ค่าวีซ่าทำงาน 1 แสนเหรียญ มีผลวันจันทร์ ส.-อา. นี้บริษัทเรียกตัวกลับกันรัวๆแล้ว…บร้าจริง ซื้อตั๋วกันทันมั้ย


สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
มองในมุมของคนอเมริกัน...
เมืองที่ฉันอยู่ เมื่อก่อนไม่ค่อยจะมีคนอินเดียแทบให้เห็น
ร้านอาหารอินเดียมีน้อยมาก ปีสองปีมานี้ ประชากรมนุษย์อินเดียเพิ่มขึ้นมาก
ไม่รู้มาจากไหน เยอะเหลือเกิน ตอนมาใหม่ๆ สามารถแยกออกได้นะ ว่าคนไหน อินเดียน อเมริกัน ( อพยพมาอยู่กันนานแล้ว)
กับ อินเดียนชมพูทวีป ที่เพิ่งจะมาใหม่ บอดี้และผิวพรรณต่างกันพอสมควร ผู้หญิงไม่ใส่ส่าหรี่ไปไหนมาไหนแล้ว ผู้ชายตัวหนาพอๆกับฝรั่งที่นี่

มาเข้าเรื่องวีซ่า... บริษัทที่ออฟเฟอร์มนุษย์ไอที วิศกรรมไอที งานระดับบนเหล่านี้ ส่วนมากมักพ่วงแฟมิลี่หรือครอบครัวกันมาด้วย
ขนกันมาทั้งบ้าน ผู้หญิงที่ตามผัวมาอยู่ที่นี่ ไปไหนมาไหนยังนุ่งส่าหรี่อยู่  คนอเมริกันใกล้ๆตัว รอบตัวบางคนเห็นด้วยกับทรัมป์เรื่องนี้
บริษัทการเงินต่างๆตอนนี้ นอกจากพวกผิวขาวเชื้อยิวแล้ว ตอนนี้มนุษย์อินเดียเยอะขึ้นอย่างน่าแปลกใจ เดี๋ยวนี้พวกงานบริษัทใหญ่ๆ
มนุษย์อินเดียมีตำแหน่งใหญ่กว่า มนุษย์ขาวอเมริกันเยอะมาก พวกขาวก็ไม่ค่อยเห็นด้วยที่จะเป็นลูกน้องมนุษย์แขกชมพูทวีปที่เพิ่งมาได้ไม่นาน
พอทรัมป์ออกกฎประหลาดนี้มา คนขาวพวกนี้จากที่อยู่ตรงข้ามทรัมป์ (สีน้ำเงินจ๋า เดโมแครตทั้งใจ) ต่างเห็นด้วยกับทรัมป(ในข้อกฏนี้เท่านั้น)
คนนอกอย่างเรา ที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้ ก็นั่งดูห่างๆ กินป๊อปคอนพลางๆไป เชื่อว่า ถ้าทรัมป์ไม่ออกกฎหมายนี้ คนขาวจะออกมาเดิน
ประท้วงกันในเร็วๆวัน ฝั่งอังกฤษก็มีประท้วงไม่เอาผู้อพยพให้ได้เห็นแล้ว ฝั่งคนขาวอเมริกันเห็นการประท้วงนี้แล้วเห็นดีเห็นงาม
ก็อยากจะทำตามบ้าง ในอนาคตอันใกล้ พอมีกฎหมายแบบนี้ออกมาเสียก่อน  ก็ต้องรอดูกันต่อไป ว่าบริษัทต่างๆ จะยอมจ้างมนุษย์อินเดีย
เข้ามาทำงานแบบที่ผ่านมาเพิ่มอีกหรือไม่
ความคิดเห็นที่ 7
รายละเอียดกรณีนี้คือคนต่างชาติที่สมัครงานจ่าย $100,000 เพื่อให้ได้ H-1B visa เร็วขึ้น ถ้าบริษัทที่จ้างงานเป็นผู้จ่ายก็ $200,000 เพื่อให้คนงานที่ต้องการจ้างได้วีซ่าเร็วขึ้น นี่ยังไม่รวมที่ Howard Lutnick เรียก vetting cost ซึ่งจะเท่าไหร่ก็ไม่รู้ วีซ่า H1-B มีอายุ 3 ปี ต่อได้อีก 3 ปี นี่ก็เป็นปัญหาขึ้นมาอีก ว่าจะเรียกเก็บ $300,000 สำหรับทั้ง 3 ปีเลยหรือเปล่า หรือเก็บเป็นรายปี

เรื่องวีซ่า H-1B ปีนี่ก็ตามฟอร์มทรัมป์ คือกลับไปกลับมาจนผู้คนตามกันไม่ทันเหมือนเรื่องอื่นๆ นั่นแหละ ตอนที่ยังดีๆ กับ Elon Musk อยู่ทรัมป์สนับสนุน H-1B visa อย่างสุดฤทธิ์สุดเดช (Elon Musk เข้าอเมริกาจากแคนาดามาได้ด้วยวีซ่านักเรียน แล้วต่อมาอ้างว่าเปลี่ยนเป็นวีซ่า H-1B) ขนาดประกาศตอนหาเสียงปี 2024 ว่าจะเปิดกว้างให้คนต่างชาติทุกคน ขอ H1-B วีซ่าเพื่อทำงานได้หมดตราบใดที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐ ย้อนกลับไปไกลกว่านั้น สมัยแรกที่เป็นประธานาธิบดีนี่ต่อต้า H1-B วีซ่าอย่างสุดฤทธิ์สุดเดชอีกเหมือนกัน

เรื่องของเรื่องคือทรัมป์มีนิสัยฟังใครเป็นคนสุดท้ายก็ว่าตามนั้นเพราะคิดเองไม่ได้ ดูอย่างสงครามรัสเซีย-ยูเครนเป็นตัวอย่างชัดเจนที่สุด พูดกับสมาชิก NATO และประธานาธิบดีเซเลนสกี้เป็นอย่างหนึ่ง พอไปพูดกับปูติน กลายเป็นอีกอย่าง กลับมาพูดกับสมาชิกกลุ่ม EU กลายเป็นอีกอย่าง ไปพูดกับปูตินอีก กลับไปเป็นอีกอย่าง ตามกันไม่ทันหรอกค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่