JJNY : ทบ.ยันดำเนินคดีชาวกัมพูชา│“ทวิวงศ์” แนะรับมือน้ำท่วม│วุฒิสภา นัดถกรายงาน กมธ.กาสิโน│อังกฤษคุ้มกันน่านฟ้าโปแลนด์

อยู่ในเขตไทย! ทบ.ยัน ดำเนินคดีชาวกัมพูชาบุกบ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้วได้
.
.
โฆษกกองทัพบกออกมายืนยันว่า สามารถดำเนินคดีชาวกัมพูชาบุกบ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้วได้ เพราะอยู่ในเขตไทย ไม่ใช่พื้นที่พิพาท
.
จากกรณีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาออกแถลงการณ์ เมื่อ 20 ก.ย. 68 ระบุว่า “กัมพูชาคัดค้านอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลไทย เกี่ยวกับเจตนาที่จะใช้กฎหมายภายในประเทศของไทยกับพลเมืองกัมพูชาในหมู่บ้านโจกเจย และหมู่บ้านไปรจัน ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยมีรายละเอียดกล่าวหาฝ่ายไทยว่า
.
ฝ่ายไทยอ้างสิทธิ์ใช้กฎหมายภายในประเทศกับพลเมืองกัมพูชาในพื้นที่พิพาท โดยการอ้างสิทธิดังกล่าวของไทยละเมิดพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ มาตรา 2(3) และ 2(4) เป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000
.
วันที่ 21 ก.ย. 68 พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงต่อกรณีนี้ว่า ฝ่ายไทยมีสิทธิและหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศกับบุคคลที่อยู่ในเขตดินแดนของไทย ซึ่งเป็นหลักการสากลที่ทุกประเทศยอมรับ และขอยืนยันว่าพื้นที่ที่ฝ่ายไทยอาจจำเป็นต้องดำเนินการก่อนนั้น ไม่ได้อยู่ในเขตของพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือน แต่อยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทยอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักอธิปไตยของรัฐ
.
ส่วนเรื่องพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ ในมาตรา 2(3) ที่ได้ระบุไว้ว่า “รัฐสมาชิกต้องระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยวิธีสันติ เพื่อไม่ให้สันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศตกอยู่ในอันตราย” นั้น ในความเป็นจริงกลับพบว่าฝ่ายกัมพูชามักจะเป็นผู้ละเมิด อย่างกรณีการปลุกปั่น จัดฉาก ใช้ประชาชนมาเป็นผู้สร้างสถานการณ์ความรุนแรง
.
ส่วนในมาตรา 2(4) ที่ระบุว่า “รัฐสมาชิกต้องละเว้นจากการคุกคามหรือการใช้กำลังต่อบูรณภาพแห่งดินแดน” กลับเป็นฝ่ายกัมพูชาอีกเช่นกันที่เป็นผู้ละเมิด อย่างกรณีการรุกรานรุกล้ำอธิปไตยไทย ด้วยการนำกำลังทหารพร้อมอาวุธมาวางกำลังในดินแดนอธิปไตยไทย และการแอบลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 ในดินแดนอธิปไตยไทย แม้ว่าจะมีข้อตกลงหยุดยิงแล้วก็ตาม
.
สำหรับกรณีที่กล่าวหาว่าเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ว่าด้วยการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ขัดต่ออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมนั้น ต่อกรณีนี้เป็นฝ่ายกัมพูชาอีกเช่นกันที่เป็นผู้ละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ด้วยการละเลย ไม่จริงใจ ปล่อยให้มีการก่อสร้างอาคาร สถานที่ บ้านเรือนชุมชน ทั้งในเขตพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ และในเขตพื้นที่อธิปไตยของไทย ฝ่ายไทยได้ทำการประท้วงตามข้อกำหนด MOU 2000 จำนวนกว่า 500 ครั้งตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา แต่ฝ่ายกัมพูชาเพิกเฉยและไม่ยอมแก้ไขมากว่า 20 ปี
.
สำหรับกรณีที่กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรมที่บ่อนทำลายความพยายามลดความตึงเครียด ตามข้อตกลงหยุดยิงนั้น ต่อกรณีนี้อีกเช่นกันที่เป็นฝ่ายกัมพูชาเองที่เป็นผู้สนับสนุนและดำเนินการแบบไม่เปิดเผย เพื่อให้มีกิจกรรมการชุมนุมของประชาชนในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว ด้วยท่าทีที่ก้าวร้าว และมีการใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยในเขตอธิปไตยของไทย จนมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายราย
.
จึงขอยืนยันว่าฝ่ายไทยมีเจตนาที่จะแก้ไขปัญหาชายแดนโดยสันติวิธี โดยจะไม่ใช้กำลังรุกรานใคร การดำเนินการในสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นนั้น อยู่ภายใต้กรอบกติกาสากลและกฎหมายไทย เพื่อรักษาอธิปไตย และปกป้องตนเองจากการคุกคามของฝ่ายกัมพูชา
.

