ปวิน ชี้ 3 สัญญาณอันตราย หลังอนุทินประกาศชัด ยกอำนาจให้ทหาร ตัดสินใจเรื่องชายแดนเขมร
.
จากกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ภายหลังรับตำแหน่งฝ่ายบริหารประเทศเมื่อไหร่ จะให้ทหารตัดสินใจเต็มที่ในเรื่องการปิดด่าน และการสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชานั้น
.
ล่าสุด 22 กันยายน 2568
ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ให้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องดังกล่าวว่า
.
การที่อนุทินประกาศให้อำนาจกองทัพตัดสินใจเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชาโดยตรงนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องนโยบายธรรมดา แต่เป็นสัญญาณที่อันตราย และน่าเป็นห่วงหลายประการ ดิชั้นขอวิเคราะห์ดังนี้
.
1. ในระบอบประชาธิปไตย หลักการสำคัญที่สุดประการหนึ่งคือ “พลเรือนต้องอยู่เหนือกองทัพ” (Civilian Supremacy) หมายความว่า รัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนจะต้องมีอำนาจสูงสุดในการกำหนดนโยบายและการตัดสินใจในทุกมิติของประเทศ รวมถึงเรื่องความมั่นคงและกิจการชายแดนด้วย การที่ผู้นำรัฐบาลมอบอำนาจเต็มให้กับกองทัพในการตัดสินใจเรื่องละเอียดอ่อนอย่างข้อพิพาทชายแดน เท่ากับเป็นการยอมรับโดยปริยายว่าอำนาจของรัฐบาลพลเรือนนั้นมีข้อจำกัด และเป็นการเปิดทางให้กองทัพเข้ามามีบทบาทในทางการเมืองที่เกินขอบเขตหน้าที่ของตนเอง
.
2. การปกป้อง “เครือข่ายการเมือง” ของตัวเอง คือดิชั้นมองว่า นโยบายนี้ของอนุทินสามารถตีความได้ว่าเป็นการ “เอาใจ” และ “ทำคะแนน” กับกลุ่มอำนาจเก่า รวมถึงกองทัพและกลุ่มอนุรักษนิยมที่ใกล้ชิดกับสถาบันฯ หลังจากที่รัฐบาลขึ้นมามีอำนาจด้วยเสียงข้างน้อย การที่จะรักษาเสถียรภาพและอยู่รอดได้นาน จำเป็นต้องได้รับการยอมรับและสนับสนุนจากกลุ่มอำนาจเดิมที่เคยกุมบังเหียนประเทศมานาน การมอบอำนาจให้กองทัพในเรื่องชายแดน จึงไม่ใช่แค่เรื่องของประสิทธิภาพในการทำงาน แต่เป็นการ “เซ็นสัญญา” ทางการเมืองเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นพวกเดียวกับพวกเขา และพร้อมที่จะแบ่งปันอำนาจให้เพื่อแลกกับความมั่นคง
.
3. การลดทอนอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง คือเมื่อผู้นำที่มาจากการเลือกตั้งยอมมอบอำนาจการตัดสินใจที่สำคัญให้กับหน่วยงานที่ไม่ได้รับเลือกจากประชาชน นั่นเท่ากับเป็นการลดทอนอำนาจ และความชอบธรรมของตัวเอง การตัดสินใจเรื่องชายแดนไม่ควรถูกจำกัดแค่ในมิติของความมั่นคงทางทหารเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงมิติทางเศรษฐกิจ สิทธิมนุษยชนของประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน และการทูต ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลพลเรือน การโยนเผือกร้อนให้กองทัพ จึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบในประเด็นที่ซับซ้อน และเป็นการทำให้ประชาชนเกิดความสับสนในบทบาทหน้าที่ของรัฐบาลตัวเอง
.
สรุปแล้ว การกระทำของอนุทินในกรณีนี้ถือว่าแย่มาก ไม่ใช่แค่ในแง่ของหลักการประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเมืองที่ “ยอมจำนน” ต่อกลุ่มอำนาจเก่า เพื่อแลกกับการดำรงอยู่ของรัฐบาล มันเป็นการยืนยันอีกครั้งว่า แม้จะมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจ การเมืองไทยก็ยังคงอยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มคนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และการนำพาประเทศเดินไปข้างหน้าอย่างแท้จริงคงเป็นเรื่องที่ยากยิ่งค่ะ
.
