีใต้อนุมัติให้ใช้ growth hormone
ในเด็กที่มีภาวะ “ตัวเตี้ยโดยไม่ทราบสาเหตุ” (Idiopathic Short Stature – ISS)
เด็กกลุ่มนี้ “ไม่ได้ขาดฮอร์โมน” และ “ไม่มีโรค”
แค่มีความสูงต่ำกว่าเปอร์เซ็นไทล์ที่ 3; (<P3; ในไทยคือกลุ่มเตี้ยแคระแกร็น)
แม้ดูเหมือนเป็นข้อบ่งชี้จำกัด
แต่ในความเป็นจริง การวินิจฉัย ISS กลายเป็น “พื้นที่สีเทา” ที่คลุมเครือ
เพราะเพียงหมอเป็นคนสรุปว่าเตี้ย “ไม่รู้สาเหตุ” ก็จบแล้ว
และเพราะไม่มีระบบควบคุมการวินิจฉัยนี้
ทำให้เกณฑ์ที่บอกว่าต้องเตี้ย “ต่ำกว่าเปอร์เซ็นไทล์ที่ 3” ค่อยๆ ถูกละเลยไปโดยปริยาย
หมอบางคนเริ่มฉีดให้เด็กที่เตี้ยนิดเดียว
บางคนฉีดให้เด็กที่ “สูงกว่าค่าเฉลี่ย” ด้วยซ้ำ — เพราะพ่อแม่กลัวลูกไม่สูงพอ
สุดท้าย growth hormone ก็กลายเป็น
“ยาฉีดเพิ่มความสูง” ที่ใครอยากสูงก็ซื้อได้
ไม่ว่าจะป่วยหรือไม่ก็ตาม
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของตลาดที่เติบโตอย่างไร้เบรก
============================
2 ค่านิยมคลั่งความสูงในเกาหลี
ในเกาหลีใต้ หน้าตาและรูปร่างไม่ใช่แค่เรื่องความชอบส่วนตัว
แต่มันคือ “ทุนทางสังคม” ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตอย่างลึกซึ้ง
จนเกิดคำว่า “Lookism” หรือ 외모지상주의 (oemojisangjuui)
หมายถึงการตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก
ในบริบทแบบนี้ “ความสูง” ถูกยกระดับจากเรื่องพันธุกรรม
กลายเป็น “มาตรฐานความได้เปรียบ” ของชีวิต
- ผู้หญิงต้องสูงถึงจะดูดีและแต่งงานได้
- ผู้ชายต้องสูงถึงจะน่าเชื่อถือและได้งานดี
- เด็กเตี้ย = พ่อแม่ไม่ใส่ใจ
ความสูงจึงไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ
แต่กลายเป็น “แรงกดดันทางสังคม”
ที่ทำให้พ่อแม่รู้สึกว่า ถ้าไม่ทำอะไรตอนนี้ ลูกจะเสียเปรียบคนอื่นไปตลอดชีวิต
ในประเทศที่ไอดอล K-pop ขายาวหน้าเรียวคือต้นแบบ
ความกลัวว่าจะ “ไม่พอ” กลายเป็นเรื่องจริงจังในใจเด็กและผู้ปกครองจำนวนมาก
นั่นคือเหตุผลว่าทำไม growth hormone ถึงไม่ได้ถูกมองว่าเป็น “ยา” อีกต่อไป
แต่มันกลายเป็น “โอกาส” หรือ “ตั๋วทอง” สำหรับใครที่อยากให้ลูกสูงขึ้น ไม่ว่าจะป่วยหรือไม่ก็ตาม
คำพูดที่ได้ยินกันจนชินของหมู่แม่ๆในกรุงโซลคือ
“แม่ในย่านแทชีดง(Daechi-dong) จะทำให้ลูก 3 อย่าง จัดฟัน ผ่าตาเหล่ และฉีด growth hormone”
============================
3 กำไรมหาศาลของตลาด growth hormone
ตลาด growth hormone ในเกาหลีใต้เติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
- ปี 2019 = 1.4 แสนล้านวอน (3,200 ล้านบาท)
- ปี 2023 = 4.4 แสนล้านวอน (11,000 ล้านบาท)
= โต 3 เท่าใน 4 ปี
ยอดขายของบริษัทยาชั้นนำพุ่งสูง
LG Chemical (Eutropin) และ Dong-A ST (Growtropin) รายได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในเวลาไม่กี่ปี
กว่า 97% ของการใช้ growth hormone จ่ายเองโดยไม่เบิกประกัน
เด็กกว่า 60% ที่ฉีด growth hormone โดยไม่มีโรคอะไรเลย
1 ใน 6 ที่ฉีด เป็นเด็กที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยอยู่แล้วด้วยซ้ำ
ทั้งหมดนี้คือ “ตลาดผู้บริโภคเต็มรูปแบบ” ที่กำไรงดงามแต่ขาดการควบคุม
============================
4 หมอที่ฉีด growth hormone เป็นใคร?