.
“ทวิวงศ์” แนะ นายกฯ รับมือน้ำท่วมภาคกลาง กระจายน้ำสู่ทุ่งรับน้ำเหนืออยุธยา
.
“ทวิวงศ์ โตทวิวงศ์” เสนอ “นายกฯ อนุทิน” 3 แนวทางแก้ปัญหาน้ำท่วมภาคกลาง แนะกระจายน้ำสู่ทุ่งรับน้ำเหนืออยุธยา ลดผลกระทบพื้นที่อยุธยาหลังท่วมกว่า 28,000 ครัวเรือน
.
วันที่ 20 กันยายน 2568 นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.พระนครศรีอยุธยา เขต 1 พรรคประชาชน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลางขณะนี้ โดยเฉพาะที่อยุธยาและอ่างทอง ซึ่งมีลักษณะปัญหาคล้ายกันคือ มีพื้นที่ “ทุ่งรับน้ำ/ทุ่งหน่วงน้ำ” เหมือนกัน รวมถึงปริมาณน้ำที่สูงในขณะนี้ จำเป็นที่จะต้องเริ่ม “มาตรการระบายน้ำเข้าทุ่งรับน้ำ” ตนจึงมีข้อเสนอถึงรัฐบาลใหม่ สืบเนื่องจากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.อ่างทอง เมื่อเช้านี้ เพื่อติดตามปัญหาน้ำท่วมร่วมกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ
.
จากข้อมูลปัจจุบัน จ.อยุธยา ถูกน้ำท่วมกว่า 28,000 กว่าครัวเรือนใน 7 อำเภอ ซึ่งหากเทียบกับ จ.อ่างทอง ตอนนี้ผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด 1,000 กว่าครัวเรือน ซึ่งทุกคนได้รับความเดือดร้อนทั้งหมดเช่นกัน และในพื้นที่ อ่างทอง-อยุธยา สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้คล้ายกัน แต่เนื่องจากอยุธยา เปรียบเสมือนเป็น “ปราการสุดท้าย” เพื่อป้องกันน้ำเข้าสู่พื้นที่ปริมณฑล และ กทม. จึงทำให้น้ำจำนวนมากถูกกั้นไว้ในพื้นที่อยุธยา
.
ดังนั้นข้อเสนอเร่งด่วนของตนเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมภาคกลางในระยะเฉพาะหน้าและระยะกลาง ในช่วงปัจจุบันที่น้ำเริ่มมีการระบายเพิ่มมากขึ้น มีทั้งหมด 3 ข้อด้วยกัน
.
1. ในฐานะ รมว.มหาดไทย จำเป็นต้องเตรียมจุดอพยพที่ไม่ใช่เพียงแค่เต็นท์เพื่อเป็นที่จอดรถเท่านั้น แต่จำเป็นต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เช่น ห้องน้ำ รถน้ำดื่มสะอาด ที่นอนและมุ้งชั่วคราว รวมถึงสามารถขอความร่วมมือกับอาคารสาธารณะ เช่น วัด หรือ โรงเรียน และอาคารราชการ ที่สร้างอยู่สูง หรือมีหลายชั้น เพื่อเปลี่ยนเป็นศูนย์อพยพที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมสรรพ
.
2. ด้านการจัดการน้ำ มีการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาค่อนข้างมาก ขอเสนอให้เริ่มการระบายน้ำเข้าสู่พื้นที่ “ทุ่งรับน้ำ” บริเวณทั้งซ้ายและขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา อีกทั้งปัจจุบันข้อมูลการเก็บเกี่ยวข้าวในทุ่งแทบจะเก็บเกี่ยวครบหมดแล้ว จึงเป็นเหตุผลที่จะต้องหา “ที่อยู่” ให้น้ำได้ โดยไม่พยายามกักน้ำไว้เพียงลำแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะส่งผลให้บ้านริมน้ำทุกหลังจะยังคงน้ำท่วมสูงต่อไป
.
3.หากมีการใช้ทุ่งรับน้ำในพื้นที่อยุธยาแล้ว ขอเสนอให้ใช้พื้นที่ทุ่งรับน้ำหรือพื้นที่หน่วงน้ำตามแนวลำน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ชัยนาท สิงห์บุรี และอ่างทอง ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ อ่างทองมีทุ่งป่าโมก ซึ่งเป็นทุ่งที่สามารถรับน้ำได้เป็นจำนวนมากเช่นกัน เพื่อเป็นการกระจายน้ำออกตามทุ่งรับน้ำ หรือ “ฝากน้ำไว้ ตามที่อยู่ที่น้ำควรจะไป” กระจายน้ำสู่ทุ่งรับน้ำที่อยู่ตามจังหวัดต่างๆ ทางเหนือของอยุธยาเพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงมาสู่อยุธยาให้มากขึ้น เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ที่บ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำ ซึ่งในขณะนี้น้ำสูงมากจนอาจจะเข้าท่วมพื้นบ้านชั้น 2 แล้ว
.