หวังว่า อาหนูคงไม่ว่า ที่ดิชั้นวิจารณ์แบบตรงไปตรงมานะคะ
.
https://www.facebook.com/photo?fbid=23922486304093141&set=a.127047247397047
.
.
เทวฤทธิ์ งัดภาพอนุทิน ทาบ บวรศักดิ์ จี้เปิดเผยคุยอะไรกับประธาน กสทช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5377897
.
“เทวฤทธิ์” งัดภาพ “อนุทิน” ทาบ “บวรศักดิ์” นั่งรองนายกฯ สงสัยชายอีกคน คือ ประธาน กสทช. ใช่หรือไม่ จี้เปิดเผยคุยเรื่องอะไร ซัด “กสทช.” ไม่กำกับธุรกิจโทรคมนาคมควบรวม ทำประชาชนจ่ายค่าบริการแพง-ด้อยคุณภาพ
.
เมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มี พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม วาระพิจารณารายงานผลการปฏิบัติงาน กสทช. ประจำปี 2567 และรายงานการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการปฏิบัติงาน กสทช. สำนักงาน กสทช. และเลขาธิการ กสทช. ประจำปี 2567
.
โดยนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย ส.ว. อภิปรายว่า ในการทำหน้าที่ของ กสทช.พบว่าในวันที่ 23-24 กันยายน จะมีการประชุม เมื่อพิจารณาระเบียบวาระพบว่ามีเรื่องที่ค้าง 31 วาระ พบว่ามีวาระที่ค้างเก่าสุดมาตั้งแต่ปี 2566 ในประเด็นการปรับโครงสร้างของ กสทช. นอกจากนั้นแล้ว ในการทำงานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ กสทช. มีการตั้งข้อสังเกตต่อการควบรวมของธุรกิจโทรคมนาคม ระหว่างบริษัททรูและดีแทค เมื่อตุลาคม ปี 2565 และเห็นชอบเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ในรายงานของ กสทช.พบว่า กสทช.ได้ติดตามเงื่อนไขและมาตรการเฉพาะต่างๆ อย่างไรก็ตาม จากการติดตามของสภาองค์กรผู้บริโภคพบว่าประชาชนต้องชำระค่าบริการที่แพงมากขึ้น แต่คุณภาพการให้บริการนั้นลดลง
.
นายเทวฤทธิ์ยังได้ตั้งคำถามต่อกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย โพสต์ภาพในเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อครั้งเข้าทาบทามนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เข้ารับตำแหน่งรองนายกฯ ซึ่งในภาพพบว่ามีบุคคล 3 คนปรากฏในภาพ ว่าบุคคลที่อยู่ร่วมในภาพซึ่งนั่งหันหลัง มีคนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นประธาน กสทช.ใช่หรือไม่ หากใช่ ตนขอตั้งคำถามว่าไปคุยเรื่องอะไร เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และประชาชนตรวจสอบได้
.
ด้าน น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว. อภิปรายต่อกรณีที่การประมูลคลื่นความถี่ที่ประมูลไปเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีผู้ประมูลเพียง 2 ราย ในราคาประมูลที่ต่ำเกินจริง ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการแบ่งเค้กให้กับผู้เข้าประมูลหรือไม่ อย่างไรก็ดี ตนขอเรียกร้องให้ กสทช.หยุดบริการแบบเดิมๆ และควรตั้งรับใหม่ เพื่อไม่ให้ประชาชนที่จ่ายเงินเดือนให้ต้องผิดหวัง
.
.
กองทัพ ยัน บ้านหนองหญ้าแก้วอยู่ในเขตอธิปไตยไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 43
https://www.matichon.co.th/politics/news_5378172
.
กองทัพ ยัน บ้านหนองหญ้าแก้วอยู่ในเขตอธิปไตยไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 43
.
เมื่อวันที่ 22 กันยายน พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44
.
สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย-กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 โดยในส่วนของหลักเขตแดนที่ 42 ได้สำรวจเมื่อวันที่ 2-29 ตุลาคม 2549 พบว่ายังอยู่ในสภาพดี แต่ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องที่ตั้ง ประมาณ 80 เมตร
.