สมัยก่อน growth hormone จะสั่งโดยหมอเฉพาะทางในโรงพยาบาลใหญ่เท่านั้น
แต่วันนี้ภาพเปลี่ยนไป…
- โรงพยาบาลใหญ่เคยมีสัดส่วนการสั่งยา 54% → เหลือ 38% ในปี 2024
- คลินิกเล็กๆ ในย่านไฮโซเพิ่มขึ้น จาก 4% → เป็น 11.3%
ไม่ใช่หมอเฉพาะทางต่อมไร้ท่อในเด็กที่เป็นคนสั่งใช้
แต่เป็นหมอทั่วไป (general practice) หมอรังสีแพทย์ หมอกระดูก ฯลฯ ที่ตั้งตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความสูง
โดยเฉพาะใน “คลินิกเพิ่มความสูง” ที่เน้นผลกำไรมากกว่าหลักการแพทย์
และแทนที่จะตรวจละเอียดก่อนฉีด
คลินิกหลายแห่งกลับเน้นขาย “แพ็กเกจความสูง”
ที่ขายควบคู่กับวิตามิน อาหารเสริม การฝังเข็ม หรือคอร์สฝึกยืดตัว
- จุดขายไม่ใช่ “รักษาโรค”
แต่คือ “สร้างความมั่นใจ” ด้วยรูปร่างที่สูงขึ้น
และเมื่อผู้บริโภคพร้อมจ่าย
…หมอจำนวนหนึ่งก็ยอมปรับบทบาทจาก “ผู้ให้การรักษา”
ไปเป็น “ผู้ให้บริการ” ที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า
แม้จะไม่ใช่แนวทางที่แพทย์เฉพาะทางเห็นด้วยก็ตาม
============================
5 ความเห็นของหมอเฉพาะทางต่อมไร้ท่อในเด็กของเกาหลี?
หมอเฉพาะทางด้านต่อมไร้ท่อในเด็กคือกลุ่มคนที่รู้จัก growth hormone ดีที่สุด
และพวกเขากำลัง “กังวลอย่างหนัก” กับการใช้ยาอย่างผิดวิธีในเด็กปกติ
ศ.ฮวัง จินซุน ประธานสมาคมกุมารแพทย์เฉพาะทางต่อมไร้ท่อแห่งเกาหลีกล่าวว่า
“มีหมอทั่วไปจำนวนมากที่สั่ง growth hormone โดยไม่รู้ว่ามีผลข้างเคียงอะไรกับเด็กบ้าง”
การกระทำเช่นนี้อาจเป็นอันตรายได้ เนื่องจากแพทย์เหล่านี้ไม่มีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเพียงพอ
เกี่ยวกับผลข้างเคียงเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นกับเด็ก
- ต้องฉีดทุกวัน เป็นเวลาหลายปี
- ค่าใช้จ่ายสูงถึง 10-12 ล้านวอน/ปี (ประมาณ 2.5-3 แสนบาทต่อปี)
- ผลลัพธ์การฉีด growth hormone เพิ่มความสูงได้เฉลี่ยเพียง 3.5 - 7.5 ซม. (บางคนน้อยกว่านั้น)
- มีความเสี่ยงต่อภาวะดื้อต่ออินซูลินและเบาหวานชนิดที่2
สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่แค่ผลข้างเคียง
แต่คือความเคยชินที่ทำให้หมอจำนวนหนึ่ง “ลืมไปว่า growth hormone คือยา”
…ไม่ใช่เวทมนตร์ที่ฉีดแล้วทุกคนจะได้ในสิ่งที่หวัง
============================
6 ในเมื่อมันผิด แล้วทำไมยังไม่โดนจับ?