.
วุฒิสภา นัดถกรายงาน กมธ.กาสิโน 23 ก.ย.นี้ ขณะที่รายงานศึกษา ค้านร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์
.
‘วุฒิสภา’ นัดถกรายงาน กมธ.กาสิโน 23 ก.ย.นี้ ขณะที่รายงานศึกษาค้าน ร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ฉบับ ‘รัฐบาล-แพทองธาร’ ชี้ขัดรธน. มีผลกระทบหลายมิติ
.
เมื่อวันที่ 21 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้นัดประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณารายงานการศึกษาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ที่มีนพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สว. เป็นประธานกมธ. ในวันที่ 23 กันยายนนี้
.
ทั้งนี้ สำหรับเนื้อหาของรายงานการศึกษาดังกล่าว มีสาระสำคัญ ซึ่งระบุถึงการศึกษารายละเอียดของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ…  ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตรร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อผลักดันโครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยมี กาสิโน เป็นองค์ประกอบหลักเป็นนโยบายที่ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ขาดหลักฐานนเชิงประจักษ์ถึงความเหมาะสมในบริบทของประเทศไทย อีกทั้งแฝงไว้ด้วยความเสียหายหลายมิติ อาทิ ทางเศรษฐกิจ ไม่มีความชัดเจนด้านความคุ้มค่าของการลงทุน เพราะเป็นกิจการที่ไม่เกิดรายได้ที่แท้จริงคือ ก่อให้เกิดการผลิตสินค้า และบริการ แต่เป็นกิจการที่โอนเงินจากผู้เล่นที่เสียไปให้ผู้เล่นที่ได้ และยิ่งไม่คุ้มค่าเมื่อพิจารณาจากต้นทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและภาระของรัฐที่แบกรับ
.
ในรายงานระบุด้วยว่า มิติทางสังคมและสุขภาพ จะเกิดผลกระทบจากการเสพติดพนัน เกิดความรุแนรงในครอบครัว เพิ่มขึ้นของอาชญากรรมและกระทบต่อระบบสุขภาพระยะยาว ขณะที่มิติกฎหมายและความมั่นคง มีความเสี่ยงเป็นแหล่งฟอกเงิน องค์กรอาชญากรรม และเชื่อมโยงกับกิจกรรมผิดกฎหมายหลายฉบับ และอาจขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง ที่กำหนดให้รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายและหลักนิติธรรม เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม และมาตรา 26 วรรคหนึ่ง ที่กำหนดให้การตราากฎหมายต้องไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม
.
กรณีรัฐบาลเสนอร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ แม้ชื่อร่างไม่ได้ชี้ชัดว่ามุ่งเน้นให้มีกาสิโนเป็นหล้ก แต่ด้วยเหตุผลที่ระบุชัดว่าเพื่อสนับสนุนให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน และกำหนดให้มีประเภทธุรกิจสถาบันเทิง ตามบัญชีแนบท้ายอย่างน้อย4 ประเภท และต้องร่วมกับกาสิโนอยู่ด้วยเสมอ ดังนั้น ร่างกฎหมายจึงเปิดให้มีธุรกิจบ่อนการพนันโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งย้อนแย้งต่อสำนึกในศีลธรรม และมาตรฐานศีลธรรมของประชาชน ซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของหลักนิติธรรมตามรัฐธรรมนูญ
.
รายงานระบุอีกว่า ในร่างพ.ร.บ.ที่กำหนดในส่วนคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ที่มี นายกรัฐมนตรีเป็นประธานและรองนายกรัฐมนตรีเป็นรองประธาน และรัฐมนตรีอื่นๆ 8 กระทรวง และให้อำนาจเสนอครม.สั่งการหน่วยงานปรับปรุง เพิ่มเติม ยกเลิกกฎหมายเพื่อเอื้อให้กับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร และมีอำนาจอื่นๆ ที่มีลักษณะกว้างขวางและรวมศูนย์อำนาจ โดยไม่มีการถ่วงดุลตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอก ถือเป็นลักษณะให้เกิดการใช้อำนาจบริหารซ้อนฝ่ายบริหาร ไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมือง เพราะไม่ถือเป็นการใช้อำนาจอธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้น จึงเป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญมาตรา 3
.
มิติด้านศีลธรรมและวัฒนธรรม ไม่สอดคล้องกับคุณค่าและหลักศีลธรรมของสังคมไทย ส่วนมิติด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มีความเป็นไปได้ในการถูกวิพากษ์วิจารณ์จากประชาคมระหว่างปรระเทศเกี่ยวกับการส่งเสริมพฤติกรรมเสี่ยง ไม่พัฒนาแต่ทำลายทรัพยากรมนุษย์และเป็นการเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า ระยะสั้น ไม่ยั่งยืน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่