ส่วนหลักเขตแดนที่ 43 ได้สำรวจเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน-12 ธันวาคม 2549 พบว่าหลักล้ม และถูกฝังอยู่ในดิน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงที่ตั้งที่ถูกต้องร่วมกันได้ และได้สร้างหมุดชั่วคราว (Temporary Marker: TM) ไว้ ณ ตำแหน่งดังกล่าว
.
ผลการสำรวจร่วมทั้งหมด 74 หลัก รวมถึงหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ได้รับการรับรองแล้วในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 แต่ยังไม่ได้มีการสำรวจแนวเขตแดนในส่วนของเส้นตรงระหว่างหลักทั้งสอง อย่างไรก็ตาม ในหลักฐานบันทึกวาจาและแผนผังแสดงที่ตั้งหลักเขตแดนทั้งสอง ซึ่งเป็นไปตามที่ระบุในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 ได้ระบุแนวเขตแดนเป็นเส้นตรงระหว่างหลักทั้งสอง
สำหรับบันทึกวาจาและแผนผังแสดงที่ตั้งหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 เป็นบันทึกของข้าหลวงปักหลักเขตแดนระหว่างประเทศสยามกับอินโดจีนของฝรั่งเศส จัดทำขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1908-1909 โดยใช้ต้นไม้หรือเสาไม้ติดแผ่นโลหะเป็นหลักเขตแดน
.
ต่อมาในปี ค.ศ.1919-1920 ได้เปลี่ยนเป็นหลักคอนกรีตทดแทนซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับหลักไม้หรือเสาไม้เดิม โดยในแผนผังแสดงที่ตั้งหลักเขตแดนของบันทึกวาจาทั้งสองห้วง ได้กำหนดแนวเขตแดนเป็นเส้นตรงระหว่างหลักที่ 42 และ 43 โดยแนวเส้นตรงดังกล่าวผ่านกึ่งกลางของหลักเขตแดนทั้งสองอย่างชัดเจน
.
ทั้งนี้ กองทัพไทยขอยืนยันว่า บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) อยู่ในเขตอธิปไตยของไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนที่เกิดจากความแตกต่างของการลากเส้นตรงระหว่างหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการ และหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการรับรองร่วมกันแล้ว ภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU 2543) และการหารือในระดับคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) อย่างต่อเนื่อง
.
.
ขอนแก่นอ่วม ฝนตกหนักติดต่อกันหลายชั่วโมง น้ำท่วมขังรอระบาย
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/2884391
.
ขอนแก่นอ่วม ฝนตกหนักติดต่อกันหลายชั่วโมง น้ำท่วมขังรอระบาย บางจุดระดับน้ำสูง 30-50 เซนติเมตร รถยนต์ขนาดเล็กและจักรยานยนต์ไม่สามารถสัญจรได้
.
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 22 ก.ย. 68 เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องนานตั้งแต่เที่ยงจนถึงช่วงบ่าย กว่า 3 ชั่วโมง ส่งผลให้หลายพื้นที่ในเมืองขอนแก่น เกิดน้ำท่วมขังรอระบาย โดยเฉพาะถนนสายเลี่ยงเมืองขอนแก่น–กาฬสินธุ์ บริเวณสี่แยกไฟแดงบ้านโนนตุ่น ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ระดับน้ำสูงประมาณ 30 เซนติเมตร บางจุดรถยนต์ขนาดเล็กและจักรยานยนต์ไม่สามารถสัญจรได้ ส่งผลให้การจราจรติดขัดยาวกว่า 3 กิโลเมตร
.
ขณะเดียวกันในเขตเทศบาลนครขอนแก่น บริเวณถนนกลางเมืองหน้าห้างสรรพสินค้าแฟรี่พลาซ่า ระดับน้ำสูงจนรถจักรยานยนต์ไม่สามารถผ่านได้ เจ้าหน้าที่ต้องนำป้ายและกรวยมาปิดกั้นเส้นทางเพื่อความปลอดภัย รถยนต์และจักรยานยนต์ต้องใช้ทางเลี่ยงอื่นแทน น้ำท่วมยาวตั้งแต่หน้าห้างสรรพสินค้าแฟรี่พลาซ่ายาวไปจนถึงถนนเหล่านาดี
.