สิ่งที่เกิดขึ้นในเกาหลีใต้ ไม่ได้เกิดจากความผิดชัดเจนของใครคนใดคนหนึ่ง
แต่เป็นผลจาก “ระบบที่เปิดช่อง” ให้ทุกฝ่ายสามารถเดินเกมอยู่ในพื้นที่สีเทา — โดยไม่มีใครต้องรับผิด
- หมอสั่งยาได้ แม้เด็กจะสูงปกติ
แพทย์ในคลินิกเอกชนสามารถซื้อ growth hormone มาฉีดให้เด็กได้โดยตรง
ไม่ต้องมีระบบกลาง ไม่ต้องขออนุมัติ
และไม่มีกฎหมายใดห้ามฉีดให้ “เด็กที่สูงปกติ” ตราบใดที่ผู้ปกครองยินยอม
- บริษัทและคลินิกโฆษณาแบบเลี่ยงบาลี
ไม่ได้พูดว่า “ฉีดแล้วสูงแน่นอน”
แต่ใช้คำว่า “ช่วยเสริมการเจริญเติบโต” หรือ “ดูแลพัฒนาการของเด็ก”
หลายแห่งจัดรวมเป็นแพ็กเกจสุขภาพ พร้อมคำแนะนำการนอน อาหาร ออกกำลังกาย
ฟังดูปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ทั้งที่จุดขายจริงคือ “การฉีดฮอร์โมน”
- ไม่มีหน่วยงานคุมคุณภาพการสั่งยา
หน่วยงานรัฐอย่าง อย.เกาหลี (MFDS) มักเน้นตรวจสอบการโฆษณาที่เกินจริง
แต่การตัดสินใจสั่งยาของแพทย์เอกชนในคลินิก… แทบไม่มีใครกำกับ
- พ่อแม่ยอมจ่าย เพราะเชื่อว่าความสูงคือการลงทุน
แม้ลูกจะไม่มีปัญหาสุขภาพและมีความสูงตามเกณฑ์
แต่ด้วยแรงกดดันจากสังคม — พวกเขากลับรู้สึกว่า “ไม่พอ”
เพราะในโลกที่ความสูงหมายถึงโอกาส พวกเขาไม่อยากให้ลูกเป็นรองใคร
- และทั้งหมดนี้…
• หมอไม่ได้เป็นคนโฆษณาเอง
• บริษัทใช้คำพูดแบบเลี่ยงบาลี กึ่งรักษา กึ่งดูแลสุขภาพ
• พ่อแม่ยินดีจ่ายเงินโดยสมัครใจ
• ยาไม่ผิดกฎหมายและไม่ต้องเบิกประกัน
เมื่อทุกอย่างประกอบกัน
มันจึงกลายเป็นระบบที่ดูเหมือนจะถูกต้อง — แต่ผิดในเชิงหลักการอย่างสิ้นเชิง
…และเด็กที่สูงดีอยู่แล้ว ก็ยังถูกปักเข็มทุกวัน — โดยไม่มีใครถามว่า “จำเป็นจริงหรือไม่”
============================
มีต่อ คคห.๑
หมอม็อด หมอเด็กขอเล่า : ยาวหน่อย อ่านเถิด ก่อนให้ลูกหลานไปฉีด “ยาฉีดเพิ่มความสูง” (Growth hormone)