จากการตรวจสอบพบว่าสาเหตุเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้น้ำระบายไม่ทัน และมีเศษขยะอุดตันท่อระบายน้ำเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่เทศบาลนครขอนแก่นเร่งระดมกำลังสูบน้ำ เปิดทางระบายน้ำ พร้อมแจ้งเตือนประชาชนและผู้ใช้รถใช้ถนนให้หลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าวจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ขณะเดียวกันก็เกิดน้ำท่วมขังบริเวณถนนกสิกรทุ่งสร้าง – หนองไผ่ เส้นบ้านเอื้ออาทรศิลาไปถึงแยกตลาดหนองไผ่ศิลา ในเขตเทศบาลเมืองศิลา อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น มีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 50 ซม. ครอบคลุมระยะทางประมาณ 200 เมตร ส่งผลให้รถเล็กและรถจักรยานยนต์ไม่สามารถวิ่งผ่านได้.
JJNY : 5in1 ปวินชี้ 3 สัญญาณอันตราย│เทวฤทธิ์จี้เปิดเผย│บ้านหนองหญ้าแก้ว JBC รับรองแล้ว│ขอนแก่นอ่วม│อียูเสนอเร่งแบนก๊าซ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5378164
.
.
https://www.facebook.com/photo?fbid=23922486304093141&set=a.127047247397047
.
.
เทวฤทธิ์ งัดภาพอนุทิน ทาบ บวรศักดิ์ จี้เปิดเผยคุยอะไรกับประธาน กสทช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5377897
.
.
กองทัพ ยัน บ้านหนองหญ้าแก้วอยู่ในเขตอธิปไตยไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 43
https://www.matichon.co.th/politics/news_5378172
.
.
ขอนแก่นอ่วม ฝนตกหนักติดต่อกันหลายชั่วโมง น้ำท่วมขังรอระบาย
https://www.thairath.co.th/news/local/northeast/2884391
.
ขอนแก่นอ่วม ฝนตกหนักติดต่อกันหลายชั่วโมง น้ำท่วมขังรอระบาย บางจุดระดับน้ำสูง 30-50 เซนติเมตร รถยนต์ขนาดเล็กและจักรยานยนต์ไม่สามารถสัญจรได้
.
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 22 ก.ย. 68 เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องนานตั้งแต่เที่ยงจนถึงช่วงบ่าย กว่า 3 ชั่วโมง ส่งผลให้หลายพื้นที่ในเมืองขอนแก่น เกิดน้ำท่วมขังรอระบาย โดยเฉพาะถนนสายเลี่ยงเมืองขอนแก่น–กาฬสินธุ์ บริเวณสี่แยกไฟแดงบ้านโนนตุ่น ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ระดับน้ำสูงประมาณ 30 เซนติเมตร บางจุดรถยนต์ขนาดเล็กและจักรยานยนต์ไม่สามารถสัญจรได้ ส่งผลให้การจราจรติดขัดยาวกว่า 3 กิโลเมตร
.
ขณะเดียวกันในเขตเทศบาลนครขอนแก่น บริเวณถนนกลางเมืองหน้าห้างสรรพสินค้าแฟรี่พลาซ่า ระดับน้ำสูงจนรถจักรยานยนต์ไม่สามารถผ่านได้ เจ้าหน้าที่ต้องนำป้ายและกรวยมาปิดกั้นเส้นทางเพื่อความปลอดภัย รถยนต์และจักรยานยนต์ต้องใช้ทางเลี่ยงอื่นแทน น้ำท่วมยาวตั้งแต่หน้าห้างสรรพสินค้าแฟรี่พลาซ่ายาวไปจนถึงถนนเหล่านาดี
ขณะเดียวกันก็เกิดน้ำท่วมขังบริเวณถนนกสิกรทุ่งสร้าง – หนองไผ่ เส้นบ้านเอื้ออาทรศิลาไปถึงแยกตลาดหนองไผ่ศิลา ในเขตเทศบาลเมืองศิลา อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น มีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 50 ซม. ครอบคลุมระยะทางประมาณ 200 เมตร ส่งผลให้รถเล็กและรถจักรยานยนต์ไม่สามารถวิ่งผ่านได้.